xs
xsm
sm
md
lg

พธม.ชี้แถลงอาเซียนทำไทยเสียดินแดนถาวร เชื่อเขมรใช้ศาลโลกบีบรับ 1 ต่อ 200,000

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
“โฆษกพันธมิตรฯ” ชี้แถลงการณ์อาเซียนไม่มีพูดเขมรล้ำแดน ละเมิดเอ็มโอยู ส่อทวงแดนไม่ได้ ซัดรัฐสละการแสดงแสนยานุภาพสิ้นเชิง ยันเอ็มโอยูทำเพื่อนบ้านได้เปรียบมาก แถมส่อขยายผลพื้นที่รอบปราสาท ทำต่างชาติแทรกแซงได้ ฉะรัฐจำนนแผนที่ 1 ต่อ 2 00,000 คาดกัมพูชาใช้ศาลโลกบีบไทยให้ยอมรับ ชี้ ส.นักข่าวจัดเวทีไร้ประโยชน์



วันนี้ (23 ก.พ.) ที่สะพานมัฆวานฯ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ เปิดเผยว่า กรณีการออกแถลงการณ์ของที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนนั้นทำให้สิ่งที่เราห่วงใยก่อนที่จะมีการประชุมชัดเจนมากขึ้น ทั้งข้อตกลงหยุดยิงถาวรที่ไม่กล่าวถึงการรุกล้ำแผ่นดินของกัมพูชา และกรณีที่ต่างประเทศเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในประเทศ ซึ่งในที่สุดปัญหาทั้ง 2 ข้อ ปรากฏในแถลงการณ์ฉบับนี้ เนื่องจากได้กล่าวถึงการหลีกเลี่ยงการปะทะด้วยอาวุธ โดยไม่มีการกล่าวถึงการที่กัมพูชารุกล้ำดินแดนประเทศไทย และละเมิด MOU 2543 เท่ากับว่า หากมีการหยุดยิงจริงก็จะไม่สามารถทวงคืนดินแดนไทยได้จนกว่าจะมีความพอใจจากทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งหากกัมพูชาไม่พอใจก็จะสามารถยึดครองแผ่นดินไทยไปได้เรื่อยๆ หรือเป็นการสูญเสียดินแดนถาวรไปแล้ว อีกประการหนึ่งคือ การที่ที่ประชุมอาเซียนพยายามในการส่งผู้แทนจากอินโดนีเซียเข้ามาเป็นผู้สังเกตการณ์ในพื้นที่พิพาท ทำให้มีประเทศที่ 3 เข้ามายืนยันว่าไม่มีการปะทะกันอีก โดยไม่พูดถึงดินแดนไทยที่ถูกกัมพูชารุกล้ำแม้แต่น้อย

“เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า ไทยสละหลักการในการผลักดันกัมพูชาออกจากดินแดนโดยแสนยานุภาพทางการทหารอย่างสิ้นเชิง เท่ากับว่ากัมพูชาซึ่งเคยเสียเปรียบบนโต๊ะการเจรจาจากแสนยานุภาพทางการทหารที่ฝ่ายไทยมีสูงกว่า แต่รัฐบาลไทยได้สละตรงนี้จนหมดสิ้น” นายปานเทพกล่าว

โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า การที่กัมพูชากำลังจ้างทนายเพื่อขึ้นต่อศาลโลกอีกครั้ง ซึ่งประเทศไทยได้เคยประกาศไม่ยอมรับอำนาจของศาลโลกมาตั้งอต่ปี 2505 กรณีปราสาทพระวิหาร แต่บัดนี้เมื่อมี MOU 2543 ทำให้กัมพูชาหาหนทางให้ศาลโลกตีความขยายผล เพื่อให้เป็นคุณต่อกัมพูชาจาก MOU 2543 และเมื่อมีคนกลางอย่างอินโดนีเซีย ทำให้ไทยตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบมากยิ่งขึ้นโดยมีอาเซียนเป็นสักขีพยาน นอกจากจะถูกยึดครองโดยพฤตินัยแล้ว กัมพูชาก็จะขยายผลยึดครองพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารในเวทีมรดกโลกอีกด้วย หลังจากที่พื้นที่เขาพระวิหารพ้นจากสภาพมรดกโลกอันตรายเป็นพื้นที่สันติภาพถาวร ดังนั้น พิสูจน์แล้วว่า MOU 2543 ไม่ได้เป็นเครื่องมือเพื่อสันติภาพอย่างแท้จริงแต่ทำให้เกิดการปะทะเพราะกัมพูชามีแรงจูงใจในการที่จะไปเวทีนานาชาติ รวมทั้งที่รัฐบาลพยายามบอกว่า MOU 2543 ไม่ได้ทำให้เกิดการปะทะ แต่วันนี้มีประเทศที่ 3 เข้ามาสังเกตการณ์และทำรายงานส่งอาเซียนหากมีการปะทะ ทั้งๆ ที่ที่ผ่านมาไม่เคยมีประเทศใดสามารถเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในได้เลย เต็มที่ได้แค่เพียงการเป็นผู้รับฟัง โดยไม่มีสิทธิ์พูดหรือออกความเห็นใดๆ

“ที่เป็นเช่นนี้เพราะรัฐบาลไม่ยืนยันในเสียเขตแดนของตัวเอง รวมทั้งไม่ยืนยันว่ากัมพูชารุกรานดินแดนและละเมิด MOU 2543 ทำให้ไทยไม่สามารถอ้างกฎบัตรสหประชาชาติหรืออาเซียนที่ห้ามไม่ให้อาเซียนหรือแม้แต่สหประชาชาติเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในประเทศได้ ท้ายที่สุดนานาชาติก็กำลังเดินหน้าในการให้ไทยต้องเสียดินแดนถาวร เป็นความผิดพลาดจากการถลำลึกไปใน MOU 2543” โฆษกพันธมิตรฯ กล่าว

นายปานเทพกล่าวด้วยว่า ปัญหาสำคัญไม่ได้เกิดจากอาเซียน แต่เกิดจากท่าทีของรัฐบาลไทยที่ไม่ยืนหยัดในเส้นเขตแดนของตัวเองทั้งในเวทีคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) และในเวทีอาเซียน ซึ่งมาจากการที่ไม่สามารถโต้แย้งความยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU 2543 ไม่ได้ จึงยอมจำนนและใช้วิธีถ่วงเวลาแทน หรือการสมยอมกับกัมพูชา โดยไม่กล่าวถึงเรื่องเขตแดน ซึ่งไม่ทราบว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ในส่วนแนวทางการแก้ไขนั้น เชื่อว่ารัฐบาลนี้ถลำลึกไปในปัญหาจนไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว และจะยิ่งร้ายแรงมากขึ้น เพราะสุดท้ายกัมพูชาจะใช้เวทีศาลโลกเพื่อให้ไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 เพียงอย่างเดียว โดยมีอาเซียนเป็นสักขีพยาน รวมทั้งการเดินหน้าในเวทีมรดกโลก

ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าในการเปิดเวทีของสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย นายปานเทพกล่าวว่า ขณะนี้ไม่มีความคืบหน้าใดๆ เพราะทางสมาคมนักข่าวฯ ไม่ดำเนินการ เนื่องจากรูปแบบไม่ตรงกัน ซึ่งภาคประชาชนเสนอว่าหากต้องการให้ประชาชนรู้ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นจึงให้มีการเสนอข่าวพันธมิตรฯ มากขึ้น รวมทั้งขอเวลา 3 ชั่วโมงเท่ากันกับรัฐบาลในการนำเสนอข้อมูล แต่ท้ายที่สุดก็ติดเงื่อนไขที่รัฐบาลเป็นผู้ตัดสินใจ ทั้งในเรื่องการถ่ายทอดสด หรือการแยกเวที รวมไปถึงฝ่ายรัฐบาลที่ไม่พร้อมในการให้ภาคประชาชนนำเสนอข้อมูล เพราะต้องการพูดฝ่ายเดียวเท่านั้น เป็นการโฆษณาชวนเชื่อให้ประชาชนไม่รู้ว่าเราได้เสียนดินแดนไปแล้ว

เมื่อถามต่อว่า ทางสมาคมนักข่าวฯ มีการจัดเวทีรับฟังความเห็นประชาชนที่ ม.ธรรมศาสตร์ ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ ทางพันธมิตรฯ จะส่งตัวแทนเข้าร่วมหรือไม่ นายปานเทพกล่าวว่า สมาคมนักข่าวฯ ก็ไม่ได้เชิญมา ซึ่งตนก็เห็นว่าไม่มีประโยชน์ รวมทั้งทางสมาคมนักข่าวฯ ก็ไม่ใช่คู่กรณีในปัญหานี้ เพราะคู่กรณีที่แท้จริงคือ ไทยและกัมพูชา ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่ในการลงมือทำส่วนข้อมูลต่างๆ ทั้งรัฐบาลและนักวิชาการของรัฐบาลก็แสดงออกมามากแล้ว ซึ่งเราก็สามารถหักล้างไปได้ทั้งหมดในทุกประเด็น จึงไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่เราต้องเวทีดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น