“พิภพ” อัดนายกฯ อย่าหลงประเด็น ถามส่วนต่างปาล์มแพงอยู่ในกระเป๋าใคร งัดปากให้พูดพื้นที่ 4.6 ตร.กม.เป็นของไทย แนะตั้งเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชาให้เป็นวาระแห่งชาติ ชี้ถือสองสัญชาติไม่ได้อยู่ที่ถูกหรือผิดกฎหมาย ประเด็นอยู่ที่ทำไมต้องปิดบัง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายพิภพ ธงไชย”
วันที่ 27 ก.พ. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่รู้ว่าตัวเองมีหน้าที่และควรทำอะไร ปัญหาน้ำมันปาล์มแพง ประชาชนต้องการให้ตรวจสอบ ใครได้ประโยชน์ในส่วนต่าง 4-5 พันล้าน ไม่ใช่ไปตรวจสอบโรงงาน คนสงสัยกันมาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ทำไมไปเป็นประธานเกี่ยวกับน้ำมันปาล์ม ทำไมไม่ให้รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ดูแล ปกติต้องสต๊อกน้ำมันไว้เผื่่อขาดตลาดประมาณ 200,000 ตัน เมื่อเดือน ส.ค.2553 มีน้ำมันในสต๊อก 209,695 ตัน แต่เดือนพฤศจิกายนลดลงเหลือ 98,015 ตัน ตรงนี้จึงมีคำถามว่าตั้งใจให้ผิดผลาดหรือไม่
ทั้งนี้ ในเมื่อน้ำมันในสต๊อกเหลือน้อย ก็มีการเสนอให้นำเข้า 1-20,000 ตัน แต่นายสุเทพในฐานะที่เป็นประธานน้ำมันปาล์มแห่งชาติก็ไม่ทำ จนทำให้เดือนธันวาคมน้ำมันในสต๊อกหมดเกลี้ยง จากนั้นอนุมัติให้ขึ้นราคาจาก 37 บาท เป็น 70 บาท ส่วนต่างราคานี้ใครได้ นอกจากนี้ รัฐบาลประกาศขายจากโรงหีบปาล์ม กิโลกรัมละ 11 บาท แต่เจ้าของโรงหีบซื้อจากชาวสวนกิโลกรัมละ 6 บาท ส่วนต่างตรงนี้ใครได้ประโยชน์ และเมื่อเข้าสู่การผลิตราคาที่หน้าโรงหีบ ขาย 37 เมื่อส่งไปโรงกลั่นน้ำมันพืชต้นทุนอยู่ที่ 50 บาท รวมค่ากลั่น 15 บาท ราคาต่ำสุดลิตรละ 65 บาท โรงหีบได้ส่วนต่างถึงลิตรละ 12-24 บาท ส่วนต่างตรงนี้่เขาบอกว่ามีมูลค่าถึง 4-5 พันล้าน แล้วทำไมนายอภิสิทธิ์ไม่ตั้งคณะกรรมการไปตรวจสอบ
อย่างไรก็ดี โรงหีบปาล์มส่วนใหญ่อยู่ที่สุราษฎร์ธานี ชุมพร กระบี่ ประมาณ 65-67 โรง เจ้าของส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองและหัวคะแนน ทำไมนายกฯ ไม่เข้าไปตรวจสอบว่า เกี่ยวข้องกับนักการเมืองและกลุ่มทุนประชาธิปัตย์หรือไม่ เพราะข่าวลือเตรียมยุบสภา ทำให้สงสัยน้ำมันปาล์มขาดตลาด เพื่อหาเงินรับศึกเลือกตั้ง
“การถือสองสัญชาติ ไม่ได้อยู่ที่ถูกหรือผิดกฎหมาย ประเด็นอยู่ที่ทำไมต้องปิดบัง ไม่บอกประชาชนว่าถือสองสัญชาติ ต้องเข้าใจว่าคุณไม่ได้เป็นประชาชนธรรมดา แต่เข้ามาเป็นนายกฯ บุคคลสาธารณะไม่มีสิทธิ์โกหกประชาชน ไม่เช่นนั้นจะถูกตราหน้าว่าเป็นนักการเมืองแบบเก่าที่คุณกล่าวหาว่าไม่มีคุณธรรม จริยธรรม” นายพิภพกล่าว
นายพิภพกล่าวอีกว่า เรื่องดินแดนจะปลดล็อกเรื่องนี้ได้ต้องกลับมาสู่การบริหารดินแดนร่วมกันทั้งสองฝั่ง อยากให้นายอภิสิทธิ์บอกว่าพื่นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นของไทยเพียงแค่นี้ดอกพิกุลมันจะล่วงจากปากเชียวหรือ นายกฯ ยังไม่ยืนยันว่าเขตแดนอยู่ตรงไหน อ้างยังทำไม่แล้วเสร็จนั้น เขตแดนทำเสร็จตั้งแต่ พ.ศ. 2505 ที่ศาลโลกตัดสินให้กัมพูชาถืออธิปไตยเหนือปราสาทเขาวิหาร ไม่ได้หมายถึงพื้นที่รอบตัวปราสาท จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ล้อมรั้วห่างจากตัวปราสาทกินพื้นที่่แค่ 150 ไร่ เขตแดนนี้ยอมรับกันมาถึง 41 ปี จนกระทั่งถึงสมัยทักษิณ นายอำเภอกันทรลักษ์ ถึงได้มารื้อออก และรัฐบาลทักษิณก็ไม่ใส่ใจ ทำไมไม่ยืนยันหากจะบริหารพื้นที่กันไทยขอบริหารพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรซึ่งเป็นของไทย อีกอย่าง สีหนุ เป็นคนนำเรื่องปราสาทไปขึ้้นศาลโลก เมื่อศาลตัดสินตัวปราสาท สีหนุก็ยอมรับ ไม่เห็นมาบอกต้องมีพื้นที่โดยรอบ 4.6 ตารางกิโลเมตร สร้างถนน เหมือนฮุนเซน นั่นแสดงว่าเขมรยอมรับมาไม่น้อยกว่า 41 ปี
“เมื่องานวิจัยนักวิชาการ 7.1 ล้าน ออกมาเป็นผลร้ายต่อประเทศชาติ แล้วฮุนเซนนำงานวิจัยไปอ้างต่อสาธารณะ และศาลโลก ถ้าศาลโลกรับฟ้องใหม่ของฮุนเซน การแก้เกมนี้ในฐานะที่นายอภิสิทธิ์เคยเป็นอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ ไม่มีงานวิจัยไหนสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ เมื่อเห็นว่างานวิจัยนี้มีข้อสงสัย เพราะนักวิชาการนี้มีอคติตั้งธงไว้ล่วงหน้าว่าการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับดินแดนเป็นเรื่องของอำมาตย์ชาตินิยม ดังนั้น นายอภิสิทธิ์ต้องจ้างนักวิชาการตรวจสอบอีกครั้ง”
นายพิภพกล่าวทิ้งท้ายว่า แม้นายอภิสิทธิ์จะเป็นคนดีไม่ทุจริตคอร์รัปชัน แต่ปล่อยให้มีการทุจริตคอร์รัปชัน มันไปไม่ได้ เป็นคนดีอย่างเดียวไม่พอ ต้องเก่ง รู้ทันเกมด้วย เมื่อท่านไม่ทันเกม ทำไมไม่ตั้งเรื่องเขตแดนไทยกัมพูชาให้เป็นวาระแห่งชาติ คนเก่งๆ ของไทยยังมีอีกเยอะไม่ได้มีแค่ 3-4 คนรอบตัวท่าน