ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตรวจเยี่ยม กอ.รมน. โว 2 เดือนจับยาเสพติดได้ดี เล็งใช้ค่ายลูกเสือบำบัดยา เล็งจัดหารถเอกซเรย์ตามชายแดนเพิ่ม ชูราชฑัณท์แก้ปัญหาค้ายาในคุกดี
วันนี้ (28 ก.พ.) ที่สโมสรทหารบก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เป็นหัวหน้าในการตรวจเยี่ยมและติดตามการปฏิบัติงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 1 (กอ.รมน.) ถึงระดับ กอ.รมน.ในจังหวัดทั้ง 25 จังหวัด ยกเว้นกรุงเทพฯ โดย มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรอง ผอ.รมน. พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขาธิการ กอ.รมน. พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
นายสุเทพกล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า ในครั้งนี้เป็นการตรวจเยี่ยม รับฟังปัญหาผลการปฏิบัติ รวมถึงการเน้นย้ำนโยบายของรัฐบาลให้แก่ส่วนราชการในพื้นที่ กอ.รมน.ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ซึ่ง กอ.รมน.มีหน้าที่ดูแลภัยคุกคามทุกรูปแบบ เช่น การแตกความสามัคคี การก่อการร้าย คนต่างด้าว และยาเสพติด ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะรอง ผอ.กอ.รมน.ทั้งประเทศ ได้ซักซ้อมเรื่องการปฏิบัติ รวมถึงปัญหาและอุปสรรคที่จะต้องแก้ไขเพื่อให้การปฏิบัติงานของ กอ.รมน.มีความเข้มแข็ง และประชาชนได้มีความมั่นใจเรื่องความมั่นคงของประเทศ ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดในแต่ละพื้นที่ได้มีการทำรายงานโดยแบ่งเป็น 6 กลุ่ม และมีการส่งตัวแทนขึ้นมารายงานผลการปฏิบัติของแต่ละกลุ่มจังหวัด
“เรื่องการดำเนินการปราบปรามยาเสพติด ปราบปรามผู้ค้ายาในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา พบว่าทำได้ดีและยังมีการขยายผล โดยความร่วมมือทั้งฝ่ายพลเรือน ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร และการปฏิบัติงานของทุกจังหวัดยึดแนวนโยบายของรัฐบาล คือ ปฏิบัติงานอยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะเราเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย และเป็นนิติรัฐ และใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ และสามารถจับกุมผู้ค้ายาเป็นจำนวนมาก จึงสามารถลดปริมาณยาเสพติดในทุกจังหวัดลงได้ นอกจากนี้ เรายังมีการปิดล้อมตรวจค้นในส่วนของชุมชน หมู่บ้าน และสิ่งที่กังวลใจก็คือ โครงการบำบัดรักษา ซึ่งเป็นปัญหาของทุกจังหวัด เพราะเมื่อมีการจับกุมผู้ค้าได้ก็ต้องมีผู้เสพ โดยมีจำนวย 3 หมื่นกว่า ซึ่งทำให้เกิดปัญหาสถานที่บำบัดไม่เพียงพอ ซึ่งในปัจจุบัน เราใช้ค่ายทหาร โรงเรียนตำรวจภูธร เป็นสถานที่บำบัดและขณะนี้กำลังจะขยายไปสู่ค่ายลูกเสือ ซึ่งผมได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไปดูแลว่าทำอย่างไร ให้ผู้เสพยาเข้าสถานที่บำบัดได้ครบ และถ้ามีปัญหา ขาดวิทยากร หรืองบประมาณก็ให้ทำรายงานแจ้งมาทาง ป.ป.ส.เพื่อจะขอรัฐบาลต่อไป” นายสุเทพกล่าว
นายสุเทพกล่าวว่า ในยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกันของรัฐบาล คือ รั้วชายแดน รั้วสังคม รั้วชุมชน รั้วโรงเรียน และรั้วครอบครัว จากการติดตามการทำงานของจังหวัดต่างๆ พบว่า รั้วชายแดนทำงานได้ดี เพียงแต่ยังขาดอุปกรณ์เครื่องมือสำคัญที่รัฐบาลต้องไปพิจารณา เช่น รถเคลื่อนที่ที่มีเครื่องเอกซเรย์ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ว่าภายในรถบรรทุกอะไรมา เพราะจะทำให้การตรวจค้นมีความรวดเร็วและไม่ทำให้ประชาชนทั่วไปเดือดร้อน แต่เครื่องมือมีราคาแพง อย่างไรก็ตาม ถือเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องให้การสนับสนุนเพิ่มเติม ในส่วนของรั้วโรงเรียนก็ทำได้ค่อนข้างดี แต่บางแห่งก็ทำได้ 100% ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 60-70% แต่ตนก็ยังไม่พอใจ รัฐบาลอยากเห็นรั้วโรงเรียนทำได้ 100% เต็มทุกแห่ง ซึ่งได้ฝากไปทางผู้ว่าราชการจังหวัดไปแล้ว สิ่งที่กังวลคือ รั้วสังคม รั้วชุมชน รั้วครอบครัว ยังมีระดับความสำเร็จไม่สูง อยู่ประมาณ 30-40% จึงให้ทางผู้ว่าเป็นโครงการรณรงค์ให้ประชาชนมีส่วนร่วม
นายสุเทพกล่าวว่า การประชุมวันนี้ทางรัฐบาลได้รับฟังปัญหาและอุปสรรคในการทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัด ในส่วนของงาน กอ.รมน. ทาง ผบ.ทบ.ได้กล่าวยืนยันกับทางจังหวัดต่างๆว่า ทาง กอ.รมน.ส่วนกลางจะให้การสนับสนุนการทำงานของ กอ.รมน.ระดับจังหวัดอย่างเต็มที่ ตนในฐานะที่เป็นประธาน ป.ป.ส.จะนำปัญหาต่างๆ ไปเรียนให้คณะรัฐมนตรีให้รับทราบและให้การสนับสนุนต่อไป
เมื่อถามว่า ในส่วนของปัญหาการลักลอบยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า เข้ามาจะดำเนินการอย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า ทุกประเทศมีอธิปไตยเป็นของตัวเอง เราต้องระมัดระวังในการก้าวล่วงไปในพื้นที่ของประเทศอื่น แต่อย่างไรก็ตาม เราได้สร้างกระบวนการที่สืบเนื่องจากความสัมพันธ์ที่ดีกัน ระหว่างฝ่ายความมั่นคง เช่น กองทัพ ผู้ว่าราชการจังหวัด
เมื่อถามว่า การค้าขายยาเสพติดในเรือนจำจะแก้ไขอย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า ทางกรมราชทัณฑ์ทำเรื่องนี้ได้ดีขึ้นมาก ผู้ต้องหายาเสพติดที่สำคัญได้ย้ายไปอยู่ในเรือนจำเดียวกันและมีเครื่องติดตั้งตัดสัญญาณ ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมมือกับกรมราชทัณฑ์เพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ค้าขายในเรือนจำ
เมื่อถามว่า ปัญหาเรื่องการเมืองมักจะมีผลกระทบต่อการทำงานของกองทัพและข้าราชการ นายสุเทพกล่าวว่า ตนพยายามให้ข้าราชการ ไม่ว่าจะเป็นพลเรือน ตำรวจ ทหาร ได้ทำหน้าที่ในขอบค่ายที่เป็นภาระหน้าที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งตนระมัดระวังไม่ให้ข้าราชการต้องตกเข้าไปอยู่ในวังวนของการต่อสู้ทางการเมือง
ทั้งนี้ จากการที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 1 วิเคราะห์พื้นที่ปฏิบัติการกำหนดภัยคุกคามระดับความรุนแรงของปัญหาด้านความมั่นคง ที่กำหนดให้ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นจังหวัดนำร่องในการจัดทำประเมินระดับภัยคุกคาม พบว่าพื้นที่ที่มีปัญหายาเสพติดอยู่ในระดับรุนแรงมากมีจำนวน 3 อำเภอ ได้แก่ อ.พระนครศรีอยุธยา, อ.นครหลวง และ อ.บางปะอิน สำหรับการประเมินภัยคุกคามด้านปัญหายาเสพติดได้กำหนดให้ อ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีภัยคุกคามรุนแรงมาก 1 ใน 3 อำเภอของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาเป็นพื้นที่นำร่องในการจัดทำประเมินค่าภัยคุกคามตามยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกัน
ส่วนพื้นที่ที่มีปัญหาแรงงานต่างด้าว และผู้เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอยู่ในระดับรุนแรงมากมี 4 อำเภอ คือ อ.พระนครศรีอยุธยา, อ.นครหลวง, อ.บางปะหัน และ อ.วังน้อย นอกจากนี้พื้นที่ที่มีปัญหาด้านการบุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติในระดับรุนแรง มาก มี 8 อำเภอ คือ อ.มหาราช, อ.บางปะหัน, อ.นครหลวง, อ.ท่าเรือ, อ.พาชี, อ.อุทัย, อ.วังน้อย และ อ.บางปะอิน ส่วนปัญหาการร่อการร้ายนั้นพบว่าความรุนแรงอยู่ในระดับเดียวกันทุกอำเภอของ จ.พระนครศรีอยุธยา
