“เทพเทือก” โวรัฐบาล “มาร์ค” ทำชาวสวนยางรวย ถอยปิกอัพป้ายแดงรวดเดียว 3 คัน แต่สินค้าเกษตรอื่นไม่พูดถึง เตรียมตั้งโรงเรียนการเมือง ดัน “ชำนิ” นั่งอธิการบดีคนแรก ฝันปั้นเด็กรุ่นใหมใหม่เก่งเทียบ “อภิสิทธิ์” พร้อมปลุกสาวกรุ่นใหม่ ปชป.ใช้เฟซบุ๊ก-ทวิตเตอร์ตอบโต้กลุ่มโจมตีพรรค อ้างคนบางกลุ่มจะพาสังคมไปสู่กลียุค ต้องพาสังคมกลับคืนมา
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอนหนึ่งระหว่างกล่าวปฐมนิเทศผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการรุ่นใหม่อนาคตไทย ถึงสถานการณ์การเมืองไทยในปัจจุบัน ยอมรับว่า 2 ปีที่เข้ารับตำแหน่งรองนายกฯ ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สาหัสที่สุดในประวัติการทำงานการเมืองมาตลอด 32 ปี จนเอาตัวไม่รอด เจอทั้งเสื้อแดง เสื้อเหลือง เสื้อเขียว บ้านเมืองวิกฤตมาก ปกติในสังคมประชาธิปไตยคนเห็นต่างกันแต่ไม่แตกแยก แต่ในประเทศไทยเมื่อความเห็นต่างกัน กลับกลายเป็นความแตกแยก ซึ่งตนเป็นห่วงเรื่องดังกล่าว ทั้งที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามแก้ปัญหาทั้งด้านเศรษฐกิจ และสังคมจนประสบความสำเร็จแล้ว แต่ยังมีเรื่องการเมืองที่น่ากลัว
“ยุคนี้เป็นยุคที่บ้านเมืองวิกฤตที่สุด ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ และการเมือง แต่เราก็ภูมิใจที่นายอภิสิทธิ์ สามารถประคับประคองจนผ่านวิกฤตมากได้ ผมทำงานการเมืองมากว่า 30 ปี ผมยอมรับว่ายุคนี้ประชาชนส่วนใหญ่น่าจะมีความสุขมากที่สุด เกษตรกรทุกสาขาอาชีพมีรายได้ดีขึ้น จนน่าเป็นห่วง เช่น คนทำสวนยาง ขายยางได้กิโลกรัมละ 180 บาท จากเดิม 40 บาท เชื่อหรือไม่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อขายยางได้ราคาดี พ่อแม่ลูกเดินเข้าไปซื้อรถปิกอัพ เถียงกันไม่รู้เอาสีใด ก็เลยซื้อทั้ง 3 สี 3 คัน น่ากลัวมาก เพราะหากไม่สามารถบริหารเศรษฐกิจในครัวเรือนได้ ในอนาคตข้างหน้าหากเกิดความผันผวนอาจจะได้รับความเดือดร้อนอีก ที่สำคัญครัวเรือนของไทยไม่มีสมุดเงินฝากธนาคารถึงร้อยละ 90 แต่การแก้ไขปัญหาระยะยาว นายกฯ พยายามขึ้นค่าแรงอีกเพื่อให้มีกำลังซื้อเพิ่ม เพราะนายกฯ ใช้หลักว่าเศรษฐกิจในประเทศดี เศรษฐกิจประชาชนต้องดีก่อน”
นายสุเทพกล่าวว่า บุคคลที่เข้าร่วมโครงการรุ่นใหม่อนาคตไทยนี้ ตนตั้งใจที่จะให้การสนับสนุนให้เป็นบุคลากรทางการเมือง โดยยุคนี้ประชาธิปัตย์จะตั้งโรงเรียนการเมืองอย่างเป็นทางการ โดยมีนายชำนิ ศักดิเศรษฐ ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ เป็นอาจารย์ใหญ่ และเป็นอธิการบดีคนแรก เนื้อหาของหลักสูตรจะพูดถึงประวัติศาสตร์การเมืองในประเทศไทย และแก่นแท้ของระบอบประชาธิปไตย
“ปัจจุบันมีคนพูดถึงประชาธิปไตยมาก แต่ไม่เข้าใจ เดี๋ยวนี้เสื้อเหลือง เสื้อแดง ที่ออกมาแล้วระบุว่าเขาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่ประชาธิปไตยอะไรแบกปืนอาก้ามาด้วย แบกเอ็ม 79 อาร์พีจี เอ็ม 16 มาด้วย มันไม่ใช่ ประชาธิปไตยอะไร เผาเซ็นทรัลเวิลด์ แบบนี้ไมใช่ หรือว่าประชาธิปไตยแบบเสื้อเหลือง ปิดถนนราชดำเนิน คนอื่นไม่ได้ใช้ ก็ไม่ใช่ ประชาธิปไตยที่แท้จริงคือต้องคุยกันว่าเนื้อแท้จริงๆ ของระบอบประชาธิปไตย คือการที่ได้ใช้เหตุผลในการแก้ปัญหาของบ้านเมืองและสังคม และพร้อมที่ต้องฟังคนอื่นๆ เป็นต้น”
นายสุเทพกล่าวว่า ในโรงเรียนการเมืองเราจะให้นักเรียนเข้าใจอุดมการณ์ของพรรค ในกระบวนการทำงานเพื่อประชาชน ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยเปลี่ยนแนวทางที่ต้องเป็นประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง ตนไม่ได้พูดเพราะแฟชั่น แต่ขอเล่าให้ฟังว่าช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไทยจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อมีนักการเมืองจำนวนมากคิดระบบการพัฒนาบ้านเมืองให้เป็นระบอบประธานาธิบดี การบริหารประเทศแบบสาธารณรัฐ และความคิดของคนกลุ่มดังกล่าวยังต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ แต่มาในรูปแบบอื่น และกลุ่มอื่นๆ แต่ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ยังยึดมั่นในแนวทางประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน ในบ้านเมืองสิ่งที่สำคัญคือความเป็นเอกภาพ หากบ้านเมืองแตกแยกมาก ก็อาจเกิดสงครามกลางเมืองได้
เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ปฏิเสธเผด็จการทุกรูปแบบ พรรคประชาธิปัตย์เชื่อมั่นว่าการเป็นรัฐบาลได้ต้องมาจากความยินยอมของประชาชน ผ่านกระบวนการเลือกตั้ง แม้หลายครั้งที่ผ่านมาคนของพรรคถูกเชิญเข้าร่วมในรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติ รัฐประหาร เราปฏิเสธเพราะเราไม่เดินทางลัดในทางการเมือง โดยการใช้อำนาจในการแก้ปัญหา เรายอมใช้เวลา และรอให้ประชาชนสนับสนุนการเมืองแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งในโรงเรียนการเมืองนั้น ต้องฝึกให้ทำวิชาเรียงความ ตนจะฝึกเพื่อให้ผู้เข้าร่วมเก่งเหมือนนายอภิสิทธิ์ หรือเก่งใกล้เคียงที่สุด เพราะคู่ต่อสู้วันข้างหน้าได้พัฒนาไปเยอะ ขณะที่เราเรียนวิชาธรรมะ มารทั้งหลายก็เรียนวิชามาร เก่งกล้าสามารถขึ้นทุกวัน ดังนั้นต้องฝึกเพื่อให้มีภูมิคุ้มกันและฝึกฝนเพื่อออกไปต่อสู้ได้
นายสุเทพกล่าวฝากความหวังไว้ที่ผู้ที่เข้าโครงการรุ่นใหม่อนาคตไทย ช่วยสร้างพรรคประชาธิปัตย์ให้มีความเข้มแข็ง เพราะหากมีพรรคการเมืองที่เข้มแข็งแล้วก็จะนำไปสู่รัฐบาลที่เข้มแข็งต่อไป หากรัฐบางเข้มแข็งจะสามารถนำพาประเทศไปได้ แต่หากรัฐบาลอ่อนแอก็จบ ไปไม่รอด พรรคประชาธิปัตย์ขอต้อนรับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ซึ่งพรรคต้องการความคิดริเริ่มใหม่ๆ การทำงานให้กับพรรคสามารถใช้การสื่อสารผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ เช่น เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์
“เขาตีเราทุกวัน ท่านรู้เรื่องจริงก็ชี้แจง ต้องพูด ต้องสื่อให้ฟัง คนบางพวกบางกลุ่มกำลังจะพาสังคมไปสู่กลียุค ท่านก็ต้องพาสังคมกลับคืนมา ให้ตระหนักความจริง ทุกคนทำงานได้ การเมืองอนาคตต้องเป็นการเมืองที่ประชาชนมีส่วนร่วม ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมทางการเมืองเฉพะวันลงคะแนนเลือกตั้งเท่านั้น ต่อไปนี้ทุกเรื่องต้องเรียนรู้และเข้าใจ เราเป็นพรรคที่เปิดโอกาสให้กับคนทุกคน ผมดีใจที่ได้เห็นผู้ที่ตัดสินใจเข้าพรรคประชาธิปัตย์มากที่สุดที่เคยมีมา อยากให้คนที่ร่วมทำงานให้บ้านเมืองอย่างเด็ดเดี่ยว”