“วีรบุรุษ 2 เลน” ปัด ศอ.รส.สั่งปิดซอยสวัสดี ยันปล่อยชาวบ้านสัญจรตามปกติ อ้างประกาศใช้เพราะมีพวกไปก่อม็อบทำคนในซอยเดือดร้อน ยันเจ้าหน้าที่จัดการม็อบเน้นอะลุ่มอะล่วย ยังจะอ้าง!! ขอ 2 เลนช่วยการจราจร ซัดพวกปิดถนนผิดกฎหมาย โบ้ยพวกป่วนหวังเบนประเด็นแก้ปัญหาของรัฐ
วันนี้ (9 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ประกาศของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส) มีการปิดการจราจรบริเวณโดยรอบบ้านพักนั้นว่า ตนยืนยันว่าไม่ได้ปิดถนน เหมือนกับที่เขาออกประกาศบริเวณสภา ซึ่งถ้อยคำอาจจะทำให้เกิดความสับสนและการสัญจรผ่านไปมาก็ยังทำได้ปกติ เพียงแต่ว่าใครที่ไปสร้างความเดือดร้อน ทำให้การจราจรติดขัด มีการใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ขออนุญาต ก็จะมีความผิดตามกฎหมายด้านความมั่นคง และการที่ประกาศเรื่องนี้เพราะว่าการเดินขบวนเมื่อวันก่อน ทำให้ประชาชนที่อยู่ในบริเวณซอยนั้นมีความเดือนร้อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นความพยายามตอบโต้ของกลุ่มเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ เพื่อทำให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้ที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนอยากย้ำว่า วันนี้สังคมจะต้องอยู่กับความเป็นจริงว่ามีการกระทำที่ผิดกฎหมายเวลามีการกระทำมี่ผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่พยายามที่จะรักษา โดยความอะลุ้มอล่วย ซึ่งจะเห็นได้จากการเข้าไปเจรจา ไม่ได้มีเหตุของการใช้ความรุนแรงและไม่กระทบต่อการชุมนุม เพียงแต่ว่ากรณีของเปิดเส้นทางการจราจรสองช่องทาง เพื่อเปิดทางให้ประชาชนสัญจรไปมาได้ และการขอคืนพื้นที่ในส่วนของสะพานชมัยมรุเชษฐ เพื่อให้การเข้า-ออกทำเนียบรัฐบาลนั้นทำให้สะดวกมากขึ้น สิ่งไม่ได้มีการกระทบต่อสิทธิของผู้ชุมนุมเลย ฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะมาอ้างว่าใช้อำนาจในทางไม่ชอบ หรือว่าจะต้องมาตอบโต้อะไร เพราะแท้ที่จริงแล้วการปิดถนนนั้นเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
เมื่อถามว่า เหมือนกับว่าเป็นการดึงให้นายกรัฐมนตรี มาเป็นคู่กรณีกับประชาชน หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เขาพยายามที่จะทำอย่างนั้น ตนยืนยันว่าตนเองไม่มีปัญหาอะไรกับใคร ตนมีเพียงหน้าที่ที่จะรักษากฎหมายและเดินหน้าทำงาน เพราะความพยายามที่จะให้เกิดความวุ่นวายก็เพื่อที่จะให้เกิดการเบี่ยงเบนประเด็นการแก้ไขของรัฐบาล ซึ่งเรามีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาทุกเรื่อง กลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ก็จะสามารถเดินทางกลับได้ เนื่องจากหลายเรื่องได้มีความคลี่คลายแล้ว ซึ่งอาจเหลือเพียงแค่เรื่องของปากมูล ในเรื่องของระดับน้ำ และเรื่องดังกล่าวไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับประโยชน์ของหน่วยงานของรัฐ แต่เป็นประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่มีมีความขัดแย้ง
เมื่อถามต่อว่า หากปัญหาเรื่องเขื่อนปากมูลยังไม่ได้ข้อสรุป จะมีการจ่ายค่าชดเชยให้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องค่าชดเชยเป็นเรื่องอีกประเด็นหนึ่ง เพราะประเด็นหลักตอนนี้เป็นเรื่องของการฟื้นฟูระบบนิเวศ ตามที่มีการศึกษาและผลกระทบเรื่องระดับน้ำ ส่วนค่าชดเชยต้องไปว่ากันอีกครั้ง เพราะต้องมีการตรวจสอบอีกหลายอย่าง ทั้งนี้เคยมีการจ่ายค่าชดเชยในแง่ของผลกระทบจากการสร้างโดยตรง เพราะทำไปหมดแล้ว แต่ที่เรียกร้องขณะนี้คือเรื่องการชดเชยหลังจากที่มีการเปิดใช้เขื่อน