xs
xsm
sm
md
lg

“เทพมนตรี” กระตุ้นต่อมละอาย “ชวน” เสียพื้นที่เขาวิหารให้เขมรง่ายๆ ด้วยแผนที่เก๊

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายเทพมนตรี ลิมปพยอม
“เทพมนตรี” ถาม “ชวน” เคยเศร้าสลดบ้างไหม ประกาศพระราชกฤษฎีกาอุทยานแห่งชาติเขาวิหาร ในปี 41 ลงพระปรมาภิไธยโดยในหลวง แต่พอมีเอ็มโอยู 43 กลายเป็นพื้นที่พิพาท พร้อมฟันธงอินโดนีเซียเข้าข้างเขมรแน่นอน แนะ “มาร์ค” เตรียมรับมือไปหาหนังสือลับมาก ที่ กต.0803/948 อ่าน


วันที่ 23 ก.พ.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการประวัติศาสตร์ กล่าวว่าเมื่อวันที่ 7 ส.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พูดถึงเอ็มโอยู 43 ในลักษณะเลิกก็ได้ไม่เลิกก็ได้ ทันทีที่พูดเสร็จ ฮุนเซนก็ส่งหนังสือถึงสหประชาชาติว่า เอ็มโอยู 43 ไทยตกลงกับกัมพูชาแล้วว่ายอมรับแผนที่ 1 : 200,000 อย่างไรก็ตาม ถ้ามีเหตุทำให้ไม่มีเอ็มโอยู 43 กัมพูชาขอให้สหประชาชาติเป็นพยานยังคงใช้ แผนที่ 1 : 200,000 ได้อยู่ พฤติกรรมฮุนเซนเหมือนฟ้องไว้ล่วงหน้า

ทั้งนี้ ตนมั่นใจว่าเราเสียดินแดนเล้วจริงๆ ตอนนี้เราไปอุทยานฯ เขาวิหารไม่ได้เหมือนเดิม หากพรุ่งนี้ตนบอกจะเดินทางไปเขาวิหารกับพี่น้องประชาชน แน่นอนจะต้องมีบทสัมภาษณ์ของคนที่ไม่ค่อยรักชาติ บอกอย่าไปเลยเดี๋ยวชาวบ้านจะเดือดร้อน เดี๋ยวชาวบ้านจะต้องออกมาปะท้วง นักการเมืองก็จะมาบอกว่าทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนซ้ำซาก ส่วนทหารดักเอาไว้อ้างหวั่นปะทะชาวบ้าน ตกลงเราไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติของเราไม่ได้แน่นอน ทุกวันนี้ชาวต่างชาติไปยืนบนพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรได้ แต่คนไทยไปยืนไม่ได้

นายเทพมนตรีกล่าวว่า พ.ศ. 2541 นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี เคยประกาศพระราชกฤษฏีกาอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ไม่น่าเชื่อว่าก่อนหน้าประกาศอุทยานแห่งชาติได้ไล่พี่น้องชาวศรีสะเกษ ที่เคยเข้าไปหากินออกจากพื้นที่ แต่ 13 ปีผ่านมา อุทยานแห่งชาติเขาวิหารกลายเป็นของชาวกัมพูชาไปเรียบร้อย อย่างน้อยก็พื้นที่ 3,000 กว่าไร่ ปัจจุบันเขมรครอบครองมาแล้วตั้งแต่ปี 46

“นายชวน หลีกภัย เคยเศร้าสลดกับสิ่งที่ตัวเองทำบ้างไหม ลงท้ายว่าผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ไม่เคยรับผิดชอบ ไม่เคยให้สัมภาษณ์อะไรที่ทำให้ประชาชนอุ่นใจกับเรื่องนี้ เหมือนหนึ่งว่านายชวน ได้หายไปจากประเทศไทยแล้ว ชีวิตหลังความตาย ก็จะถูกเขียนจากนักวิชาการประวัติศาสตร์อย่างตนว่า ท่านเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ไทยเสียดินแดนไป”

นายเทพมนตรีถามหาสามัญสำนึกนายชวนที่เคยชื่นชมนายอภิสิทธิ์ว่าเป็นคนดี แล้วท่านเคยรับผิดชอบอะไรหลังพันธมิตรฯ เรียกร้อง ซึ่งไม่มีเลยแม้แต่ครั้งเดียว เช่นนั้นพรุ่งนี้นายกฯ หากเป็นลูกผู้ชายจริง แถลงไปเลยว่า ประเทศไทยประกาศยกเลิกพระราชกฤษฎีกาอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เพราะเราได้ยกให้กัมพูชาแล้วเนื่องจากผูกพันตามแผนที่ 1 : 200,000

ในปี 2541 พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร อยู่ในเขตอุทยานเขาวิหารซึ่งเป็นพื้นที่ของไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ไม่เช่นนั้นจะประกาศเป็นพื้นที่อุทยานฯ ได้อย่างไร อีกอย่างเมื่อเราประกาศในราชกฤษฎีกา หากทับซ้อนจริงกัมพูชาคงทักท้วงตั้งนานแล้ว แต่พอมีเอ็มโอยู 43 เอาแผนที่ 1 : 200,000 ไปใช้ กัมพูชาก็เริ่มมาปะท้วงทำให้อุทยานเขาวิหารเริ่มมีปัญหา อ้างสิทธิ์ในพื้นที่ 4.6 ตร.กม. แล้วกระทรวงต่างประเทศเราก็คล้อยตามเขมรด้วย ตกลงเลยกลายเป็นพื้นที่พิพาท

“ทำไมตอนประกาศพระราชกฤษฎีกาไม่พิจาณาให้ดี ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธยได้อย่างไร ในเมื่อเป็นพื้นที่พิพาท แสดงว่าคุณโกหกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงลงพระปรมาภิไธย นายชวนควรออกมาแสดงความรับผิดชอบได้แล้ว ตราบาปครั้งนี้จะติดตาม ตระกูลหลีกภัย ต่อไปในอนาคต”

นายเทพมนตรีกล่าวว่า เราเสียพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาวิหาร ให้เขมรง่ายๆ ด้วยแผนที่เก๊ แถมกระทรวงการต่างประเทศยังไปจ้างนักวิชาการ 7.1 โหลยโท่ย-คลั่งชาติเขมร เอาเงินภาษีประชาชนไปจ้างทำงาน เมื่อเสร็จก็เอางานนั้นไปยัดให้เขมรมาเล่นงานไทย ทั้งนี้ แผนบริหารจัดการนี้ถูกส่งไปเขมรแล้ว ข้างในเขียนว่าห้ามเปิดเผย ซึ่งอาจสำหรับคนไทย ขณะที่เขมรรู้กันทั้งเมือง เอกสารนี้ตนได้มาจากฝั่งกัมพูชา แต่ไม่รู้ทำไมพ่อแม่พี่น้องถึงไม่ได้เห็น ดังนั้นไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว เราเสียดินแดนแน่นอน

ตนฟันธงได้เลยว่า อินโดนีเซียเข้าข้างกัมพูชาแน่นอน เนื่องจากอินโดนีเซียมีธุรกิจอยู่ในกัมพูชามากมาย หากถามว่าทำไมต้องโยงเรื่องนี้ จะว่าไปมันก็เหมือนกับกรณีนักลงทุนไทยที่ไปทำธุรกิจในกัมพูชา ไม่เคยมีแม้แต่เพียงรายเดียวที่จะออกมาพูดว่าปิดชายแดนเลย กิจการของตนเรื่องเล็กไม่เป็นไรทำเพื่อประเทศชาติ ดังนั้นคงไม่ต่างจากอินโดนีเซีย และตลอดเวลาที่เรามีปัญหาตั้งแต่ปี 51 ในเวทีประชุมคณะกรรมการมรดกโลก อินโดนีเซีย ไม่เคยทักท้วง ว่า ปราสาทเขาพระวิหารมีปัญหา แต่ทำไม่ได้เป็นมรดกโลก เพราะมันมีผลประโยชน์มากกว่าที่จะทักท้วง

นายเทพมนตรีกล่าวถึงนายชาญวิทย์ เกษตรศิริ ที่พูดว่าโลกไร้พรมแดนนั้น ตนยอมรับว่ามันมีอยู่จริง แต่มันเป็นยุคหิน ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ยุคที่มนุษย์ยังถือขวานหิน อยู่ในถ้ำ มีสัญชาตญาณแบบสัตว์เดรัจฉาน กิน ถ่าย อยู่ในบริเวณนั้น ปัจจุบันคำว่า โลกไร้พรมแดน เกิดได้แต่ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารเท่านั้น

“แนะนำให้นายอภิสิทธิ์ไปหาหนังสือลับมาก ที่ กต.0803/948 กระทรวงการต่างประเทศ ถนนศรีอยุธยา ลงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2551 เรื่อง “แนวทางดำเนินการกรณียูเนสโกตรวจสอบเขาวิหาร” ไปเอาแนวทางตามนี้ว่า หากอินโดนีเซียมาเราจะต้องรับมืออย่างไรบ้าง แต่เชื่อว่าท่านไม่ทำหรอก ไม่เข้าใจว่าทำไมนายอภิสิทธิ์ไม่ให้กระทรวงการต่างประเทศตั้งทีมงานทำข้อสววนโดยการใช้ข้อสงวนสิทธิที่เรามียื่นต่อสหประชาชาติ สวนทางกับอินโดนีเซียไปเลย ทำไมปล่อยให้ ฮอร์ นัมฮง ไปยื่นศาลโลกได้ แล้วทำไมเราไม่ไปยื่นสหประชาชาติ”
กำลังโหลดความคิดเห็น