“ประพันธ์” เชื่อ “มาร์ค” ไม่กล้ารับข้อเสนอแจงผ่านฟรีทีวีฝ่ายละ 3 ชั่วโมง เพราะแค่วันนี้ก็แถแล้วว่าหวั่นเป็นการเอาข้อมูลที่อ่อนไหวมากระทบปัญหาทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เป็นคนท้าให้ดีเบตเอง ชี้ถ้าแน่จริงตอบรับเลยให้ฝ่ายพันธมิตรฯ พูดก่อนก็ได้ พร้อมยกคำประกาศของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ แฉ “ศิริโชค” รอบสอง ตะลึงก่อหนี้ถึง 8 พันกว่าล้านบาท
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”
วันนี้ (17 ก.พ.) นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ ว่า เมื่อเช้านี้สมาคมผู้สื่อข่าววิทยุโทรทัศน์ฯ มาขอเข้าพบ มายื่นหนังสือให้กับตนและ อ.ปานเทพ ในฐานะตัวแทนของพี่น้องคณะกกรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ตนก็ได้ตอบไปโดยไม่ลังเล และก็ตรงกับ อ.ปานเทพ ว่าวันนี้ตนอ่านนายอภิสิทธิ์ขาด บอกเลยว่านายอภิสิทธิ์ไม่กล้ามาโต้แย้งข้อเท็จจริงกับเรา และตนกับ อ.ปานเทพก็ได้ตอบข้อเสนอไปแล้วว่า เรายินดีที่จะออกออกสื่อฟรีทีวีในเวลาเท่าเทียมกัน 3 ชั่วโมง ต่างฝ่ายต่างออก และยินดีให้สื่อมวลชนซักถามเราได้ในทุกเรื่องทุกประเด็น เพื่อให้ประชาชนฟังข้อเท็จจริงทางฝั่งพวกเราและก็ฟังฝั่งรัฐบาลเพื่อมาเปรียบเทียบกันว่าฝ่ายไหนมีเหตุผล น้ำหนักข้อเท็จจริงมากกว่า
เราได้เสนอรูปแบบนี้ไป แล้วก็บอกกับสื่อมวลชนว่าอย่าไปเสียเวลาต่อปากต่อคำ โต้เถียง ดีเบตกันเพราะมันจะไม่ได้สาระและไม่มีประโยชน์ ถ้านายกฯ มีเหตุผลข้อเท็จจริงอะไรขอเชิญเสนอต่อประชาชนให้เต็มที่ ตอบคำถามสื่อมวลชนให้เต็มที่ อีกวันหนึ่งเป็นเวลาของเรา 3 ชั่วโมงเช่นกัน
ขอให้นำข้อเสนอนี้ไปยังรัฐบาลเลย พร้อมที่จะมาออกรายการทีวีด้วยกันหรือไม่ แต่คนละวัน ไหนว่านายกฯ เก่งสามารถกล่อมคนทั้งประเทศให้เชื่อได้ ลองปานเทพ-ประพันธ์ ออกทีวีบ้าง ใครจะเชื่อใคร แต่ตนเชื่อว่าร้อยบาทเอาขี้หมากองเดียว บอกได้เลยนายอภิสิทธิ์ไม่กล้า โดยข้อเสนอนี้เพียงเห็นหน้าตนกับ อ.ปานเทพ ก็ขี้หดตดหายแล้ว
“ถ้าผมพูดผิด ถ้าแน่จริงพรุ่งนี้ตอบรับมาเลย ว่าผมดูคุณถูกมั้ย เพราะวันนี้พอให้สัมภาษณ์ก็รีบแถออกมาแล้ว ตอนแรกก็ท้าชวนมาคุยกันมาดีเบตกัน พอเราตอบรับไปวันนี้ก็แถแล้วว่าไม่อยากถกเถียงกันเพราะเดี๋ยวจะเอาข้อมูลอันอ่อนไหว หรือเป็นการกระทบกระเทือนต่อปัญหา ตกลงอยากจะคุยหรือไม่อยากจะคุยล่ะ ทำไมต้องแถไปแถมา แล้วผมก็ได้บอกสื่อไปด้วยว่าไม่ต้องกลัว จะให้เราพูดก่อนหรือทีหลัง ให้ฝ่ายเราพูดก่อนก็ได้ แล้วคุณก็มาหักล้างเหตุผลที่เราพูดก็ได้ ผมไม่ตื่นเต้นเลย เพราะรู้แล้วว่ากึ๋นคุณมีแค่ไหน เพราะฉะนั้นวันนี้เราก็รอฟังคำตอบอยู่ว่าเขาจะแน่จริงหรือเปล่า” นายประพันธ์กล่าว
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า วันนี้เป็นเรื่องน่าเศร้าสลดใจที่สุด ในขณะที่ประเทศกำลังตกอยู่ในภาวะที่เรียกว่าสุ่มเสี่ยงและได้เสียดินแดนไปแล้ว หรือตกอยู่ในมหันตภัยอันร้ายแรง ที่ผู้นำประเทศและประชาชนควรจะร่วมมือกันแก้ปัญหา แต่เนื่องด้วยผู้นำของเราไม่ได้ทำตัวเป็นผู้นำ ไม่มีราคา ไร้ภาวะผู้นำ บ้านเมืองถึงได้เป็นแบบนี้ และที่น่าเศร้าใจที่สุดนายอภิสิทธิ์คิดเรื่องเดียว คิดเรื่องรักษาเก้าอี้ให้อยู่ในตำแหน่งให้นานที่สุดเท่านั้น ทั้งๆ ที่แนวทางที่ตัวเองทำมาทั้งหมดล้มเหลวมาตลอด เห็นชัดแล้วว่าแนวทางของเขาเป็นสิ่งที่ผิดพลาดแต่ก็ยังดื้อด้านไม่ยอมรับความผิด ที่เลวร้ายกว่านั้นรัฐบาลอภิสิทธิ์ก็มีแต่เรื่องทุจริตคอร์รัปชันไม่เว้นแต่ละวัน
ที่พิจารณารับหลักการณ์งบกลางปีไปเมื่อวานนี้ ได้เสนองบกลางปีมาประมาณ 2 แสนล้าน เพื่อเอาเงินมาอุดเงินคงคลังที่กำลังจะถังแตก พูดง่ายๆ ถ้าไม่เอาเงินมาอุดเงินคงคลังขณะนี้ ก็จะเหลือเงินจ่ายเงินเดือนให้ข้าราชการไม่เกิน 1 เดือนเท่านั้น และส่วนหนึ่งก็อ้างว่าเอาไปซ่อมแซมถนนหนทางอันเกิดจาอุทกภัยประมาณเกือบหมื่นล้าน ชี้ให้เห็นเลยว่ารัฐบาลนี้ล้มเหลวและส่อไปในการทุจริตคอร์รัปชั่น
ที่ต้องผ่านงบกลางปีที่อ้างว่าจะเอาไปทำถนน จำได้หรือไม่เมื่อการผ่านงบประมาณประจำปี ก.ย.ที่แล้ว เกือบ 2 ล้านล้านบาท อนุมัติไปเพื่อสร้างถนนไร้ฝุ่น 14,721.48 ล้านบาท อันนี้งบกลางปีเอาไปทำถนนไร้ฝุ่น พี่น้องชาวไทยทั้งหลายตอนนี้ใครเห็นถนนไร้ฝุ่นสักเส้นบ้าง พออนุมัติงบเอาเงินไปเรียบร้อยแล้ว เสร็จแล้วพอน้ำท่วมถนนไร้ฝุ่นก็หายไปกับน้ำท่วม งบประมาณก็หายไปกับน้ำท่วม
แล้ววันนี้ของบฯ ไปซ่อมแซมถนนหนทางกว่า 9 พันล้าน จะเอาไปซ่อมแซมอะไรถนนก็หายไปแล้ว แต่ปรากฏว่าเอางบนี้ไปแจกจ่ายชาวบ้าน ถนนบางเส้นเอาไป 2 แสนบาท ก็เอาไปให้อบต. อบจ. ทำ ปรากฏว่าซื้อดินเหนียว ดินทราย มาโปะๆ ตกเส้นละ 2 หมื่นบาท ทั้งหมดนี้ก็คืองบที่เสนอเพื่อเอาไปแจกหัวคะแนนในต่างจังหวัดเพื่อหาเสียงในการเลือกตั้งเท่านั้นเอง
วันนี้คณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตภาครัฐไปสุ่มตัวอย่างตรวจแค่ 21 โครงการไม่มีถนนแม้แต่เส้นเดียว มันกินกันแบบหน้าด้านๆ ปี 53 งบประจำปี 1.4 หมื่นล้าน ปี 54 นี่เสนองบไร้ฝุ่นมาอีกแล้วและอนุมัติไปแล้ว 2,829 ล้านบาท สรุปแล้วถนนไร้ฝุ่นก็คือแดกอย่างไร้ร่องรอย
นายประพันธ์ยังกล่าวอีกว่า หลังจากที่ตนปราศรัยถึงนายศิริโชค นายศริโชคก็โต้ตอบกลับโดยโพสต์บนเฟซบุ๊ก หาว่าตนโกหก ตนก็สั่งสอนไปรอบนึงแล้ว ก็นึกว่านายอภิสิทธิ์จะมียางอายเอานายศิริโชคออกไปไกลๆ แต่วันนี้ก็ยังติดกันเป็นตังเมอยู่เหมือนเดิม และที่สำคัญจดหมายเปิดผนีกที่นายศิริโชคเขียนมันยังไม่เอาออกจาเฟซบุ๊ก เมื่อยังไม่เอาออกก็เลยต้องแถมข้อเท็จจริง ว่าคุณล้มละลายและเป็นหนี้กี่พันล้าน เป็นหนี้ใครบ้าง ที่อ้างว่าที่ล้มละลายเพราะถูกทักษิณกลั่นแกล้ง เดี๋ยวฟังข้อเท็จจริงนี้ว่าผีทักษิณมากลั่นแกล้งได้อย่างไร
“นี่คือคำประกาศของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่องคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ลงวันที่ 9 เม.ย. 2551 เจ้าหนี้ที่เป็นโจทก์ฟ้อง คือ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าฯ จำเลยที่ 1 คือบริษัทโอเวอร์ซีมาร์รีนห้องเย็น นี่ก็บริษัทในครอบครัวนายศิริโชค 2.บริษัท สหโสภา 3.บริษัท โสภาพร็อพเพอร์ตี้ 4.ถอนฟ้องไป 5.น.ส.เสาวรส จันทนบุญญา หรือโสภา จำเลยที่ 5 แม่ของนายศิริโชค โสภา 6.นายศิริพจน์ โสภา พี่ชาย 7.นางกิ่งศิลา ฤกษ์สกุล นี่ก็คือเครือญาติ ที่สำคัญเขาฟ้องทั้งหมดนี้ให้เป็นบุคคลล้ม และได้ประกาศให้เป็นบุคคลละลายแล้ว
“แต่ที่น่าตื่นตาตื่นใจก็คือ เมื่อเขาประกาศแล้วเรียกเจ้าหนี้มาขอรับชำระหนี้ภายใน 2 เดือน ผมตะลึงมากพอเห็นบรรดาเจ้าหนี้มายื่นขอรับชำระหนี้มีทั้งหมด 26 ราย รวมหนี้แล้ว 8,482,884,779.79 บาท มันเก่งมั้ย ส่งอาหารทะเลออกนอก ปีหนึ่งขายได้ไม่กี่ร้อยล้านบาท ดันทะลึ่งก่อหนี้ถึง 8 พันกว่าล้าน” นายประพันธ์กล่าว
ทั้งนี้ หนี้ 8 พันกว่าล้านบาทที่นายศิริโชคแก้ตัวว่าเป็นหนี้ที่ทักษิณกลั่นแกล้ง แบบนี้ตนก็อยากให้แกล้งเหมือนกันจะได้ล้มบนฟูกบ้าง ไม่รู้ว่าไปเอาบารมีอะไรมา บริษัทไม่ได้ใหญ่โตอะไรไปกู้มา 8 ตั้งพันกว่าล้าน ถ้าไม่มีอำนาจบารมีแล้วไปกู้เขามาได้อย่างไร
นายประพันธ์กล่าวว่า ที่ต้องย้ำอีกครั้งหนึ่งเพราะว่า ทั้งนายศิริโชค และอภิสิทธิ์ ยังใช้วิชาหน้าด้านศาสตร์จากออกซฟอร์ดอยู่ ไม่รู้สึกรู้สาว่าตัวเองยืนอยู่ข้างๆ คนที่มีภาระหนี้สิน ครอบครัวล้มละลาย และนายศิริโชคก็มีภาระหนี้ตามคำพิพากษาตั้ง 177 ล้าน และลองนึกดูหนี้ขนาดนี้ก่อมาได้อย่างไร และคุณบอกว่าไม่เคยใช้อำนาจแทรกแซงเพื่อช่วยครอบครัวตัวเอง โถ...น้ำหน้าอย่างนี้หรือไปแทรกแซงศาลล้มละลายกลางได้ ไม่มีปัญญาต่างหาก ถ้ามีปัญญาแทรกแซงแล้ว อย่าคิดว่าไม่รู้ แม่คุณเคยมีปัญหาเรื่องส่งออก กรมสรรพากรจับได้ว่าไม่ได้ส่งออกจริงแล้วมาเคลมเอาภาษีคืน แม่คุณยังไปวิ่งเต้นที่กรมสรรพากร นั่งรถโรลส์ลอยด์ไปหาเจ้าหน้าที่เพื่อให้เขาช่วยเลย
เพราะฉะนั้น ถ้าคุณมีโอกาสไม่มีทางที่จะไม่แทรกแซง และวันนี้ก็ยังกอดคออยู่กับนายกฯ แบบนี้ไว้ใจได้หรือ ถ้ายังไม่เอาจดหมายเปิดผนึกออกจากเฟซบุ๊ก ก็จะถือว่าความเสียหายเกิดขึ้นทุกวัน ตนฟ้องทั้งแพ่งและอาญาอยู่แล้วไม่ต้องห่วง