“สำราญ” ยกเรื่องน่าเศร้าแห่งปี “มาร์ค” เดินหน้าดื้อ ฝาก“ชวน” กระซิบข้างหูศิษย์รักเลิก MOU ระบุสลายพันธมิตรฯ ต้องทำตามเงื่อนไข 3 ข้อ อย่าคิดยุบสภาหนีความผิด ลั่นไม่ได้พิศวาสหน้าเดิมเข้ามาเดี๋ยวก็เจอพันธมิตรฯ ประท้วงอยู่ดี
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายสำราญ รอดเพชร”
วันที่ 2 มี.ค.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวาน นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่า ในฐานะตนเป็นคนใต้คนหนึ่งก็เคารพรักนายชวน หลีกภัย เคยเป็นนายกฯ ถึง 2 สมัย ถึงแม้จะเชื่องช้าบ้างแต่ในอีกแง่มุมหนึ่งก็ยังมีดีอยู่บ้าง ต้องขอแสดงความเสียใจที่ได้สูญเสียคุณแม่ไป เราพอเข้าใจได้สมัยท่านเป็นนายกฯ ไปทำเอ็มโอยู 43 เพราะไม่มีข้อมูลรอบด้านที่เพียงพอ เล่นไปตามบทที่กระทรวงการต่างประเทศยื่นให้ สุดท้ายกลายเป็นบันทึกความเข้าใจที่กลายเป็นเรื่องยุ่งยากให้บ้านเมือง ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ยอมเลิกเอ็มโอยู 43 อาจเป็นเพราะต้องการรักษาหน้า ทั้งนี้ หากกลัวหน้าเสียหน้ามากแนะนำให้ไปไปรักษาที่คลินิกจะดีกว่า วันนี้ก็ชัดเจนแล้วไม่ว่าคุณจะยุบสภาฟอกความผิด แล้วเลือกตั้งหน้าเดิมๆ เข้ามาใหม่ ก็จะเห็นชุมนุมเหมือนเดิมอย่างนี้แหละ ดังนั้น ถ้าคิดสลายพันธมิตรฯ ต้องทำตามเงื่อนไข 3 ข้อ ไม่ใช่ท้าตีท้าต่อย
“ยิ่งถลำลึกจะเสียดินแดนจริงๆ ทุกวันนี้ก็เสียโดยพฤตินัยแล้ว หากยกเลิกเอ็มโอยูจะแก้ไขปมยุ่งยากไทย-เขมรได้ แต่ตนคิดว่าคงเป็นไปได้ยาก เพราะนายอภิสิทธิ์ตั้งธงดื้อ เลือกที่จะเดินเกมการเมืองอีกแนวทางเสียแล้ว นับเป็นเรื่องน่าเศร้าที่สุดเรื่องหนึ่งในปี 2554 อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความมืดมน วันหนึ่งก็มีแสงสว่าง อยากให้พี่น้องคิด ปี 2554 เป็นปีมงคล ในหลวงทรงมีพระชนพรรษาครบ 84 พรรษา”
นายสำราญกล่าวว่า เท่าที่ดูสิ่งที่นายกฯ แสดงออกต่อกรณีปราสาทเขาวิหาร ไม่ได้มีจิตสำนึกปกปักรักษาด้วยหัวใจ ซึ่งอาจติดกับดักบางอย่างอยู่ นี่คือการนำพาบ้านเมืองไปสู่การเสียดินแดนที่ถลำลึกมากขึ้น แม้กระนั้นนายอภิสิทธิ์ก็ยังกระหยิ่มยิ้มย่องว่าเราไม่สูญเสียแน่นอน เพราะการบริหารจัดการเดินหน้าไม่ได้ ตรงนี้สำหรับตนคิดว่ามันก็ไม่แน่ เมื่อดูสถานการณ์รอบข้างเป็นที่รู้กันดีว่ากัมพูชามีแหล่งน้ำมัน-แก๊ส ย่อมทำให้ประเทศมหาอำนาจอยากมาสุมหัว
อยากให้นายชวนกระซิบข้างหูนายอภิสิทธิ์ดังๆ ว่า ยกเลิกเอ็มโอยู 43 เถอะ ยกเลิกแล้วสร้างข้อตกลงที่ดีกว่าก็ยังทำได้ ทั้งนี้ หากนายอภิสิทธิ์หันมาจับมือของผู้ชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ทำตามเงื่อนไข 3 ข้อเรียกร้อง แล้วเราจะให้อภัย เราจะดีกันเหมือนเดิม ผู้ชุมนุมพร้อมเทใจให้จะเอากี่เสียงเดี๋ยวพันธมิตรฯ จัดให้ ทำไมคุณแยกมิตรแยกศัตรูไม่ออก แล้วขอบอกไว้ก่อนเลยหาเสียง อย่าเอาวาทกรรมหลอกเด็กอย่าง “ไม่เอามาร์ค แม้วกลับมาแน่” มาใช้เพื่อเอาชนะการเมือง
“คนที่เฝ้ามองการชุมนุมอย่างคอลัมนิสต์บางคนที่ไม่เชื่อในเนวทางเราต่อสู้ ก็เริ่มแขียนแขวะ ว่า พันธมิตรฯ กำลังหาทางลง จริงๆ แล้วพี่น้องที่นี่กำลังหาทางขึ้นต่างหาก ขึ้นไปไล่รัฐบาลลง สิ่งที่อาจารย์ปราโมทย์ นาครทรรพ บอกว่าถนน 2 เลนที่เราให้เขาไป ควรแลกกับ 37 ที่นั่งของคณะรัฐมนตรี และ 500 ที่นั่งของ ส.ส.ชั่วแทน อาจารย์ปราโมทหมายถึงเรายอมขนาดนี้ บ้านเมืองควรเปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ดีงาม ไม่ได้หมายความว่าพันธมิตรฯ จะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน”
นายสำราญกล่าวอีกว่า เราคาดหวังกับรัฐบาลนี้มาก พี่น้องชุมนุม 193 จุดประสงค์อย่างหนึ่งเพราะปกป้องสถาบัน วันนี้ห้องสาธารณะในกรุงเทพฯ ไปที่ไหนเจอที่นั่นจาบจ้วง ต่างจังหวัดยังเป็นภัยคุกคามเงียบ นอกจากนี้ยังไปกรุยทางให้มีการประกันตัว เจ็บปวดที่สุดคือ หนึ่งในนั้นมีชายชุดดำที่ถูกกล่าวหาว่ายิง พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ด้วย วันนี้จะครบปีอยู่แล้ว คุณทำคดีได้หรือยังว่าใครยิง มาถึงวันนี้พิสูจน์แล้วคุณไม่สามรถต่อกรกับเสื้อแดงได้ ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ไม่มีประสบการณ์ด้านความมั่นคง มุ่งเดินเกมการเมืองมากกว่าที่จะคิดถึงชาติ
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ต้องรับกรรมจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงที่เขาประกาศรุกคืบ พี่น้องเตรียมโห่ได้เลย รัฐบาลเตรียมให้กรมคุ้มครองสิทธิฯ ควักเงินประกันเสื้อแดงอีกนับร้อย ชุบเสื้อแดงให้กลับมีชีวิต นายกฯ เองก็เฉียดตายมาแล้วถึง 2 ครั้งน่าจะคิดได้ดีกว่านี้
