“ลุงจำลอง” ชี้รัฐขอคืนพื้นที่เพิ่มลำบาก หวั่นทำผู้ชุมนุมไม่ปลอดภัย ยันเปิดพื้นที่ไม่ได้ทำจราจรดีขึ้น เล็งถก กก.ป้องกันราชอาณาจักรขยายผลคำปราศรัย ขณะที่ “ขวัญดิน” ย้ำถอนห้องน้ำไม่ได้ โวยใช้สุขา กทม.เหม็นแถมเสียค่าจ้างวันละ 5 พันต่อคัน ปูดรัฐปลุกใจตำรวจรอสลาย ด้านเทศกิจงัดแผนติดประกาศไล่แม่ค้าพ้นม็อบ
คลิกที่นี่ เพื่อฟังคุณ ขวัญดิน ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (4 มี.ค.) ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงความพยายามของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการขอคืนพื้นที่เพิ่มเติม ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการสลายการชุมนุมของรัฐบาลว่า ตนเห็นว่าการขอพื้นที่เพิ่มเติมคงทำได้ลำบากเนื่องจากเราต้องรับผิดชอบความปลอดภัยของกลุ่มผู้ชุมนุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณ ถนนพิษณุโลกซึ่งทางแคบมาก หากมีรถสัญจรไปมาอาจทำให้เฉี่ยวชนผู้ชุมนุมได้ จึงขอร้องทางตำรวจว่า การเปิดพื้นที่ไม่ได้ทำให้การจราจรดีขึ้นมากเท่าไร เมื่อเทียบกับชีวิตของประชาชน ในส่วนกรณีที่ตำรวจรับปากว่าหากเปิดพื้นที่แล้วจะจัดกำลังมารักษาความปลอดภัยให้นั้น ได้เคยปฏิบัติมาแล้วในช่วงแรกของการชุมนุม ซึ่งตำรวจก็ไม่สามารถดูแลได้ตลอดเวลา และทำให้การจัดการพื้นที่เป็นไปด้วยความลำบาก
พล.ต.จำลองกล่าวด้วยว่า ในวันนี้ (4 มี.ค.) จะมีการประชุมคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย โดยตนจะนำเรื่องขยายข้อมูลในการปราศรัยอภิปรายเข้าหารือในที่ประชุมด้วย เพราะที่ผ่านมาเราพยายามนำเสนอข้อมูลในส่วนของการสูญเสียพื้นที่ 4.6 ตร.กม. หรือ 2.8 พันไร่ แต่สถานการณ์ขณะนี้ยังทำให้ประเทศไทยสุ่มเสี่ยงในการสูญเสียพื้นที่ตามตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่ จ.อุบลราชธานี จนถึง จ.ตราด รวมแล้วกว่า 1.8 ล้านไร่ ตามแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 จึงถึงเวลาที่ต้องเริ่มให้ข้อมูลแก่ประชาชนเพื่อให้เข้าใจความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
ต่อมา พล.ต.จำลองได้เชิญให้ น.ส.ขวัญดิน สิงห์คำ ผู้ประสานงานกองทัพธรรม เป็นผู้ชี้แจงกรณีที่ทาง กทม.ขอรื้อถอนห้องสุขาบริเวณทางเท้าริมกำแพงกระทรวงศึกษาธิการ และเสนอให้นำรถสุขา กทม.มาใช้แทน โดย น.ส.ขวัญดินกล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อมาเมื่อวันที่ 3 มี.ค.โดยขอให้รื้อถอนเนื่องจากกีดขวางทางจราจร และเสนอให้นำมารถสุขา กทม.มาแทน แต่เราก็ได้ปฏิเสธไปเนื่องจากการใช้รถสุขา กทม.มีปัญหาการส่งกลิ่นเหม็น และมีการสับเปลี่ยนเวร ซึ่งทิ้งระยะเวลาหลายชั่วโมง ทำให้ผู้ชุมนุมไม่ได้รับความสะดวก อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายสูงตกคันละ 5,000 บาทต่อวัน ซึ่งเมื่อครั้งการชุมนุม 193 วันของพันธมิตรฯ ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงถึงหลายล้านบาททีเดียว ดังนั้นจึงเห็นว่าห้องสุขาที่มีอยู่ 48 ห้องข้างกำแพงกระทรวงศึกษาธิการนั้นมีความจำเป็นต่อผู้ชุมนุม ทั้งนี้ ในเวลา 13.30 น. ทางเจ้าหน้าที่ก็จะมาพบกับตนเพื่อประสานงานให้รื้อถอนอีกครั้ง โดยตนยังยืนยันว่าจะปฏิเสธเช่นเดิม อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการเปิดพื้นที่จราจรด้านสะพานชมัยมรุเชฐ ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามมาประสานงานทุกวัน
“กระบวนการเหล่านี้เป็นความพยายามในการสลายการชุมนุมเป็นลำดับ จากการยึดคืนถนน 2 เลน ต่อมาก็มากดดันเรื่องห้องสุขา ซึ่งรัฐบาลทราบดีว่ามีความจำเป็นต่อการชุมนุมมาก และเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้ผู้ชุมนุมลำบากและยุติการชุมนุมเอง อีกทั้งยังมีมาตรการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในทำเนียบรัฐบาลฝึกซ้อมและร้องเพลงปลุกใจข่มขวัญผู้ชุมนุมเป็นประจำทุกวัน” น.ส.ขวัญดินกล่าว
ผู้ประสานงานกองทัพธรรมยังเปิดเผยอีกว่า ในพื้นที่การชุมนุมมีห้องสุขาทั้งหมด 115 ห้อง และห้องอาบน้ำอีก 45 ห้อง คาดว่าในที่สุดแล้วเจ้าหน้าที่จะพยายามขอรื้อถอนทั้งหมด และในส่วนของผู้ค้าบนทางเท้าที่เจ้าหน้าที่เทศกิจขอให้งดการใช้พื้นที่ทางเท้าตั้งแผงค้า โดยเจ้าหน้าที่ได้ขอให้ผู้ค้านำแผงค้าภายใน 3 วันนี้ ซึ่งตนได้ขอให้เจ้าหน้าที่แจ้งล่วงหน้าก่อนที่จะเข้ามาดำเนินการตามขั้นตอน เพื่อให้ผู้ค้าได้เตรียมตัว อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ผู้ค้าจะเจรจากับทางเทศกิจเอง
หลังจากนั้นเมื่อเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่เทศกิจจากสำนักงานเขตดุสิต ได้นำประกาศเรื่องห้ามจำหน่ายสินค้าบนถนนหรือในสถานที่สาธารณะ ซึ่งลงนามโดย น.ส.อารีย์ วงศ์นพรัตน์เลิศ ผู้อำนวยการเขตดุสิต มามอบให้แก่ผู้ค้าบริเวณรอบพื้นที่การชุมนุม พร้อมแจ้งให้แผงค้าออกจากพื้นที่ โดยอนุโลมให้ตั้งแผงค้าได้ถึงวันที่ 7 มี.ค.นี้ ทั้งนี้ ในการเจรจาผู้ค้าส่วนใหญ่แสดงความพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการนำแผงค้าออกจากพื้นที่ แต่ผู้ค้าบางส่วนรอให้มีคำสั่งศาลแพ่งในช่วงบ่ายวันนี้ก่อนตัดสินใจอีกครั้ง