xs
xsm
sm
md
lg

"ประพันธ์" ชี้ "แม้ว-จิ๋ว-สมัคร" บริหารปท.เสียหายรวมกันยังไม่เท่า "มาร์ค" เพียงคนเดียว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ประพันธ์" ชี้ "อภิสิทธิ์" เป็นนายกฯคนแรกและคนเดียวที่บริหารประเทศล้มเหลวทุกด้าน แจงตั้งแต่สมัย "สุจินดา - ชวน - ชวลิต -ทักษิณ - สมัคร - สมชาย" บริหารประเทศเสียหายรวมกันยังไม่เท่า "อภิสิทธิ์" เพียงคนเดียว เนื่องจากถึงขั้นทำไทยเสียแผ่นดิน พร้อมแฉรัฐบาลเลียนแบบ "แม้ว" แทรกแซงทุกองค์กรอิสระ จนไม่แน่ใจว่าตุลาการภิวัฒน์จะยังมีอยู่หรือไม่

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายประพันธ์ คูณมี"  

วานนี้ (4 มี.ค.) นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ขึ้นกล่าวบนเวทีว่า มีคนถามมากว่านายอภิสิทธิ์จะอยู่ในอำนาจไปได้นานสักเท่าไหร่ แล้วพันธมิตรจะมีแนวทางมาตรการอย่างไร

นายประพันธ์ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯคนแรกและคนเดียว ที่บริหารบ้านเมืองล้มเหลวทุกด้าน ที่ผ่านมาแม้ดีๆ ชั่วๆ ไม่ว่าจะเป็น นายชวน พล.อ.ชวลิต นายบรรหาร นายทักษิณ นายสมัคร และนายสมชาย จะดีชั่วอย่างไรก็ตามแต่ แต่ก็ยังไม่เลวไม่ชั่วสมบูรณ์แบบได้เท่านายอภิสิทธิ์

ลองมองย้อนกลับไป ตั้งแต่พล.อ.สุจินดา ที่อยู่ในอำนาจได้ไม่นาน อย่างเก่งก็เกิดการประท้วงวุ่นวาย จนท่านลาออกไปความเสียหายก็จบสิ้นลง นายชวน ถูกเรื่องสปก.4-01 พอพล.ต.จำลองถอนตัวออกจากพรรคร่วม นายชวนก็ยุบสภา คดีก็ขึ้นสู่ศาลดำเนินไปตามกระบวนการ

พล.อ.ชวลิต ประเทศชาติเสียหายมากหน่อย เพราะทำให้สถาบันการเงินล้ม เงินคงคลังร่อยหรอหมดไป เศรษฐกิจล่มสลาย แต่ก็ฟื้นฟูประเทศกลับมาได้ ที่สำคัญได้หลวงตามหาบัว ออกระดมผ้าป่าช่วยชาติเศรษฐกิจก็ฟื้นฟูขึ้นมาโดยลำดับ นายชวน ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ มาถึงสมัยนายทักษิณ ที่มีการคอร์รัปชัน โกงกินบ้านเมืองเสียหาย แต่ก็ถูกประชาชนขับไล่พ้นประเทศ แผ่นดินยังไม่เสีย ส่วนนายสมัคร นายสมชาย ก็มาแค่ช่วงสั้นๆ ยังไม่เสียหายอะไรมาก

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า แต่นายอภิสิทธิ์ บริหารประเทศมา 2 ปี มีเหตุทำให้บ้านเมืองเสียหายมหาศาล นายกฯคนอื่นทั้งหมดที่ว่ามารวมกันยังเสียหายไม่เท่านายอภิสิทธิ์เพียงคนเดียวเลย

"ปีแรกของการบริหารประเทศ ก็มีการชุมนุมของเสื้อแดงในเดือนเมษายน พังการประชุมอาเซียน ผู้นำประเทศต่างๆหนีกระเจิดกระเจิง ภาพลักษณ์ประเทศเสียหายอย่างย่อยยับ แล้วก็เกิดการเผาเมืองรอบแรก ประเทศเสียหายหลายแสนล้าน ทั้งหมดนี้ก็เกิดจากความปัญญาอ่อน ความคาดไม่ถึงของนายอภิสิทธิ์ พอรอดจากเหตุการณ์แรกมาได้ก็ลำพอง โกงกินกันอย่างตามอำเภอใจในทุก ๆที่ และทุกกระทรวง ทบวง กรม ที่ทุจริตขาใหญ่ในประชาธิปัตย์มีเอี่ยวด้วยหมด

มาถึงการเผาบ้านเผาเมืองในเดือนพฤษภาคม ประเทศชาติเสียหายไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้าน และมาที่เรื่องสุดท้ายคือขายชาติขายแผ่นดิน ให้กัมพูชาได้แผ่นดิน 4.6 ตร.กม. ไปหมดแล้ว แถมเอา 7 คนไทยไปเข้าคุกกัมพูชาอีก แถมละเมิดเสรีภาพประชาชนอย่างย่อยยับ ใครพูดอะไรนายอภิสิทธิ์ก็ไม่ฟัง เห็นเสียงประชาชนเป็นเพียงเสียงนกเสียงกา เห็นคนอื่นโง่หมด" นายประพันธ์ กล่าว

นายประพันธ์ ยังกล่าวต่ออีกว่า ตนขอยกตัวอย่าง 2 เรื่องสั้นๆ ขอสอนนายอภิสิทธิ์ สักหน่อย ในขณะที่ประชาชนเดือดร้อนเรื่องน้ำมันปาล์ม เคยเห็นนายอภิสิทธิ์แสดงความสามารถในการแก้ปัญหาหรือไม่ ตนจะขอแนะนำ เมื่อปาล์มขาดแคลน มีการกักตุน ถ้าตนเป็นนายกฯจะสั่งนายสุเทพ ที่เป็นประธานน้ำมันปาล์ม เปิดให้นำเข้าเสรีเลย ทำไมถึงให้นายสุเทพเพียงคนเดียวมีสิทธิ์ในการอนุญาตว่าจะให้ใครนำเข้าหรือไม่ให้นำเข้า จริง ๆ แล้วพ่อค้าทุกคนต้องสามารถนำเข้าได้ แล้วถ้ากลัวกระทบผู้ปลูกหรือพ่อค้าในประเทศ ก็ให้องค์การคลังสินค้าพิจารณาเปิดให้นำเข้าเสรี และให้เปิดเสรีแบบจำกัดระยะเวลาเช่นช่วงแรกให้ 6 เดือนก่อน เมื่ออยู่ในระดับที่เหมาะสมก็ค่อยควบคุมการนำเข้า

หากเกิดการนำเข้าเสรี ก็จะไม่มีการกักตุน ปัญหาความขาดแคลนก็ลดลง วันนี้ที่ไม่ให้นำเข้าเสรี ก็เพราะกลัวประธานน้ำมันปาล์มหารับประทานไม่ได้เท่านั้นเอง มันต้องแก้ทั้งต้นน้ำปลายน้ำ แต่นี่มันกินกันทั้งต้นน้ำ และปลายน้ำ ต้นน้ำกินอย่างไรคือทุกวันนี้ใครจะนำเข้าต้องมาวิ่งเต้นที่คณะกรรมการน้ำมันปาล์ม ส่วนปลายน้ำคือนางพรทิวา นาคาศัย กระทรวงพาณิชย์ ที่คอยแจกโควต้า บริษัทไหนอยากได้โควต้านำเข้าก็มาวิ่งเต้นค่าหัวคิวที่นี่ น้ำหน้าอย่างนายอภิสิทธิ์รู้กลไกตลาดอะไรบ้าง รู้หรือไม่ว่าพ่อค้าหากินขูดรีดประชาชนอย่างไร สิ่งที่ทำคือให้เอาเงินภาษีประชาชนไปพยุงราคา ไปเปิดทางให้พ่อค้าทำมาหากินอีก พยุงราคาให้อยู่ที่ 47 บาท แต่ก็ทำไม่ได้

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า จะเทียบอีกเรื่องหนึ่ง วันอังคารที่แล้วครม.มีมติให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนําเข้าฯ ช่วยเหลือผู้รับเหมาก่อสร้างที่ไปลงทุนในต่างประเทศ โดยให้ธนาคารออกหนังสือค้ำประกันช่วยบริษัทรับเหมาก่อสร้างของคนไทย ล็อตแรกออกเงินตั้งกองทุนไว้ประมาณ 1 พันล้านบาท

การไปรับเหมาที่ต่างประเทศเวลาผู้รับเหมาได้งาน ต้องมีหนังสือไปวางค้ำประกันความเสียหาย และการปฏิบัติตามสัญญา ต้องเป็นหน้าที่ของผู้รับเหมาไปหาธนาคารการันตี ไปวางกับเจ้าของงานในประเทศที่ไปรับงานเอง มันหน้าที่อะไรของรัฐบาลที่ทะลึ่งเสือกไปการันตี แล้วขอถามว่ามีบริษัทรายเล็กรายน้อยที่ไหนที่สามารถไปหากินต่างประเทศได้ มันก็มีแต่ ชิโนทัย ช. การช่าง บ.วิจิตรภัณฑ์ มีแต่บริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งนั้น ซึ่งก็เป็นนายทุนของพรรคการเมืองนั่นเอง ถ้าเกิดบริษัทรับเหมาไปทำงานเสียหาย แล้วเจ้าของงานเรียกค่าเสียหาย ธนาคารก็ต้องจ่ายแทนผู้รับเหมา แล้วรู้หรือไม่ธนาคารเอ็กซิมแบงก์นี้ตั้งโดยเงินของประชาชน

"วันนี้นายอภิสิทธิ์พยายามรักษาอำนาจของตัวเอง ด้วยการเข้าแทรกแซงองค์กรอิสระทั้ง ปปช. สตง. ศาล ทำแบบเดียวกันกับนายทักษิณเลย วันนี้ตุลาการภิวัฒน์จะยังเหลือหรือเปล่าไม่แน่ใจเลย แม้กระทั่งปปช.ก็ยังไม่เชื่อว่าจะเอาความผิดกับรัฐบาลนี้ ทั้งๆที่มีประชาชนไปฟ้องร้องก็ยังดึงเรื่องไปเรื่อย ขณะนี้เราก็กำลังหารือพี่น้องให้มาช่วยกันคิดว่าเราจะอยู่กับการเลือกตั้งเพื่อเอารัฐบาลที่โกงเก่งที่สุดมาบริหารประเทศ เราจะอยู่กับการเมืองการโสโครกแบบนี้หรือ พรุ่งนี้เราจะมาพูดถึงแนวทางล้างบางนักการเมืองชั่วออกไปจากแผ่นดินไทย" นายประพันธ์ กล่าว

คำต่อคำ “ประพันธ์ คูณมี”ปราศรัย

“พ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักครับ เพลงตัวตลก ก็เป็นเพลงโหมโรงก็แล้วกันนะครับ เพราะว่าวันนี้มันกลายเป็นเพลงประจำตัวผมไปเสียแล้ว แต่ผมไม่ได้เป็นตัวตลกนะ คนที่เป็นตัวตลกคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ครับ

กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องผู้รักชาติ และพี่น้องชาวไทยที่อยู่ในต่างประเทศ ทั่วโลก ที่ยืนหยัดต่อสู้ร่วมกับพวกเราครับ สวัสดีและทักทายพ่อแม่พี่น้องของเราทั่วประเทศด้วยครับ

ความจริงวันนี้นึกว่าจะถือโอกาสขาดโรงเรียน หรือลาพัก แต่ปรากฏว่าพี่น้องประชาชนบอกว่า คุณประพันธ์ ตอนนี้เขาเรียกว่า สั่งเตรียมพร้อม 100% ห้ามคุณประพันธ์ไข้และป่วย เพราะฉะนั้นผมเลยต้องรักษาสุขภาพตัวเอง ว่าต้องมาพบกับพี่น้องทุกวัน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ แม้ว่าวันนี้คุณสนธิมาแล้ว ผมจะถือโอกาสแว้บก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะเสียหาย ว่าเอ๊ะพอมาแล้วทำไมต้องหลบด้วย ก็เลยต้องมาด้วยกันทั้งคู่วันนี้ วันนี้มาครบทีมแล้วนะครับพี่น้องครับ

ยังไงเราก็ต้องยืนหยัดต่อสู้ครับ เพราะว่านอกจากว่าชีวิตนี้ขอเป็นข้าพระบาท ข้าประชาชนแล้ว ชีวิตนี้ขอตามล้างตามผลาญไอ้ตัวตลกไปจนกว่ามันจะถึงกาลพินาศสันตะโรล่ะครับ

ก็ไม่ได้จองล้างจองผลาญ ไม่ได้จงเกลียดจงชัง ไม่ได้มีความอาฆาตแค้นอะไรกับนายอภิสิทธิ์นะครับ แต่ว่าผมไม่ชอบคนตอแหลครับ ผมไม่ชอบคนที่เป็นของปลอมแล้วมาสร้างภาพมายาว่าเป็นของจริง ผมไม่ชอบคนที่เป็นผู้นำประเทศ ไม่มีความรู้ ไม่มีความสามารถ ไม่มีวุฒิภาวะความเป็นผู้นำ แต่หน้าด้าน ผมไม่ชอบครับ และผมไม่ต้องการให้ประชาชนไทย พี่น้อง พลเมืองไทย เพื่อนร่วมชาติของผม ถูกนักการเมืองอุดมการณ์จอมปลอมมาหลอกต้มและตีกินกับการเหยียบหัวประชาชนขึ้นไปสู่อำนาจครับ

เพราะฉะนั้นวันนี้ผมคิดว่านายอภิสิทธิ์มีครบทุกอย่าง ในเรื่องความไม่ซื่อสัตย์ ไม่จริงใจกับพี่น้องประชาชน ผมไปเจอเพื่อนวันนี้ ไปทานข้าวกับเพื่อนคนหนึ่ง ขออนุญาตเล่าให้ฟัง ปรากฏว่าเลขาฯ ของเขา ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งหนึ่ง ไม่เปิดเผยชื่อ เป็นคนที่ชื่นชอบ ชมและเชียร์นายอภิสิทธิ์มาก เจ้านายของเขาก็บอกว่า เมื่อครั้งที่ยังไม่เคยมีเวทีพันธมิตรฯ ที่นี่ เจ้านายของเขาก็ แกล้งแหย่ แกล้งพูดวิพากษ์วิจารณ์นายอภิสิทธิ์ว่า เฮ่อ นายอภิสิทธิ์นี่ท่าทางจะทำงานไม่เป็นนะ ดูแล้วความรู้ความสามารถก็ไม่ถึง ประสบการณ์ที่เคยบริหารบ้านเมืองมาก็ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จะเป็นนายกฯ จะไหวเหรอ เธอผู้หญิงคนนั้นก็บอก เจ้านายนี่สงสัยคงต้องอิจฉาริษยาเขาสิ เห็นว่าเขาเก่ง เขาหล่อ เขาได้เป็นนายกฯ ก็เลยไม่พอใจเขาสิ ต่อว่าเจ้านายไปโน่นเลยครับพี่น้องครับ เอ.. แต่ดูๆ ท่าแล้วเขาก็ทำงานไม่ค่อยเป็นนะ คุณคิดว่าเขาเก่งจริงเหรอ หูย คนนี้เขาเก่ง จบจากออกซ์ฟอร์ด อย่างนั้น อย่างนี้ มีความรู้ความสามารถ มีประวัติเรียนได้ที่ 1 อีต้ง อีตั้น เกียรตินิยมอย่างโน้นอย่างนี้ เธอจะเถียงแทนตลอด

มาวันนี้เจ้านายเขาก็แปลกใจว่า เอ๊ะ ทำไมดู ASTV ทุกวัน แล้วดูแล้วเป็นยังไง ตอนนี้ความรู้สึกต่อนายกฯ อภิสิทธิ์เป็นยังไง เธอบอกว่า เธอเกลียดผู้ชายคนนี้ที่สุดในโลกเลยครับพี่น้องครับ เอ๊ะ เจ้านายเขาก็แกล้งแหย่ว่า ไอ้ที่เกลียดนี่เพราะผิดหวังหรือเปล่า ผิดหวังเพราะอะไร ผิดหวังเพราะเขาไปชอบศิริโชคมากกว่าที่จะชายตามามองเธอหรือเปล่า ไม่ใช่ เอ้าไม่ใช่แล้วเพราะอะไร เจ้านายเขาบอกว่า แสดงว่าเธอไปฟังคุณประพันธ์ คูณมี พูดทุกคืนๆ ก็เลยเชื่อ ฟังความฝ่ายเดียวนี่ ไม่ให้ความเป็นธรรมกับคุณอภิสิทธิ์เขาสิ ไม่ใช่ คุณประพันธ์เขาพูดจริง หนูเพิ่งรู้วันนี้เองว่าเขาพูดจริง ข้อมูลเขาแน่น และก็มีเหตุมีผล หนูเพิ่งรู้เองว่าอภิสิทธิ์เป็นคนอย่างนี้นี่เอง วันนี้หนูเกลียดเขาที่สุดเลย

พี่น้องเห็นหรือยังครับ ปรากฏว่า ผมไปเจอคนแบบนี้แยะมาก คนที่เคยรักสุดหัวใจ แต่วันนี้เกลียดเข้ากระดูกดำ ผมคิดว่าแค่นี้ มาถึงวันนี้ก็ต้องถือว่าเราประสบความสำเร็จและประสบชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ ที่เราสามารถกระชากหน้ากากของนักการเมืองวิญญูชนจอมปลอมออกมาอย่างล่อนจ้อนเลยครับ

แต่ทั้งหมดนี้ ผมก็เลยวิเคราะห์ต่อไปว่า เอ๊ะ เขาฟังเหตุผลและฟังข้อมูลผมจริงหรือเปล่า ไม่ใช่เพราะว่าเป็นอาการของผู้หญิงบางคนเหรอ บางทีอาจจะแอบชอบผู้ชายหล่อนะ หรือเหมือนผู้หญิงเกิดหลงรักผู้ชายหล่อ แล้วไปแต่งงานกับผู้ชายหล่อ อันนี้ผมสมมุตินะครับ แล้ววันหนึ่งมารู้ความจริงว่าแฟนตัวเองไปเป็นเมียของคนอื่นเข้าไปแล้ว อะไรอย่างเนี้ย ก็เลยเกลียดแบบเข้ากระดูกดำ มันเป็นทำนองนี้หรือเปล่า เขาก็ยืนยันว่า อันนั้นเป็นเพียงเหตุผลประกอบ แต่เหตุผลหลักนั้นก็คือ เขาได้รู้ความจริงแล้วว่าเขาไม่ได้มีความรู้ความสามารถเก่งจริงอย่างคำคุย คำโฆษณา คำโอ้อวด อวดอ้าง ที่มาหาเสียงกับประชาชน โอเค ถ้าอย่างนั้นผมก็ชื่นใจว่า คุณไม่ได้ผิดหวังในตัวเขา เพราะว่าเขาไม่ได้เป็นที่เสน่หาสำหรับคุณอีกต่อไปแล้ว เป็นเพราะว่าคุณเชื่อในข้อมูล ในข้อเท็จจริง และเหตุผล

ถ้าอย่างนั้น ความชอบหรือไม่ชอบก็เป็นความชอบหรือไม่ชอบที่ตั้งอยู่บนเหตุผลที่คุณได้พิจารณาและใช้วิจารณญาณของตัวเองแล้ว พี่น้องครับ ผมเชื่อแน่ว่าวันนี้เกียรติภูมิ เครดิต ความเชื่อถือ ความน่าศรัทธา ในตัวนายอภิสิทธิ์ที่มีต่อประชาชนนั้น ล้มเหลว และล้มละลาย และสูญเสียศรัทธาไปในความรู้สึกของประชาชนมากมายอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนครับ

แต่ปัญหาก็คือ นายอภิสิทธิ์จะถึงจุดสุดท้ายอย่างไร และการดิ้นรนของเขาอยู่ ณ ขณะนี้ เพื่อต่ออายุและยืดลมหายใจในการอยู่ในอำนาจของเขาจะประสบความสำเร็จหรือไม่ และเขาจะมีกุศโลบาย วิธีการอย่างไร ที่จะมาแก้เกมกับการต่อสู้ของพวกเรา เดี๋ยวผมจะพูดในประเด็นนั้นครับ วันนี้

แต่ก่อนจะพูดคุยกับพี่น้องในประเด็นดังกล่าว ผมต้องขอกราบขอบพระคุณพี่น้องประชาชนที่ติดตามเวทีของพี่น้องพันธมิตรฯ และก็ติดตามการต่อสู้ การทำงาน การทุ่มเทของพวกเราในการยืนหยัดบนเวทีนี้ นอกจากนี้ท่านยังได้บริจาคเงินมาด้วย บอกว่าขอมอบผ่านคุณประพันธ์ คูณมี ผมก็เลยถือโอกาสมาประกาศขอบพระคุณท่านนะครับ ท่านขอมอบถวายหลวงตามหาบัวในกองทุนที่พี่น้องได้ร่วมกันตั้งกฐิน หรือตั้งกองบุญขึ้นมา ถวายหลวงตามหาบัว 10,000 บาท แล้วก็สนับสนุน ASTV 30,000 บาท มอบให้กองทัพธรรม 5,000 บาท มอบให้กองทุนทวงคืนเขาพระวิหาร 5,000 บาท รวมแล้ว 40,000 บาทครับ ท่านได้แจกแจงมาตามเจตนารมณ์ของท่าน ก็ถือว่าพี่น้องประชาชนได้เข้าใจภารกิจของพวกเรา และยินดีสนับสนุนพวกเราอย่างเต็มที่ ต้องกราบขอบพระคุณพี่น้องพันธมิตรฯ กิ่งจันทร์ นะครับ ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด ผมได้รับแล้ว และก็จะมอบให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของท่านนะครับ

พี่น้องครับ ก่อนจะพูดถึงเรื่องที่ผมอยากจะพูดคุยกับพี่น้อง วันนี้ผมอยากจะพูดในประเด็นที่ศาลแพ่งได้มีคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องการที่ผมเป็นโจทก์ฟ้องกับ อ.ปานเทพ เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งอันไม่ชอบด้วยกฎหมายของนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้ประกาศและออกข้อกำหนดตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง ที่รัฐบาลได้ประกาศใช้ไปแล้ว พร้อมกับได้ยื่นคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่ง ซึ่งวันนี้ศาลก็ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ.2554 ไปแล้ว และผมก็คิดว่าพี่น้องประชาชนคงได้เข้าใจคำสั่งนี้ไปแล้วในช่วงเย็น ซึ่งก็เชื่อว่า ทั้ง อ.ปานเทพ และพี่สุวัตร อภัยภักดิ์ คงได้อธิบายให้ฟังไปแล้ว แต่ในความเห็นของผมที่ผมอยากจะเพิ่มเติม หรือให้ความเห็นในมุมมองของผมนะครับ ที่ศาลมีคำสั่งในวันนี้ ในเรื่องนี้ โดยให้เหตุผลอยู่ 2 ประการ

ประการที่ 1 ก็คือ ท่านได้พิเคราะห์คำสั่งแล้ว และก็เห็นว่าคำสั่งนี้ไม่มีกรณีเป็นเหตุฉุกเฉินที่เราจะไปขอคุ้มครองชั่วคราว พูดง่ายๆ เราขอคุ้มครองชั่วคราวเป็นกรณีฉุกเฉิน ขอให้ศาลมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อคุ้มครองสิทธิ์ของเราเป็นการเร่งด่วน เป็นการฉุกเฉิน แต่ท่านได้มีคำสั่งมาแล้วว่าไม่เป็นการฉุกเฉิน จึงยังไม่มีคำสั่งคุ้มครองเรา ด้วยความเคารพต่อคำสั่งของศาลดังกล่าวนี้นะครับ ผมไม่เห็นด้วยเลย กับคำวินิจฉัยของศาลแพ่งในวันนี้ ไม่เห็นด้วยด้วยความเคารพ เหตุผลที่ผมไม่เห็นด้วย ไม่ถือว่าเป็นการหมิ่นศาลนะครับ เป็นการไม่เห็นด้วยในทางวิชาการ และในทางข้อกฎหมาย ซึ่งโจทก์ ผู้ได้รับผลตามคำสั่งนี้ ยังมีสิทธิ์ที่จะยื่นอุทธรณ์โดยทันที เพราะคำสั่งนี้เป็นคำสั่งเกี่ยวกับวิธีพิจารณาเพื่อการคุ้มครองชั่วคราว

ที่ผมจะพูด ก็เพื่อจะให้พี่น้องประชาชนเข้าใจว่าการชุมนุมของพวกเราอยู่ที่นี่ เรายังมีสิทธิ์ที่จะชุมนุมต่อไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ และตามสิทธิของพลเมืองไทย ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย เป็นแต่เพียงที่เราขอให้คุ้มครองชั่วคราว เพื่อขอให้ระงับการใช้ หรือการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือตามคำสั่งประกาศ พ.ร.บ.ฉุกเฉิน ของคณะรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความมั่นคงแห่งชาตินั้น ศาลยังไม่สั่งคุ้มครอง โดยอ้างเหตุว่าไม่มีกรณีเป็นการฉุกเฉิน

เหตุที่ท่านอ้างว่าไม่มีกรณีเป็นกรณีฉุกเฉิน ท่านอ้างอะไรครับ ท่านอ้างว่าในวันที่เราไปฟ้องและยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวนั้น ก็เป็นเวลาล่วงเลยมา 15 วันแล้ว หลังจากที่ ครม.มีมติ และผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีประกาศข้อกำหนด พูดง่ายๆ ก็คือ เอาระยะเวลาที่เรามายื่นคำร้อง มาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาว่าอะไรฉุกเฉินหรือไม่ฉุกเฉิน ความจริงแล้ว เรื่องระยะเวลา สมมุติว่าเขาออกประกาศวันโน้น แล้วเรามายื่นอีก 15 วัน ถามว่า มันเป็นกรณีฉุกเฉินหรือไม่ฉุกเฉิน ท่านจะเอาเรื่องระยะเวลามาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาว่าอะไรฉุกเฉินหรือไม่ฉุกเฉินนั้น ผมคิดว่า ด้วยความเคารพ ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

กรณีที่ศาลจะพิจารณาว่าอะไรฉุกเฉินหรือไม่ฉุกเฉินนั้น ต้องพิจารณาตามพฤติกรรมและเหตุว่าเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ใช้คำสั่งนั้นเป็นการลิดรอน คุกคาม ขัดขวาง สิทธิของประชาชนหรือไม่ต่างหาก ไม่ใช่พิจารณาว่า เอ๊ะ เขาออกคำสั่งตั้งแต่วันนู้น แล้วทำไมคุณมายื่นอีก 15 วัน เออ อย่างนี้ไม่ฉุกเฉิน ผมคิดว่าไม่น่าจะใช่นะครับ ถ้าเขาออกคำสั่งเมื่ออีก 5 ปีที่แล้ว และเพิ่งมาใช้วันนี้ มันก็ฉุกเฉินได้ ถ้าคำสั่งนั้นเป็นการคุกคามและเป็นการลิดรอนเสรีภาพของประชาชน ในวันที่เราไต่สวน เขาก็มาไล่ มากดดัน มาขอยึดพื้นที่คืน อันเป็นการขัดขวางการชุมนุมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการจะพิจารณาว่าอะไรฉุกเฉิน หรือไม่ฉุกเฉิน ต้องพิจารณาจากพฤติกรรมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่ใช้กับประชาชนผู้ใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ว่ามันเป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพ โดยคำสั่งนั้นทำให้ผู้ชุมนุมไม่สามารถใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญได้ และเป็นการละเมิดต่อประชาชน และยังกระทำละเมิดต่อไปหรือไม่ ต่างหาก

เพราะฉะนั้นการจะหยิบยกเอาเรื่องเวลา โอ้ย เขาประกาศตั้งนานแล้วมาอย่างนี้ ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นองค์ประกอบที่จะมาพิจารณาเรื่องอะไรฉุกเฉินหรือไม่ฉุกเฉิน

เพราะฉะนั้นวันนี้ ไม่เป็นไรครับพี่น้องครับ แม้ศาลจะพิจารณาว่าไม่ฉุกเฉิน ก็ไม่เป็นไรครับ เราก็ชุมนุมต่อไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมีเหตุฉุกเฉินใหม่ เราก็ไปยื่นใหม่ได้ ใช่มั้ยครับ เพราะฉะนั้นวันนี้เราก็ชุมนุมไปได้ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ตามสิทธิ์ของเรา ถ้าหากมีเหตุว่าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมาใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติความมั่นคง อันเป็นการคุกคามต่อสิทธิของประชาชน มาสลายหรือมาขับไล่เรา อันเป็นการคุกคามสิทธิของเรา เราก็ไปยื่นใหม่ได้ เพื่อจะได้ให้ท่านเห็นว่ามันก็ฉุกเฉินจริงๆ เห็นมั้ยครับ

ส่วนประเด็นที่ 2 ที่ท่านยกคำร้อง ว่ายังไม่เข้าเหตุฉุกเฉินแล้ว ก็ยังเห็นว่า ที่เจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจออกประกาศก็ดีนั้น เป็นการประกาศคำสั่งเพื่อจะบังคับกับโจทก์และผู้ชุมนุม การที่เรามายื่นคำร้องขอไต่สวนเป็นการฉุกเฉินนั้น เป็นเพียงการที่เราต้องการที่จะหลีกเลี่ยง ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของ พ.ร.บ.ความมั่นคง และตราบใดที่ พ.ร.บ.ความมั่นคง ยังไม่ได้วินิจฉัยว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย มันก็ยังมีผลบังคับอยู่ ซึ่งตรงนี้สับสนมากครับพี่น้อง ด้วยความเคารพ

คือคำสั่งนี้มันจะชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น โอเค ใช่ เป็นเรื่องที่เราฟ้องขอให้เพิกถอน ศาลก็ต้องพิจารณาเพื่อจะพิจารณาว่าคำสั่งนั้นชอบหรือไม่ชอบ แต่ ณ วันที่เรามาฟ้องนั้น คำสั่งนี้ได้ถูกมาใช้และบังคับกับเราแล้ว ย่อมถือว่ากระทบต่อสิทธิของเราแล้ว การที่ศาลยังไม่วินิจฉัยคำสั่งชอบหรือไม่ชอบนั้น ไม่น่าจะเป็นเหตุที่จะเอามาเป็นข้ออ้างในการที่จะไม่คุ้มครอง เพราะถ้าวินิจฉัยไม่ชอบ มันก็ต้องเพิกถอนคำสั่งนั้น ซึ่งก็แน่นอนเราก็ต้องได้รับคุ้มครองอยู่ดี แต่กว่าจะมีคำวินิจฉัยว่าคำสั่งนั้นไม่ชอบ ก็ต้องผ่านกระบวนการพิจารณาซึ่งเนิ่นนานมาก กว่าศาลจะพิจารณา ระหว่างนี้เราก็ถูกคำสั่งนี้มาใช้กับประชาชนไปก่อนแล้ว

เมื่อศาลยังไม่วินิจฉัยว่าคำสั่งชอบหรือไม่ชอบ ทำไมจะต้องให้ประชาชนต้องปฏิบัติตามคำสั่ง ซึ่งไม่แน่นอนว่าจะชอบหรือไม่ชอบ ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่าไม่เป็นการคุ้มครองสิทธิของประชาชน เมื่อตัวศาลเองก็ยังไม่แน่ใจว่าคำสั่งนั้นจะชอบหรือไม่ชอบ ทำไมจะต้องให้ประชาชนปฏิบัติตามคำสั่งซึ่งยังไม่แน่นอนว่ามันจะชอบหรือไม่ชอบ

โดยการพิจารณานั้นควรจะคุ้มครองสิทธิของประชาชน เมื่อไม่แน่ใจว่าคำสั่งนั้นจะชอบหรือไม่ชอบ ก็ไม่ควรจะให้เจ้าพนักงานใช้คำสั่งนั้นบังคับกับประชาชน อันเป็นการตีความในทางคุ้มครองสิทธิของประชาชนที่มาขอความยุติธรรมจากศาล มิใช่หรือครับ

การตีความในลักษณะเมื่อคำสั่งชอบหรือไม่ชอบ ก็ยังไม่รู้ แต่ขอให้เจ้าพนักงานใช้คำสั่งนั้นไปก่อน ผมคิดว่าการตีความในลักษณะอย่างนี้เท่ากับเป็นการปล่อยให้ประชาชนไปเผชิญชะตากรรมกับคำสั่ง ซึ่งก็ไม่แน่นอนว่ามันจะชอบหรือไม่ชอบ น่าจะเป็นการวินิจฉัยที่ไม่คุ้มครองสิทธิของพลเมืองที่มาขอความยุติธรรมจากศาลนะครับ

เพราะฉะนั้น ทั้ง 2 ประเด็นนี้ ด้วยความเคารพ ผมก็เห็นว่าคำสั่งของศาลแพ่งที่ออกมาในวันนี้ ยังเป็นคำสั่งที่ยอมรับและเคารพที่จะปฏิบัติตามได้อย่างไม่สนิทใจ แม้เราจะยอมรับและเคารพต่อคำสั่งศาล เราก็ต้องหาทางต่อสู้และโต้แย้งคำสั่งนี้อย่างถึงที่สุดครับ ไม่มีปัญหาครับ ซึ่งเรามีสิทธิ์ใช้ได้ 2 ทาง คือ 1. อุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ ว่าคำสั่งของศาลในวันนี้เราเคารพแต่เราไม่เห็นด้วย ด้วยเหตุผล ข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย ที่เราต้องโต้แย้งต่อคำสั่งนี้ไปยังศาลสูงต่อไป นี่ทางที่ 1 ครับ

ทางที่ 2 เอาล่ะ เมื่อศาลเองก็ยังวินิจฉัยอยู่แล้วว่าคำสั่งนี้ยังไม่แน่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะฉะนั้นเราก็ใช้สิทธิ์ในฐานะผู้เสียหาย ขอให้ศาลแพ่งส่งคำสั่งของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และมติ ครม.นี้ ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะเราโต้แย้งอยู่แล้วว่าคำสั่งนี้ไม่ชอบ และขัดต่อรัฐธรรมนูญ ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป ระหว่างนี้ไม่ควรที่จะปฏิบัติตามคำสั่งนี้ ระหว่างที่รอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เราก็ยังมีข้อต่อสู้อยู่

คำถามต่อไป พี่น้องอาจจะถามว่า เอ๊ะ เมื่อศาลไม่คุ้มครองอย่างนี้แล้ว เรายังมีสิทธิ์ที่จะชุมนุมต่อไปมั้ย การชุมนุมอยู่ ณ ที่นี้ จะเป็นผิดกฎหมายไหม ก็ในเมื่อศาลก็ยังบอกอยู่แล้วว่า คำสั่งตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง นี้ ศาลเองก็ยังไม่ได้วินิจฉัยว่าเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ นี่ประการที่ 1

เมื่อยังไม่แน่ว่าเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ก็ยังไม่ควรที่จะเอามาบังคับใช้กับประชาชน ใช่มั้ยครับ

2. การชุมนุมอยู่ที่นี่ เป็นการชุมนุมเพื่อรักษาความมั่นคง เอกราช และอธิปไตย ปกป้องแผ่นดินของประเทศไทย เป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญของคนไทย เราจึงมีสิทธิ์ที่จะชุมนุมอยู่ที่นี่ได้ต่อไปอย่างถึงที่สุดครับ

รัฐบาล ถ้าแน่จริง และก็ลำพองใจ คิดว่าตัวเองทำถูก ก็เชิญสิครับ ก็มาสิ มาไล่พวกผมสิครับ ถ้าแน่จริง เก่งจริง มาสิ!! มาเลย ไม่ได้ท้าทาย แต่ไม่กลัวครัว ไม่ประมาท แต่ก็ไม่กลัวครับ พร้อมรับมือคุณทุกด้าน ทุกประตูครับ ไม่มีปัญหาเลย ในทางกฎหมายเราก็สู้กันเต็มที่

ขณะเดียวกัน วันนี้ผมก็คิดว่าพี่น้องก็คงทราบไปแล้วว่า เราได้หารือกันแล้ว เมื่อรัฐบาลทำตัวเป็นศรีธนญชัย และจะเล่นข้อกฎหมายกับเรา เราก็จะสู้กับคุณในทางกฎหมายอย่างเต็มที่ ทุกรูปแบบครับ

สิ่งหนึ่งซึ่งคณะกรรมการได้ประชุมกันไปแล้ว และมีความเห็นพ้องต้องกัน ซึ่งก็ได้แถลงกับสื่อมวลชนไปแล้ว ผมขอกราบเรียนพี่น้องอีกครั้งหนึ่งก็คือว่า การกระทำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคณะรัฐมนตรีชุดนี้ทั้งคณะนั้น มีความผิดทางอาญาอย่างร้ายแรงครับพี่น้องครับ

ประการที่ 1 ก็คือ การที่รัฐบาลทำให้ประเทศไทยต้องเสื่อมเสีย และสูญเสียดินแดนและราชอาณาจักรไทย ตกอยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของกัมพูชานั้น ข้อเท็จจริงวันนี้มันปรากฏชัดครับ ว่ารัฐบาลนี้ไม่ทำหน้าที่ปกป้องดินแดนและอธิปไตยของตน การกระทำงของรัฐบาล ไม่ว่าเป็นการใหัสัมภาษณ์ เป็นการผลักไสคนไทยไปขึ้นศาลกัมพูชาก็ดี การกระทำอันเป็นการไม่ปกป้องดินแดน โดยปล่อยให้กัมพูชาเข้ามายึดครองดินแดนและมาตั้งฐานทัพอยู่ในบริเวณพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร และกำลังรุกราน คุกคามเข้ามายึดครองแผ่นดินไทยตลอดแนวชายแดน ทุกหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ตลอดแนวชายแดน ซึ่งเราจะสูญเสียเนื้อที่เป็นจำนวนถึง 1.8 ล้านไร่ครับ

การที่รัฐบาลไม่ทำหน้าที่ในการปกป้องดินแดนของตัวเอง แล้วยังมีพฤติกรรมในลักษณะจำยอม หรือสมยอม ปล่อยให้กัมพูชาเข้ามายึดครองแผ่นดินไทยนั้น ถือว่าเป็นการจงใจปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นการละเมิดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ

นอกจากนี้ การที่รัฐบาลยังเอง MOU 43 มาใช้ ทั้งๆ ที่ MOU 2543 เป็น MOU 2543 ที๋โมฆะ ไม่ผ่านการพิจารณาของสภา ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 216 ในสมัยรัฐธรรมนูญ 40 ไม่ปฏิบัติรัฐธรรมนูญ 190 ในรัฐธรรมนูญปัจจุบัน และยังเป็นการขัดต่อคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้วินิจฉัยไปแล้วว่าจะปฏิบัติ MOU 2543 ไม่ได้ และจะไปยอมให้เขาขึ้นทะเบียนมรดกโลก โดยผนวกเอาดินแดนที่อยู่บริเวณโดยรอบปราสาทพระวิหาร ไปเป็นพื้นที่บริหารจัดการก็ไม่ได้ และคำพิพากษาศาลปกครองก็ได้วินิจฉัยไว้แล้วว่า พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นของประเทศไทย เป็นของคนไทยทุกคนครับ

เพราะฉะนั้นการที่รัฐบาลไปยอมให้เขาขึ้นทะเบียนมรดกโลกต่อไปก็ตามแต่ ไปยอมให้ยูเนสโก และกัมพูชา เดินหน้าที่จะขึ้นทะเบียนมรดกโลก และไปยอมให้กัมพูชายังยึดครองพื้นที่อยู่ โดยไม่ดำเนินการขับไล่คนกัมพูชา และทหารกัมพูชาออกไปนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาลนี้ กระทำความผิดต่อรัฐธรรมนูญอย่างร้ายแรง ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ และปฏิบัติโดยผิดต่อกฎหมาย ประมวลกฎหมายอาญา อย่างชัดแจ้งครับ เพราะฉะนั้นประชาชนมีสิทธิ์จะฟ้องนายอภิสิทธิ์ต่อศาลอาญา และร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อให้ถอดถอนนายอภิสิทธิ์ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้

เพราะฉะนั้น โดยมติ โดยความเห็นของคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักร หรือคณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดิน วันจันทร์เป็นต้นไป คุณสุวัตร และทีมกฎหมาย จะร่างคำร้อง คำฟ้อง และคำกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อ ป.ป.ช.โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญา ดังที่ผมกล่าวมาแล้ว และจะขอให้ประชาชนร่วมกันเข้าชื่อถอดถอนนายอภิสิทธิ์ให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

นี่คือแนวทางที่เราจะเดินหน้าต่อไป และจะสู้กันอย่างถึงที่สุด คุณหน้าด้าน หน้าด้านไป แต่ผมเชื่อแน่ว่ากระบวนการยุติธรรมและกฎหมาย จะต้องไล่ล่าและเอาตัวคนผิดมาลงโทษให้จงได้

พี่น้องครับ เรื่องที่ผมอยากจะพูดต่อไปก็คือว่า วันนี้ มีคนถามอยู่มากว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะอยู่ในอำนาจไปได้นานสักเท่าไร และถ้าเขายังดื้อดึง ดึงดันอยู่อย่างนี้ เราจะมีแนวทางและมาตรการจัดการกับเขาอย่างไร วันนี้ผมคิดว่าเราจำเป็นจะต้องบอกให้กับพี่น้องประชาชนเข้าใจข้อเท็จจริงตรงนี้เสียก่อนว่า วันนี้นายอภิสิทธิ์นั้น อยู่ในอำนาจโดยวิธีการอย่างไร และโดยกุศโลบายอย่างไร อันเป็นการชอบหรือไม่ชอบ ในการที่จะอยู่ในอำนาจปกครองบ้านเมือง

ก่อนอื่น ผมขอกราบเรียนพ่อแม่พี่น้องประชาชน ให้เป็นที่เข้าใจร่วมกันว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียว คนแรกของประเทศไทย ที่บริหารบ้านเมืองล้มเหลวทุกด้าน ถ้าจะกล่าวอย่างเป็นธรรมนะครับ นายกรัฐมนตรีทุกคนที่ผ่านมา แม้จะดีๆ ชั่วๆ ไม่ว่านายชวน หลีกภัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายบรรหาร ศิลปอาชา นายทักษิณ สมัคร สมชาย จะดีจะชั่ว จะเลว จะโกงบ้านกินเมืองอย่างไรก็ตามแต่ แต่ก็ยังไม่เลว ไม่ชั่วสมบูรณ์แบบเท่ากับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ครับ

ผมคิดว่าถ้าใครมีใจเป็นธรรม มีใจเป็นธรรมและก็พิจารณาดูว่า ทักษิณทำความเสียหายกับบ้านเมืองอย่างไร เอ้าไล่ย้อนไป พล.อ.สุจินดา ทำความเสียหายบ้านเมืองอย่างไร ชวน หลีกภัย ทำความเสียหายบ้านเมืองอย่างไร พล.อ.ชวลิต ทำความเสียหายบ้านเมืองอย่างไร สมชาย สมัคร ทักษิณ ทำความเสียหายให้บ้านเมืองอย่างไร อย่างเก่งนายกรัฐมนตรีเหล่านั้น เอ้า พล.อ.สุจินดา อยู่ไม่นาน เกิดเหตุพฤษภาทมิฬ อย่างเก่งก็เกิดการจลาจลวุ่นวาย ประท้วง คัดค้าน ที่สุด พล.อ.สุจินดา ก็ลาออกไปอย่างชายชาติทหาร ความเสียหายก็มีโดยจำกัดและจบสิ้นลง ถูกต้องไหมครับ

มาถึงยุคนายชวน หลีกภัย นายชวน หลีกภัย ถูกอภิปรายเรื่อง ส.ป.ก.4-01 พล.ต.จำลอง และพรรคพลังธรรม เห็นว่าเป็นการกระทำความผิด เอื้อประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล นายชวน หลีกภัย ก็ยุบสภา ความเสียหายเรื่อง ส.ป.ก.4-01 ก็ขึ้นสู่ศาลและมีการพิจารณาคดี คนที่กระทำความผิดก็ได้รับโทษไปตามกฎหมาย คนที่ได้ที่ดินไปก็ถูกเพิกถอนคืนมา ความเสียหายก็ยังอยู่ในความที่สามารถควบคุมได้ ถูกต้องไหมครับ

พล.อ.ชวลิต มาเป็นนายกฯ อันนี้เสียหายมากหน่อย เพราะไปสู้ค่าเงินบาทแล้วก็ทำให้เงินคงคลังของประเทศหมด จนกระทั่งประเทศ ธุรกิจล้มละลาย สถาบันการเงินต้องปิด ต้องล้มลง เงินคงคลังในประเทศร่อยหรอหมดไป แล้วก็ค่าเงินไทย เงินบาทต่อดอลลาร์ลอยตัวไปจนกระทั่งถึง 45-50 บาทต่อดอลลาร์ วันนั้นเศรษฐกิจเราล่มสลาย แต่เราก็ฟื้นฟูประเทศกลับคืนมาได้ และที่สำคัญก็คือ เราได้หลวงตามหาบัว ระดมญาติโยมตั้งกฐินช่วยชาติ บริจาคเงินดอลลาร์และบริจาคทองคำฝากเข้าคลังหลวง เศรษฐกิจก็ฟื้นฟูคืนมาโดยลำดับ ใช่ไหมครับ

นายชวน หลีกภัย ก็ยังสามารถที่จะกอบกู้บ้านเมืองโดยใช้หนี้ IMF ได้มาโดยลำดับ เราก็ฟื้นฟูประเทศกลับคืนมาได้ แต่มาวันนี้ โอเค มาถึงยุคทักษิณ ทักษิณใช้อำนาจโดยไม่ชอบ ทักษิณเขามุ่งไปสู่การโกง การทุจริต การคอร์รัปชั่น บ้านเมืองเสียหายในทางเศรษฐกิจไป 2-3 แสนล้าน 4 แสนล้าน ก็แล้วแต่ แต่ทักษิณเขาถูกประชาชนขับไล่พ้นไปจากอำนาจ แผ่นดินยังไม่เสียดินแดน อธิปไตยของประเทศยังไม่เสีย ใช่ไหมครับ

ส่วนสมัคร สมชาย ก็มาในช่วงสั้นๆ ยังไม่สามารถบริหารประเทศชาติบ้านเมืองอะไรได้มาก แต่นายอภิสิทธิ์ขึ้นมาปกครองประเทศเพียง 2 ปี พี่น้องครับ 2 ปีที่นายอภิสิทธิ์ขึ้นมาปกครองประเทศ มีเหตุการณ์ที่ทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหายหนักกว่าทั้งหมดที่ผมพูดมารวมกัน ยังสู้อภิสิทธิ์คนเดียวไม่ได้ครับ

เอ้า ท่านลองดูด้วยความเป็นธรรมนะครับ พี่น้องครับ เกิดเหตุการณ์อะไรเขาขึ้นมาสมัยแรก ปีแรก เกิดการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เห็นหรือยังครับ เกิดการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงเมษาฯ บุกไปพังการประชุมอาเซียน การประชุมอาเซียนซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ผู้นำสุดยอดของอาเซียนมาร่วมประชุม และยังมีประเทศคู่เจรจา ผู้นำจีน ผู้นำอเมริกา ผู้แทนประเทศอื่นๆ ที่มาเป็นคู่เจรจาอีกหลายประเทศ ญี่ปุ่น เกาหลีก็มา ตัวแทนสหประชาชาติก็มา พี่น้องครับ การประชุมอาเซียนครั้งนั้นถูกรื้อถูกพังเวทีการประชุม รัฐมนตรี-ผู้นำประเทศ หนีกระเจิดกระจิง รวมทั้งนายอภิสิทธิ์ และนายกษิต ก็แทบเอาชีวิตไม่รอด ครั้งนั้นเสียหายต่อภาพลักษณ์ ภาพพจน์ของประเทศอย่างย่อยยับครับ

แล้วก็เกิดการจลาจลในวันที่ 10 เมษาฯ ในช่วงก่อนสงกรานต์ ที่การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เกิดเผาบ้านเผาเมืองรอบแรก การท่องเที่ยว เศรษฐกิจเสียหายหลายแสนล้านครับ ครั้งนั้น นี่คือฝีมือการบริหารแบบงี่เง่า ปัญญาอ่อน และคาดเข็มขัดไม่ถึงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

นอกจากนั้น หลังจากนั้นพอรอดพ้นมาได้ ก็ลำพอง โอ้โห คิดว่าตัวเองสามารถเอาชนะพวกคนเสื้อแดง ปราบคนเสื้อแดงได้ ก็เหิมเกริม หลงลำพอง คณะรัฐมนตรีของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็หากิน ทุจริตคดโกง แบ่งกันกินแบบบุฟเฟ่ต์คาบิเนทเลยครับ

สมัยทักษิณอาจจะกินรวบ แต่ว่าสมัยนี้กินแบ่ง คือแบ่งกระทรวงกันกิน พรรคชาติไทยพัฒนา ของนายบรรหาร ก็กิน 1 กระทรวง 2 กระทรวง ก็ปล่อยเป็นรัฐอิสระ หากินเอาตามอำเภอใจ กระทรวงพลังงาน นายสุวัจน์ดูแล ก็เชิญพ่อเจ้าประคุณอยากรับประทานอะไรก็เชิญรับประทานให้เต็มที่ อิ่มหมีพีมันไปเลย พรรคภูมิใจไทย ดูแลกระทรวงคมนาคม มหาดไทย อยากจะรับประทานอะไร อยากจะชงโครงการอะไร เมกะโปรเจกต์อะไรเข้ามา นายอภิสิทธิ์ก็ทำเป็นกระมิดกระเมี้ยน ทำเป็นคัดค้านในช่วงแรก ก็ปล่อยผ่านไปหมด พรรคภูมิใจไทยก็กินกันอย่างอิ่มหมีพีมัน

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ก็ใช่ย่อยเสียเมื่อไร ก็อย่างที่ผมมาเล่าให้ฟังหมดแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ใช่น้อย น้อยหน้าใครเลยครับ ทุกกระทรวง ทบวง กรม ที่เกิดการทุจริต ขาใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์มีเอี่ยวด้วยทั้งนั้นครับพี่น้อง

ส่วนกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาฯ นี่ผมยังไม่ได้พูดนะ กระทรวงศึกษาฯ นี่ไม่ธรรมดาครับ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาฯ กระทรวงไอซีที ที่จะประมูล 3G พรรคประชาธิปัตย์ก็สวาปามไปไม่รู้เท่าไรแล้วครับ เรื่องทำให้บ้านเมืองเสียหายก็ยิ่งใหญ่ มาเรื่องโกง เรื่องทุจริต ก็ไม่ธรรมดา มาจนถึงพฤษภาฯ พี่น้อง เผาบ้านเผาเมืองรอบ 2 ทีนี้เสียหายไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านครับ

มาถึงสุดท้าย ทำอะไร ขายชาติ ขายแผ่นดิน ทำให้กัมพูชาเข้ามารุกราน ยึดครองแผ่นดินไทย จากเดิมกัมพูชาได้แค่ตัวปราสาท วันนี้มันได้แผ่นดินทั้ง 4.6 ตารางกิโลเมตร ไปหมดเรียบร้อยแล้ว ด้วยฝีมือของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บริหารเก่งไหมครับ แถมเอาคนไทย 7 คน ไปเข้าคุกเข้าตะราง ขึ้นศาลกัมพูชาเข้าไปอีก

ส่วนในทางการเมือง การปกครองในระบอบประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพของประชาชน นายอภิสิทธิ์ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างย่อยยับครับ ใครพูดมันก็ไม่ฟังครับ เสียงพูดของประชาชนมันเห็นเป็นเสียงนกเสียงกาไปหมดแล้ว แต่ปากพูดจาฉอดๆๆๆ สร้างภาพเป็นนักประชาธิปไตย แต่ไม่เคยฟังความคิดเห็นของประชาชนเลย เก่งอยู่คนเดียว คือมันกับศิริโชค 2 คนเท่านั้น ในประเทศนี้ คนอื่นโง่หมด กูเก่งอยู่คนเดียว ผมก็ต้องถามว่า เอ๊ะ ทำไมนายอภิสิทธิ์มันเป็นคนอย่างนี้ไปได้ ปรากฏว่าเพื่อนผมที่ไปเรียนที่อังกฤษ และคนที่ไปเรียนเมืองนอก ทุกคนเขาพูดเหมือนกันหมด ตรงไหนครับ เขาบอกว่า ไอ้พวกเด็กไทยที่ไปเรียนเมืองนอกแบบนี้ ไอ้ตัวเล็กๆ แบบนี้ ส่วนใหญ่มันจะถูกฝรั่งรังแก พอถูกฝรั่งรังแกแล้วมันก็จะเก็บกด เพราะมันตัวเล็ก หน้าขาว ตูดขาว ก็จะถูกฝรั่งตัวใหญ่มันรังแกอยู่ตลอดเวลา มันก็เลยเก็บกด เก็บกดมาถึงเมืองไทย มาทำตัวกร่าง ego เก่ง เป็นคนที่มีการศึกษาสูง ความรู้ดี ความจริงอยู่เมืองนอกมันถูกฝรั่งขี่หัวมาตลอด ขี่หัวไม่ว่า มันกด มิด เลยครับพี่น้องครับ ก็เลยมาแสดงอาการระบาย ทำเป็นอวดเก่งกับคนไทยด้วยกัน เพื่อกลบปมด้อยของตัวเองที่เคยถูกคนอื่นเขาขี่หัวรังแกมาตั้งแต่อยู่เมืองนอกแล้ว

วันนี้ใครพูด มันก็ไม่ฟัง เพราะมันต้องคิดว่ามันเก่ง เพราะว่าเพื่อจะกลบปมด้อยของตัวเองตอนไปอยู่เมืองนอก ที่เขาเรียกว่าจ๋องๆ น่ะครับ ไม่มีราคาอะไรเลย

ผมก็ถึงบางอ้อ อ๋อ มิน่าล่ะ มาถึงเมืองไทยเวลาใครพูดใครวิจารณ์อะไร มันเถียงไม่ตกฟากเลย มันอวดเก่ง แต่เวลานี้เวทีพันธมิตรฯ ประพันธ์วิพากษ์วิจารณ์มันอย่างถึงกึ๋น มันไม่เถียงสักคำเลยครับ การไม่เถียงก็แสดงว่ายอมรับ ปกติโดยนิสัยของคนนี้ โอ้โห ใครพูดมานะ ถ้าเกิดว่ามันไม่เห็นด้วย แล้วพูดผิด เถียงไม่ตกฟากครับ คนนี้ไม่มีวันยอมใคร แต่มาวันนี้หุบปาก ไม่กล้าโต้แย้ง ไม่กล้าเถียงนายประพันธ์ คูณมี ไม่กล้าแย้ง อ.เทพมนตรี ไม่กล้าแย้งปานเทพ ไม่กล้าเถียงคุณสนธิ แสดงว่าเจอของจริงเข้าแล้วครับ

เพราะฉะนั้นทั้งหมดนี้ วันนี้ อยากจะบอกได้เลยว่า ข้อเท็จจริงมันเรียกว่าปราศจากข้อสงสัย นายอภิสิทธิ์เถียงนายประพันธ์ และเถียงเวทีนี้ไม่ได้เลย คุณเป็นนายกฯ ที่ล้มเหลว และบริหารบ้านเมืองไม่เป็น คิดก็ไม่เป็น ทำอะไรก็ไม่เป็น กูไม่เป็นห่าอะไรสักอย่าง ผมถึงบอกว่า สู้หม่ำ จ๊กมก ยังไม่ได้เลย

เพราะฉะนั้นวันนี้คนที่จะมาเชียร์นายอภิสิทธิ์แล้วออกเสียงแทนวันนี้ หาตัวยากเหลือเกินครับคนที่จะมาเถียงแทน ปกป้องแทนนายอภิสิทธิ์ แต่นายอภิสิทธิ์ยังไม่รู้ตัวครับ ซึ่งก็เป็นไปตามนิสัยของคนประเภทนี้ ซึ่งจะต้องดื้อด้านๆๆๆ ไปอย่างเดียว ไม่มีอะไรครับ

ผมจะบอกเรื่อง 2 เรื่อง พี่น้องที่เคารพครับ ดูความแตกต่าง 2 เรื่องของการบริหารประเทศของนายอภิสิทธิ์ วันนี้ผมขอยก 2 เรื่องสั้นๆ พี่น้องรู้ไหมครับ ในขณะที่ประชาชนเดือดร้อนเรื่องน้ำมันปาล์ม พี่น้องเคยเห็นนายอภิสิทธิ์แสดงกึ๋นไหมครับ แสดงความสามารถไหม ว่ามันจะแก้ปัญหาน้ำมันปาล์มขาดแคลน และประชาชนแย่งกัน จะฆ่ากันตายนี่ อย่างไร ไม่ได้แสดงกึ๋นเลย นี่ผมจะสอนนายอภิสิทธิ์ให้ ถ้าผมเป็นนายกฯ วันนี้นะ จะแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มยังไง จะสอนนายอภิสิทธิ์ เด็กออกซ์ฟอร์ด ซึ่งไม่มีปัญญาแก้ปัญหาน้ำมันปาล์ม ผมจะบอกให้ วิธีแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์ม คือทำอย่างไรครับ เมื่อน้ำมันปาล์มขาดแคลนและในประเทศมีการกักตุน ผมนี่จะสั่งให้สุเทพ คุณเป็นประธานนโยบายน้ำมันปาล์มใช่มั้ย เปิดให้นำเข้าน้ำมันปาล์มอย่างเสรีครับ พ่อค้าคนไหนจะนำเข้าน้ำมันปาล์ม เอามาขายในประเทศไทย เปิดอย่างเสรี ทำไมไปให้อำนาจนายสุเทพคนเดียว มีอำนาจอนุญาตให้ใครนำเข้า ไม่นำเข้า ใช่มั้ยครับ แสดงว่าคุณมีอะไรกับนายสุเทพ

ทำไมผมถึงบอกว่านำเข้าเสรี พ่อค้าทุกคนสามารถนำเข้าน้ำมันปาล์มไดั แม้ขณะนี้กฎหมายคือห้ามนำเข้า แต่ให้ส่งออกได้ ก็มีมติ ครม.ให้นำเข้าโดยเสรี ใครจะนำเข้าก็ได้ แต่เอาล่ะ ถ้าจะนำเข้ามาโดยเสรี แล้วกลัวว่ามันจะกระทบกับผู้ปลูกน้ำมันปาล์ม หรือพ่อค้าน้ำมันปาล์มในประเทศไทย เราก็ให้องค์การคลังสินค้าเป็นคนพิจารณา และกำหนดให้เปิด อนุญาตให้นำเข้าอย่างเสรี แต่ให้นำเข้าเสรี 6 เดือน สมมุติเราเปิดเวลาให้ 6 เดือน ใครจะนำเข้า มาขอที่องค์การคลังสินค้านำเข้าได้อย่างเสรีเลย และไม่จำเป็นต้องเป็นพ่อค้าน้ำมันปาล์ม ใครก็ได้ที่สามารถนำน้ำมันปาล์มมาขายในประเทศไทย และราคาถูก เข้ามาได้เลยครับ นี่โดยมติ ครม.ไม่เห็นยากเลย

เพราะขณะนี้ดีมานด์มันต้องการสูง คนต้องการน้ำมันปาล์มเยอะ แต่สินค้ามันขาดแคลน เมื่อเราปล่อยให้ทะลักเข้ามา ใครเอาเข้ามาก็ได้ ใครขายถูกได้ ก็เอาเข้ามา มันก็เกิดความรู้สึกว่ารัฐบาลเปิดเสรีน้ำมันปาล์ม คนก็ไม่ต้องกักตุนแล้ว ยังไงน้ำมันปาล์มก็ไม่ขาดแคลน ใช่มั้ยครับ

แต่ถ้าเรากลัวว่ามันจะกระทบราคาปาล์มในประเทศ เราก็บอกว่า โอเค ขณะนี้ขอเป็นระยะๆ 6 เดือนให้นำเข้าเสรีก่อน เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลน เมื่อมันอยู่ในปริมาณที่พอตัว ตึงตัว และพอดีแล้ว เราก็ค่อยควบคุมการนำเข้า ไม่เห็นมันจะแก้ปัญหายากเลย

ทีนี้ทำไมเขาไม่ให้นำเข้า เพราะถ้ามีมติให้นำเข้าเสรี ประธานนโยบายน้ำมันปาล์มก็หารับประทานไม่ได้สิครับ ไม่เห็นยากอะไร เราต้องแก้ทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ เวลานี้มันกินทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ ไอ้คนต้นน้ำคือประธานคณะกรรมการน้ำมันปาล์ม สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นประธาน จะอนุญาตให้นำเข้าหรือไม่นำเข้า อยู่ที่คณะกรรมการนี้ คณะกรรมการนี้ถ้าจะอนุญาตให้ใครนำเข้า ลื้ออยากนำเข้าเหรอ ก็มาวิ่งคณะกรรมการนี้ จะเอากี่แสนตัน จะเอากี่แสนลิตร จะเอากี่ล้านลิตร ก็มาวิ่งที่นี่ กินต้นน้ำแล้ว

ส่วนไอ้ที่ปลายน้ำ คือกระทรวงพาณิชย์ นางพรทิวา นาคาศัย ก็จะมาเป็นคนแจกโควต้า บริษัทไหนอยากได้โควต้านำเข้า ก็มาวิ่งกับเธอสิ เธอก็กินค่าหัวคิว ค่าโควต้าไงครับ

คุณเป็นนายกฯ นี่นะ ถ้าคุณโง่กว่าพ่อค้า ถ้าคุณโง่กว่าคนทำมาหากิน แล้วขูดรีดประชาชน คุณจะมานั่งหาพระแสงด้ามยาวอะไร นายอภิสิทธิ์ น้ำหน้าอย่างคุณน่ะรู้กลไกอะไรในตลาดบ้าง รู้ว่าพ่อค้าเขาหากิน ขูดรีดเอาเปรียบประชาชนอย่างไรบ้าง คุณมีปัญญาแก้ไขมั้ย

ป่านนี้ยังไม่ได้แก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์ม เพราะฉะนั้นพ่อค้ามันหากินอย่างนี้ สุดท้ายทำอย่างไรครับ ไปมีมติให้กระทรวงพาณิชย์เอาเงิน 1,000 ล้าน มาตั้งเป็นกองทุนเพื่อพยุงราคาน้ำมันปาล์ม ก็เอาเงินภาษีของประชาชนอีก มาใช้ในลักษณะเปิดทางให้พ่อค้าทำมาหากิน เพื่อจะควบคุมราคา เอาเงิน 1,000 ล้าน มาตั้งเป็นกองทุนเพื่อจะพยุงราคาน้ำมันปาล์มให้มันอยู่ที่ 47 บาท แต่โดยความเป็นจริง คุณก็ควบคุมราคาให้อยู่ 47 บาทไม่ได้ เวลานี้ราคามันไปตั้งแต่ 60-70 บาทแล้ว สรุปแล้ว ไอ้คนต้นน้ำ ประธานนโยบายน้ำมันปาล์มก็หากิน กินกับว่าจะอนุญาตให้นำเข้าหรือไม่นำเข้า มึงมาวิ่งกู กูถึงจะอนุญาต ไอ้คนอยู่ข้างล่าง ปลายน้ำ คือกระทรวงพาณิชย์ ใครอยากได้โควต้าเท่าไรวิ่งมาหากู กูก็แบ่งโควต้าให้ มันก็หากินกันอย่างนี้ครับ

นี่คือแก้ปัญหาไม่เป็น ตั้งแต่มาถึงวันนี้ พี่น้องประชาชนไทยทั่วประเทศเคยเห็นนายอภิสิทธิ์แสดงปัญญามั้ย ว่า เฮ้ย เรื่องนี้ชาวบ้านเดือดร้อน แก้ไขปัญหาอย่างไร ไม่เคยแสดงปัญญาให้ประชาชนเห็นเลย ผมถึงบอกว่าไอ้หมอนี่ทำงานอะไรก็ไม่เป็นครับ ดีอย่างเดียว คือผัดหน้าทาแป้ง ทำหน้าขาวๆ ให้ถูกใจศิริโชคอย่างเดียวพอ

มันแย่ ทีนี้ผมจะเปรียบเทียบให้พี่น้องดูอีกเรื่องหนึ่ง ในขณะที่ประชาชนเดือดร้อนเรื่องน้ำมันปาล์ม แก้ไขไม่เป็น เขาแก้ไขปัญหาอีกเรื่องหนึ่ง เขาทำอย่างไรครับ เมื่อวันอังคารที่แล้วประชุม ครม. ครม.มีมติอะไรครับ มีมติให้ธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออก ช่วยเหลือผู้รับเหมาก่อสร้างที่ไปลงทุนรับเหมาก่อสร้างอยู่ในต่างประเทศ โดยให้ธนาคารนำเข้าและส่งออกนี้ ออกหนังสือค้ำประกันให้กับบริษัทคนไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศได้

พี่น้องเข้าใจไหมครับ เดี๋ยวผมอธิบายช้าๆ สมมุติผมเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ ชื่อบริษัท ชิโน-ไทย ไปรับเหมางานที่ดูไบ หรือคูเวต รัฐบาลมีมติให้ธนาคารนี้เป็นคนออกหนังสือค้ำประกันช่วยบริษัทรับเหมาก่อสร้างของคนไทย โดยล็อตแรกนี้ มีมติอนุมัติเงินให้ธนาคารเอ็กซิมแบงก์ ออกเงินตั้งกองทุนไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาท

1,000 ล้านบาท นี้ไว้ทำแบงก์การันตี ค้ำประกันบริษัทคนไทยที่ไปรับเหมาอยู่ในต่างประเทศ การไปรับเหมาที่ต่างประเทศนั้น เวลาเราได้งานจะต้องมีหนังสือไปวางค้ำประกันความเสียหายและการปฏิบัติตามสัญญา ธรรมดาบริษัทผู้รับเหมาต้องเป็นหน้าที่ของบริษัทรับเหมา ต้องไปหาแบงก์การันตี ไปวางกับเจ้าของงาน และประเทศที่คุณไปรับงานเอง รัฐบาลเสือกทะลึ่งอะไรจะไปออกแบงก์การันตี หนังสือค้ำประกันช่วยบริษัทรับเหมา

พี่น้องลองนึกดูสิครับ แล้วบริษัทเหมาน่ะ ถามว่าบริษัทที่ไปรับเหมาต่างประเทศ มีบริษัทรับเหมารายเล็กรายน้อยคนไหนบ้างมันจะไปทำมาหารับประทานในต่างประเทศได้ มันก็มีแต่บริษัท ชิโน-ไทย บริษัท ช.การช่าง บริษัท วิจิตรภัณฑ์ บริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งนั้น ที่สามารถจะไปรับเหมาในต่างประเทศได้ มันก็เท่ากับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์เอาธนาคารเอ็กซิมแบงก์ไปค้ำประกันให้บริษัทรับเหมา ซึ่งก็เป็นนายทุนของพรรคการเมืองนั่นเองครับ อย่างนี้ก็ทำโดยบัดซบไหมครับ

ไอ้อย่างนี้ ทำโดยใช้เงินตั้ง 1,000 ล้าน แต่ตรงกันข้ามกับเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เรื่องน้ำมันปาล์ม มันก็เอา 1,000 ล้านเหมือนกัน แต่คนเดือดร้อน 60 ล้านคน ซึ่งเป็นคนเดือดร้อนซึ่งเป็นประชาชนคนไทย กลับไม่ทำการหาทางช่วยเหลือ แต่ผู้รับเหมาซึ่งเป็นนายทุนของพรรคการเมือง ตัวเองหาทางช่วยเหลือ

ทีนี้ถ้าบริษัทรับเหมาไปทำงานอยู่ต่างประเทศ เกิดผิดสัญญา ทำงานให้เข้าไม่เสร็จทันกำหนด หรือทำงานโดยบกพร่อง ชำรุดเสียหาย บริษัทหรือเจ้าของงานในต่างประเทศเขาฟ้องเรียกค่าเสียหาย ธนาคารเอ็กซิมแบงก์ ซึ่งเป็นผู้ไปค้ำประกัน ก็ต้องเป็นผู้จ่ายเงินแทนผู้รับเหมา ใช่ไหมครับ

บริษัทนี้ เมื่อธนาคารไปจ่ายแทนผู้รับเหมา พี่น้องรู้ไหม ธนาคารเอ็กซิมแบงก์นี้ ตั้งโดยเงินของภาษีประชาชนและงบประมาณของแผ่นดิน คือเงินประชาชนครับ ก็เหมือนทักษิณน่ะ ไปให้พม่ากู้เงินจากเอ็กซิมแบงก์โดยไม่มีดอกเบี้ย แล้วให้รัฐบาลไทยจ่ายเงินชดเชยดอกเบี้ยให้กับรัฐบาลพม่า แล้วให้รัฐบาลพม่ามาซื้ออุปกรณ์โทรคมนาคมของตัวเอง นี่มันก็หากินแบบเดียวกัน สันดานเหมือนกัน เลวยิ่งกว่าทักษิณอีกครับ

ไอ้นี่ก็คือให้ธนาคารเอ็กซิมแบงก์ไปค้ำประกันบริษัทผู้รับเหมายักษ์ใหญ่ ซึ่งเป็นนายทุนของพรรคการเมืองทุกพรรค รวมทั้งชิโน-ไทย ด้วยครับ ทะลึ่งอะไรรัฐบาลจะต้องไปค้ำประกันเขา

นี่ผมยกตัวอย่าง 2 เรื่อง เดี๋ยวเรื่องต่อมาที่กำลังจะเป็นเรื่องใหญ่ ที่ผมยังไม่พูด คือเรื่องข้าว พี่น้องชาวไร่ชาวนาเดี๋ยวรอฟัง เวลานี้รัฐบาลทำให้ข้าวสารราคาแพง เพราะอะไร เพราะข้าวสารมันอยู่กับเจ้าของโรงสีนายทุนแล้ว แต่ข้าวเปลือกกำลังราคาตกอย่างมโหฬารเลยครับ ในขณะที่โลกกำลังขาดแคลนอาหาร สินค้าทุกตัวราคาแพงหมด ทำไมข้าวเปลือกเกษตรกรราคาถูกครับ พี่น้อง มันแก้ปัญหาเก่งมั้ย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พี่น้องชาวไร่ชาวนา พี่น้องเสื้อเหลือง เสื้อแดง ฟังเอาไว้ มีอภิสิทธิ์ไว้อย่างนี้ ชาวนาตายหมด ประชาชนตายก่อนครับ นายทุน พรรคการเมือง รวยทุกคนครับ

เพราะฉะนั้นนี่คือปัญหาการบริหารชาติบ้านเมืองของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขณะนี้เขาอยู่อย่างไรครับ อยู่โดยการพยายามที่จะรักษาอำนาจของตัวเอง แล้วนายอภิสิทธิ์ก็ทำเหมือนกันกับทักษิณ ชินวัตร คือเข้าแทรกแซงองค์กรอิสระทั้งหลาย องค์กรอิสระ ไม่ว่า ป.ป.ช. ไม่ว่า สตง. ไม่ว่าศาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รัฐบาลนี้ พยายามเข้าไปแทรกแซงเหมือนทักษิณเลยครับตอนนี้

เรื่องที่เราจะฟ้อง เรื่องที่เราจะเรียกร้องขอความเป็นธรรม เรื่องที่จะฟ้องดำเนินคดีกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่แตกต่างจากทักษิณเลยครับ ขณะนี้ตุลาการภิวัฒน์นี่ผมยังไม่แน่ใจว่ามันจะยังเหลืออยู่หรือเปล่า เพราะรัฐบาลนี้ก็เลวไม่แพ้ทักษิณ ชินวัตร

เพราะฉะนั้นการที่จะพึ่งองค์กรอิสระทั้งหลาย แม้กระทั่ง ป.ป.ช.ผมก็ยังไม่เชื่อว่าจะเอาความผิดกับรัฐบาลนี้ ทั้งๆ ที่นายอภิสิทธิ์กระทำความผิดกฎหมายอย่างชัดแจ้ง มีประชาชนไปร้อง มีประชาชนไปกล่าวโทษ ก็ทำเป็นหูทวนลมและทำเป็นดึงเรื่องยาวไปเรื่อยๆ ผมจึงไม่แน่ใจว่าทุกระบบ ทุกองค์กรในประเทศนี้ เราจะพึ่งใครได้ครับ

ขณะเดียวกัน รัฐบาลนี้ก็พยายามใช้งบประมาณแผ่นดินในการโปรยหว่านไปเพื่อหาคะแนนนิยม ซื้อเสียงเพื่อเตรียมเลือกตั้งกลับมาเป็นรัฐบาลอีกรอบหนึ่ง เหมือนกับทักษิณทำไม่มีผิดเลย แต่ทำเลวหน้าด้านกว่า

เพราะเมื่อเป็นดั่งนี้ ขณะนี้เรากำลังหารือ กำลังขบคิดกันว่า พี่น้องจะต้องมาช่วยกันว่าเราจะอยู่กับระบอบการเมืองที่มีการเลือกตั้ง เลือกตั้งโดยใช้เงินของประเทศไปหลายหมื่นล้าน เลือกตั้งเพื่ออะไรครับ เลือกตั้งเพื่อให้ได้รัฐบาลที่โกงเก่งที่สุดมาบริหารประเทศ และการเลือกตั้งก็จะต้องใช้เงินซื้อเสียง อาจจะมีการฆ่าฟันกันเพื่อแย่งชิงตำแหน่ง เพื่อให้ได้ ส.ส.มากที่สุดเข้ามาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องการกลับมาเป็นรัฐบาลอีกรอบ เพื่อรักษาอำนาจและผลประโยชน์ของตัวเอง

คำถามก็คือ เราจะอยู่กับการเมือง การเลือกตั้งที่สกปรกโสโครก และได้นักการเมืองขี้โกง ทุจริตคอร์รัปชั่นแบบนี้ ขายชาติขายแผ่นดินแบบนี้ กลับมาอีกเหรอ เพราะฉะนั้นผมถึงบอกว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์นั้นเลวกว่ารัฐบาลอื่น เพราะอะไรครับ 1. ทุจริตคดโกง ทุจริตคดโกงมากกว่าเขา อยู่ 2 ปี ทุจริต โกงมากกว่าเขา 2. บริหารบ้านเมืองล้มเหลว ทำให้ชาติเสียหายเป็นหลายแสนล้านแล้ว เฉพาะความล้มเหลวในการบริหารประเทศ 3. ก็คือทำให้ประเทศไทยสูญเสียแผ่นดิน และราชอาณาจักรไทยจะต้องสูญเสียแผ่นดินนับล้านๆ ไร่

เพราะฉะนั้นผมจึงเห็นด้วยกับความเห็นของคุณโสภณ โองการ แกอุตส่าห์โพสต์เข้ามาในเฟสบุ๊ค รัฐบาลทรราชนี่หาไม่ยาก รัฐบาลที่เลวบัดซบ โกงทุจริตก็หาไม่ยาก รัฐบาลที่โง่เง่าปัญญา บริหารไม่เป็น ก็พอมี แต่รัฐบาลประเภททรราช เลวบัดซบ บริหารชาติบ้านเมืองล้มเหลว หาไม่ยาก ในประเทศนี้มีอยู่รัฐบาลเดียว

ผมถึงบอกว่ามันเป็นรัฐบาลที่ล้มเหลวกว่ารัฐบาลชุดอื่นๆ ใดๆ ทั้งสิ้น ที่สำคัญก็คือ ทั้งทรราช ทั้งเลว โกง บริหารบ้านเมืองล้มเหลว ทั้งทุจริตแล้ว ยังดันทะลึ่งทำให้ประเทศไทยเสียดินแดน และหน้าด้านอีกต่างหาก

วันพรุ่งนี้เราจะมาพูด มาแฉกันอย่างที่พี่สนธิพูดแล้วว่า พี่น้องครับ เราจะอยู่กับระบอบการเมืองนี้ต่อไป หรือเราจะหาทางล้างบางระบอบการเมืองชั่วนี้ให้พ้นไปจากแผ่นดินครับ ถ้าเราไม่ล้างบางระบอบการเมืองชั่วนี้ออกไปจากแผ่นดิน ชาติไทยไม่มีวันอยู่ยั้งยืนยง มีแต่วันจะล่มสลาย ล่มจม และเสียหายอย่างยับเยิน เพราะฉะนั้นวันพรุ่งนี้เราจะมาพูดถึงแนวทางว่า จะล้างบางรัฐบาลชั่ว นักการเมืองโกง ให้พ้นจากแผ่นดิน แล้วประเทศไทยจะมีอนาคตและมีทางออกที่ดีกว่าวันนี้อย่างไร ด้วยวิธีการอย่างไร ฉะนั้นวันนี้ผมก็เอาแค่นี้ก่อน และพรุ่งนี้กลับมาพบกันใหม่ สวัสดีครับ”
กำลังโหลดความคิดเห็น