ที่ประชุม ครม.เห็นชอบตามข้อเสนอคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ชดเชยข้าวเปลือกเหนียวให้เกษตรกรชาวอีสาน เพิ่มตันละ 500 บาท
วันนี้ (8 มี.ค.) นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบตามข้อเสนอคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ หรือ กขช. เสนอ คือ 1.ข้าวเปลือกพันธุ์ปทุมธานี มีการปรับจากเดิมตันละ 11,000 เป็น 11,500 2.ข้าวเปลือกจ้าวจากเดิมราคาอยู่ที่ 10,000 เป็น 11,000 3.ข้าวเปลือกเหนียว จากเดิมตันละ 9,500 บาท เป็น 10,000 บาท ส่วนการกำหนดปริมาณรับประกันปรับทั้ง 3 สายพันธุ์ เป็นครัวเรือนละ 30 ตัน หรือคำนวณฐานการผลิตประมาณ 40 ไร่
นายวัชระกล่าวว่า รมว.เกษตรฯได้รายงานในที่ประชุมรับทราบว่าผลจากการประชุม กขช.ข้อมูลและข้อเท็จจริงว่า ต้นทุนการผลิตของเกษตรกรสูงขึ้นจึงควรปรับราคาข้าว ซึ่งในราคาดังกล่าวถือว่าเหมาะสม ไม่กระทบโครงสร้างหลักของโครงการประกันรายได้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้บัญชาให้หน่วยงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้เร่งไปทำความเข้าใจชี้แจงกับประชาชนได้เข้าใจถึงเหตุผลและสาเหตุในการปรับราคาดังกล่าว ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับข้อเสนอของเกษตรกรบางแห่ง ซึ่งเหตุผลคืองบประมาณที่ใช้ในการปรับราคาต้องใช้นับหมื่นล้าน และการปรับคำนึงถึงโครงสร้างของการประกัน เพื่อไม่ให้เสียสมดุล
นอกจากนี้ นายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้หยิบยกเรื่องข้าวเปลือกเหนียวว่าในส่วนของประชาชนชาวอีสาน จากการที่รัฐบาล หรือ กขช.มีการปรับเพิ่มขึ้นอีกตันละ 500 บาท แต่ในส่วนเกษตรกรในพื้นที่ภาคอีสานเพาะปลูกได้ปีละ 1 ครั้ง ถือว่าไม่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการประกันรายได้ ไม่เท่าเทียมที่อื่น จึงเสนอที่ประชุมว่าถ้าเป็นไปได้อยากให้ ครม. หรือ กขช.พิจารณาการชดเชยโดยเฉพาะเรื่องข้าวเหนียว ซึ่งนายกฯ รับว่าจะมีการพิจารณาต่อไป
นายวัชระกล่าวอีกว่า รมว.คลังยังได้สอบถาม รมว.เกษตรฯ ถึงสถานการณ์น้ำในปีนี้ ซึ่งรมว.เกษตรฯรายงานว่าปริมาณน้ำทั้งประเทศเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 60 ของปริมาณน้ำในเขื่อน ซึ่งต่ำกว่าปีที่แล้วประมาณ 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่จากการคำนวณการปลูกพืช โดยเฉพาะข้าวมีประมาณ 13 ล้านไร่ ซึ่งปริมาณที่มีอยู่สามารถใช้ในพื้นที่เพาะปลูกได้ 12 ล้านไร่ ถือว่าเหมาะสมและควบคุมได้ ส่วนการบริโภคอุปโภคต้องมีการสำรวจตรวจสอบอย่างเคร่งครัด
