“วิเชียร” ยันส่งฟ้องคดี พธม.ชุมนุมสนามบินเร็วๆ นี้

ผบ.ตร.ยันเตรียมส่งฟ้องพันธมิตรฯ คดีชุมนุมสนามบินและสถานที่ราชการต่ออัยการเร็วๆ นี้ แต่ยังไม่ชัดภายในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้า พร้อมเดินหน้าขอคืนพื้นที่ต่อ-ประสาน กทม.เข้ามารื้อถอนบ่อเก็บสิ่งปฏิกูล แนะพันธมิตรฯ ประกาศข้อเรียกร้องแล้วก็ควรยุติการชุมนุมได้

วันนี้ (3 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.กล่าวถึงการพิจารณาสั่งฟ้องคดีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมหน้าสนามบินและสถานที่ราชการว่า สำหรับคดีดังกล่าวคาดว่าจะสามารถสั่งฟ้องต่ออัยการได้ในเร็วๆ นี้ เนื่องจากมีผู้ต้องหาบางรายที่จะถูกฝากขังครบผลัดที่ 4 ในวันที่ 7 มี.ค.นี้ ประกอบกับตอนนี้ทางพนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าวก็กำลังเร่งสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นอยู่ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่า จะสั่งฟ้องได้ในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้า

“วิเชียร” ลั่นขอคืนพื้นที่ต่อ-ประสาน กทม.รื้อถอนสุขา พธม.

พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบริเวณรอบทำเนียบรัฐบาลว่า สำหรับการขอคืนพื้นที่จากผู้ชุมนุมบริเวณรอบทำเนียบรัฐบาลนั้น ตอนนี้คงต้องค่อยๆ คลี่คลายไป แต่ทาง ศอ.รส.มีนโยบายว่า การปฏิบัติงานต้องยึดหลักกฎหมายและความเสมอภาคเป็นหลัก ถึงแม้ตอนนี้กลุ่มพันธมิตรฯ จะยอมคืนพื้นที่บางส่วนบริเวณถนนราชดำเนินนอก ฝั่งถนนคู่ขนานหน้ากระทรวงศึกษาธิการ แต่ผู้ชุมนุมก็ยังไม่ยินยอมให้มีการรื้อถอนบ่อเก็บสิ่งปฏิกูลที่ถูกก่อสร้างอยู่บริเวณพื้นผิวการจราจร โดยตอนนี้ทาง ตร.ก็ได้ประสานงานไปยังกรุงเทพมหานครให้เข้ามารื้อถอนและดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อที่ผู้สัญจรผ่านไปมาบริเวณดังกล่าวจะได้รับความสะดวกมากขึ้น ส่วนการชุมนุมของกลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติที่ปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐและถนนพิษณุโลกนั้น ตอนนี้ถือว่ามีจำนานผู้ชุมนุมไม่มากเท่าที่ควร ประกอบกับพื้นที่การชุมนุมได้กีดขวางทางเข้าออกทำเนียบฯ จึงอยากให้ผู้ชุมนุมเปิดพื้นที่บริเวณทางเข้าออกดังกล่าวด้วย

ผบ.ตร.แนะพันธมิตรฯ ควรกลับบ้าน

“หลังจากผู้ชุมนุมประมาณ 2,000-3,000 คน มาปักหลักชุมนุมและประกาศข้อเรียกร้องให้ประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบความต้องการแล้วก็ควรจะยุติการชุมนุมไป และหากข้อเรียกร้องที่เสนอไปไม่ได้รับการตอบสนองจึงค่อยกลับมาชุมนุมเรียกร้องใหม่อีกครั้ง ไม่ใช่มาชุมนุมเป็นเดือนเป็นปีอย่างนี้ เพราะประชาชนส่วนใหญ่จะได้รับความเดือดร้อน ประกอบกับพื้นที่ในการชุมนุมเรียกร้องก็ควรเป็นพื้นที่ที่เหมาะสม ไม่ใช่มาชุมนุมอย่างเช่นปัจจุบันนี้” ผบ.ตร.กล่าว

พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินการของ ศอ.รส.หลังจากนี้ก็จะมีการพิจารณาว่า จะมีข้อกฎหมายอะไรบ้างที่จะสามารถนำมาใช้กับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายได้ โดยตอนนี้เราก็ออกกฎหมายมารองรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หลายฉบับ ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวและระงับการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 นั้น ตอนนี้เราก็ดำเนินการตามหน้าที่ แต่หากศาลแพ่งมีคำสั่งออกมาเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องมาพิจารณาภายหลัง

DEA หารือแนวทางปราบยาเสพติด ตร.ไทย

วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายโทมัส เอ็ม ฮารีแกน รองผอ.หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา หรือ DEA ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เพื่อหารือแนวทางการปราบปรามยาเสพติดร่วมกัน

พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวภายหลังการเข้าพบว่า ในวันนี้ตนได้เข้าพบและหารือกับนายโทมัส เอ็ม ฮารีแกน ในเรื่องการพัฒนาการปราบปรามยาเสพติดร่วมกัน และการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปอบรมและฝึกฝนการปฏิบัติงานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนข่าวสารและทราบว่า ในปัจจุบันยาเสพติดประเภทเฮโรอีนไม่ค่อยแพร่หลายไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเท่าที่ควร แต่ส่วนใหญ่จะถูกนำเข้าไปที่ประเทศแถบตะวันออกกลางมากกว่า ซึ่งเราก็ต้องระมัดระวังไม่ให้ยาเสพติดประเภทดังกล่าวถูกนำเข้ามาในประเทศไทย เพราะจากสถิติเมื่อปีที่ผ่านมาพบว่า เฮโรอีนที่สามารถจับกุมได้ มักจะถูกนำเข้ามาจากประทศแถบตะวันออกกลาง

ผบ.ตร.ให้ ปคบ.คุมเข้มขายน้ำมันปาล์มเกินราคา

พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. กล่าวถึงการควบคุมร้านค้าที่จำหน่ายน้ำมันปาล์มเกินราคาว่า หลังจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ได้มีคำสั่งให้ ตร.เข้าไปดูแลและควบคุมร้านค้าที่จำหน่ายน้ำมันปาล์มเกินราคา ตนก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้าไปในดูแล โดยมอบหมายให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการเรื่องนี้ และต้องรายงานการปฏิบัติงานเข้าทุกวันศุกร์ ซึ่งเราจะเข้าไปตรวจสอบในเรื่องการจำหน่ายสินค้าเกินราคาและการกักตุนสินค้า โดยหลังจากนี้คงต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานก่อน อย่างไรก็ตามหากประชาชนพบเห็นการกระทำดังกล่าวสามารถร้องเรียนและแจ้งเบาะแสเข้ามาที่หมายเลข 1135

เมื่อถามว่าจะมีการเข้าไปดูแลการจำหน่ายน้ำมันชนิดอื่นที่เกินราคาและช่วงนี้เริ่มขายตลาดด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวว่า ตอนนี้คงต้องเน้นหนักในเรื่องของน้ำมันปาล์มตามนโยบายของรัฐบาลก่อน ซึ่งหากร้านค้าหรือผู้ประกอบการใดมีพฤติกรรมจำหน่วยสินค้าเกินราคาและการกักตุนสินค้าจะถือว่ามีความผิดทางกฎหมายอาญา