“อภิสิทธิ์” เดินหน้าใช้การเจรจาเจบีซี แก้ปัญหาพิพาทไทย-เขมร ยันไม่ถอนทหารออกจากพื้นที่แนวปะทะ หวังให้อาเซียนเข้ามาสังเกตการณ์ว่าใครเป็นผู้รุกรานก่อน ส่วนการเตรียมตัวเข้าแจงยูเนสโกยังไม่ชัดเจน ยังมึนพื้นที่พิพาทยังไม่ชัดเจนเรื่องเขตแดน ให้ความช่วยเหลือชาวบ้านภูมิซรอลถูกเขมรยิงถล่มอีที่สุด ไม่ทราบจะนำเรื่องไปฟ้องศาลโลก
วันนี้ (23 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน ภายหลัง นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้ารายงานว่า การเตรียมการ ณ ขณะนี้เพื่อนำไปสู่การเจรจาในกรอบของเจบีซี ทางกระทรวงกลาโหม จะไปเตรียมการในส่วนของกรอบอื่นที่ทางกองทัพมีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นจีบีซี อาร์บีซี ส่วนตนจะเตรียมรับผู้แทนพิเศษยูเนสโก เพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติม คิดว่า ทุกอย่างจะกลับมาสู่ภาวะปกติ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การสังเกตการณ์ของผู้แทนจากประเทศอินโดนีเซีย จะใช้เวลานานเท่าใดนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กำลังประสานงานในรายละเอียด ในเรื่องของการเข้ามาซึ่งเห็นว่าได้มีการประสานในระดับล่างแล้ว
เมื่อถามว่า กระบวนการถอนกำลังทหารจะเริ่มได้เมื่อใด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีเรื่องถอนทหาร เพราะว่าทั้งหมดเป็นเรื่องของการที่ทั้ง 2 ฝ่าย แสดงเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการปะทะกัน ผู้สังเกตการณ์ก็เข้ามาดูเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะไม่มีการปะทะกัน แต่ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องถอนกำลังแต่อย่างใด เป็นเรื่องทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งไทยและกัมพูชาต้องคุยกันในภาพใหญ่ของเรื่องปัญหาเขตแดน ซึ่งว่ากันไปตามกระบวนการกรอบเจบีซี ทั้งนี้ ในเรื่องของการวางกำลังว่าจะเป็นเรื่องของพื้นที่ที่ปฏิบัติกันมา ไม่ใช่เฉพาะจุดนี้ แต่เป็นไปตลอดแนวชายแดนที่ระบุว่จะไม่มีการเสริมกำลังอีก หรือหากมีการเปลี่ยนแปลงก็จะพูดคุยกันในระดับใดระดับหนึ่ง
เมื่อถามว่า การสังเกตการณ์ของผู้แทนจากอินโดนีเซียได้กำหนดกรอบระยะเวลาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กำลังคุยกันอยู่ ทางอินโดนีเซีย ไทย และกัมพูชา จะคุยกันในระดับผู้ปฏิบัติ ส่วนระยะเวลานานแค่ไหนจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์หลัก
เมื่อถามว่า การสังเกตการณ์ในครั้งนี้จะเหมือนกับลักษณะที่กองกำลังไทยไปอยู่ในอาเจะห์ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่หรอกครับ เพราะนี่เป็นเรื่องของการสังเกตการณ์ เพื่อที่จะให้เกิดความมั่นใจว่า ไม่มีการปะทะกัน สำหรับประโยชน์ทางอินโดนีเซียจะเข้ามาสังเกตการณ์ ตนคิดว่า ใครที่ยิงก่อนควรจะระมัดระวัง เพราะว่าเมื่อมีผู้สังเกตการณ์ทั้ง 2 ฝ่าย ก็จะสามารถตรวจสอบกันได้ เวลาเกิดการปะทะกันนั้นฝ่ายไหนเป็นฝ่ายยิงก่อน
เมื่อถามว่า ถ้าเกิดการยิงก่อนสิทธิ์ในการที่จะปกป้องของไทยยังคงอยู่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ว่า แน่นอนครับ ยืนยันว่า จะไม่มีการไปตกลงอะไรที่เราไม่สามารถไปปกป้องดินแดนอธิปไตยของเราได้ เพราะฉะนั้นถ้ามีการละเมิดในเรื่องของการปะทะเราก็มีสิทธิ์ที่จะตอบโต้เต็มที่
เมื่อถามถึงกรณีที่ชาวบ้านภูมิซรอลจะฟ้องศาลโลกถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นเรื่อง ยังไม่ทราบเลย ต้องขอไปดูก่อนว่าจะเป็นเรื่องไหนอย่างไร แต่ได้ติดตามความคืบหน้าเรื่องของการดูแล เช่น เรื่องการสร้างบ้านก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี
เมื่อถามต่อว่า ในกรณีที่ผู้แทนของยูเนสโกจะเดินทางมาไทย ได้เตรียมแนวทางที่จะชี้แจงและมีข้อเสนออย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องการให้เขาเห็นภาพปัญหา ซึ่งตนได้ดูจากการพิจารณาของหลายองค์กรในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีของสหประชาชาติ กรณีของอาเซียน หรือแม้กระทั่งสภาสหภาพยุโรป ก็สามารถเห็นได้ชัดเจนว่า เขามีความเข้าใจอย่างชัดเจนว่าพื้นที่บริเวณรอบปราสาท เป็นพื้นที่ที่ไม่มีความชัดเจนในเรื่องของเขตแดน เพราะฉะนั้นตรงนี้ต้องเป็นโจทย์สำคัญสำหรับยูเนสโก ว่า ถ้ายังพยายามที่จะทำอะไรกับพื้นที่ตรงนี้ภายใต้ความไม่แน่นอนปัญหาก็จะตามมา ซึ่งจะต้องกลับไปคิดที่จะปลดล็อคไม่ให้เกิดปัญหานี้อย่างไร จะต้องเดินหน้าอย่างไร ถึงจะได้ไม่เป็นชนวนของความขัดแย้ง ขณะเดียวกัน เขาก็ควรจะมีความมั่นใจ ตัวปราสาทว่าจะไม่ถูกดำเนินการอะไรที่เสื่อมสภาพ
เมื่อถามว่า สำหรับการเตรียมแนวทางเสนอปลดชนวนความขัดแย้งนั้นจะมีทางเลือกอะไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะพูดถึงทางเลือกต่างๆ