“โทรโข่งมาร์ค” ชี้ “เจ๊มิ่ง” พูดชัดซักฟอกต้องรอ “นอสตราดาแม้ว” ดูฤกษ์ให้ ยันยื่นมาก็ไม่เกี่ยวยุบสภา ท้าถ้าพร้อมก็รีบอภิปราย ไม่ขัดข้องหากจะยื่นตอนเปิดสภาสมัยวิสามัญ ชี้ ส.ส.ย้ายพรรคเรื่องปกติ ยันค่าตัว 60 ล้านต่อคนเป็นไปไม่ได้ ระบุแค่ข่าวตีกันย้ายพรรค ลั่นพรรคไม่มีตกเขียว เชื่อคงไม่มีลูกพรรคหนีจากตึกไปอยู่กระต๊อบ
วันนี้ (16 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยยังไม่สามารถตกลงเรื่องวันที่แน่นอนในการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้ว่า ถ้าดูจากกระแสข่าวการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยนั้นยังมีข้อถกเถียงเรื่องวันเวลาที่ชัดเจนอยู่ ถึงขั้นที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าทีมอภิปรายเอ่ยปากว่าจะต้องรอสัญญาณจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้ายก่อน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจและการเคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ นั้นยังอยู่ภายใต้การบงการและการชี้นำของ พ.ต.ท.ทักษิณแต่เพียงผู้เดียว เพราะแม้กระทั่งวันยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ยังต้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณดูฤกษ์ดูยามให้
นายเทพไทกล่าวอีกว่า การที่พรรคเพื่อไทยอ้างว่าหากยื่นญัตติเร็วเกินไปรัฐบาลจะไม่สามารถยุบสภาได้ หรือการยื่นช้าเกินไปอาจจะติดช่วงสงกรานต์ ซึ่งจะทำให้ประชาชนไม่สนใจการอภิปรายนั้น การยื่นญัตติของพรรคฝ่ายค้านไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยุบสภาของนายกรัฐมนตรี ถ้าหากพรรคเพื่อไทยมีความพร้อมก็ขอให้ยื่นญัตติได้เลย รัฐบาลพร้อมที่จะตอบในทันที และอาจจะใช้เวลาไม่เกิน 3 วันในการบรรจุญัตติก็ได้ แต่ไม่อยากให้มีการยื่นญัตติไปก่อนแล้วไปหาข้อมูลเอาดาบหน้า เพราะอาจจะทำให้พรรคเพื่อไทยตกม้าตายกลางคันก็ได้ ทั้งนี้ หากดูประเด็นที่พรรคเพื่อไทยจะนำมาอภิปรายในครั้งนี้แล้วล้วนแต่เป็นเรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการประมูล 3 จี และน้ำมันปาล์มขาดแคลน ล้วนเป็นประเด็นที่ปรากฏในหน้าสื่อทั้งสิ้น และคงจะเป็นไปตามคาดหมายคือ การตัดแปะข้อมูลจากสื่อเพื่อมาใช้ในการอภิปราย เหมือนกับที่ผ่านมา
“ถ้าหากพรรคเพื่อไทยไม่มีความพร้อมที่จะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ อยากแนะนำว่าไม่ควรใจร้อน ให้ไปตั้งหลักสร้างความเป็นเอกภาพในพรรคและหาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อน และถ้าหากยื่นญัตติไม่ทันสมัยประชุมนี้จนต้องเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเหมือนกับครั้งที่ผ่านมา รัฐบาลก็ไม่ขัดข้อง” นายเทพไทกล่าว
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวดึงตัว ส.ส.ว่า หลังจากที่รัฐธรรมนูญผ่านรัฐสภาไปแล้ว ความชัดเจนเรื่องเขตเลือกตั้งก็มีมากขึ้น จึงมีกระแสข่าวเรื่อง ส.ส.ย้ายพรรคสังกัดจำนวนมาก ถือเป็นเรื่องปกติทางการเมืองที่ ส.ส.ทุกคนพยายามดิ้นรนหาหนทางที่ดีกว่าเพื่อให้ตัวเองได้กลับมาเป็น ส.ส.อีกครั้ง ซึ่งจะต้องดูปัจจัยและเงื่อนไขหลายอย่างด้วย เช่น 1.บทบาทของผู้นำพรรคว่าสามารถจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ 2.ดูแนวนโยบายว่าเป็นที่ถูกใจประชาชนมากน้อยเพียงใด 3.ดูกระแสคะแนนนิยมของประชาชนในพื้นที่ 4.ดูเงินทุนสนับสนุนว่ามากเพียงพอที่จะไปสู้ในการเลือกตั้งได้หรือไม่ และ 5.ดูโอกาสที่พรรคการเมืองนั้นๆ จะได้กลับมาเป็นขั้วรัฐบาลในอนาคตว่ามีมากน้อยเพียงใด
นายเทพไทกล่าวอีกว่า การโยกย้ายสังกัดพรรคการเมืองของ ส.ส.นั้นไม่ได้พิจารณาเฉพาะเงินทุนเพียงอย่างเดียว ดังนั้น การพยายามปล่อยข่าวว่ามีการซื้อตัว ส.ส.ด้วยจำนวนเงินสูงถึง 60 ล้านบาทต่อคนนั้นจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อาจจะเป็นเพียงแค่การปล่อยข่าวเพื่อตีกัน ส.ส.ไม่ให้ย้ายพรรค หรืออาจจะเป็นแค่การปล่อยข่าวเพื่อโก่งค่าตัวของคนบางคน สำหรับพรรคประชาธิปัตย์นั้นพร้อมที่จะรับ ส.ส.ที่ศรัทธาในอุดมการณ์ของพรรค เพื่อเป็นตัวแทนพรรคลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งต่อไป ถ้าหากเห็นว่าปัจจัยที่ทำให้สามารถเข้ามาเป็น ส.ส.ได้ของพรรคประชาธิปัตย์นั้นมีเพียงพอพรรคก็ยินดี ยกเว้นเรื่องการซื้อตัว ส.ส.ด้วยจำนวนเงินหลักล้านบาทนั้น ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างแน่นนอน เพราะการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนที่จะทำการเมืองอย่างตรงไปตรงมา และถ้าเห็นว่าหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้เหมาะสมในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากกว่าผู้นำพรรคอื่นๆ ก็อยากจะให้พิจารณาเข้าร่วมอุดมการณ์กับพรรคเพื่อผลักดันให้คนหนุ่มที่มีความรู้ดี มีความสามารถ และมีความซื่อสัตย์สุจริตได้เป็นผู้นำประเทศต่อไป
สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พรรคภูมิใจไทยจะดึงตัว ส.ส.สระบุรี ของพรรคประชาธิปัตย์ 2 คนไปร่วมงานด้วยนั้น นายเทพไทกล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่ส่วนตัวแล้วคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะ ส.ส.ของพรรคทั้ง 2 คนยังไม่แสดงท่าทีใดๆ ทั้งสิ้น และการเลือกตั้งที่ผ่านมา ส.ส.ทั้ง 2 คนกว่าจะได้เข้ามาเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ก็ทุ่มเทและให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เชื่อว่าด้วยอุดมการณ์ของ ส.ส.ทั้ง 2 คนนั้นจะยังอยู่ร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ คงจะยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่การพูดถึงเรื่องดังกล่าวนั้นน่าจะเกิดจากการพูดเล่นในหมู่ ส.ส.ด้วยกัน มากกว่าที่จะเป็นเรื่องจริงจัง และเชื่อว่า 172 ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนยังพร้อมที่จะอยู่กับพรรคต่อไป คงจะไม่มีใครคิดที่จะหนีออกจากบ้านหลังใหญ่ที่มีรากฐานมั่นคงเพื่อไปอยู่บ้านหลังเล็ก เพราะเหมือนหนีจากตึกไปอยู่กระต๊อบนั้นเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ มีโอกาสจะย้ายไปร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยถึง 60% นายเทพไทกล่าวว่า นายสรวุฒิเป็นคนหนุ่ม และยังเป็นรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ด้วย นอกจากนี้ การเลือกตั้งที่ผ่านมานั้นกระแสพรรคใน จ.ชลบุรี ทำให้ ส.ส.ของพรรคทั้ง 8 คนได้เข้ามาเป็น ส.ส.แบบยกทีม ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งมีคุณภาพอาจจะมี พรรคการเมืองอื่นมาหมายปองและชักชวนให้เข้าร่วมพรรคด้วย แต่ด้วยอุดมการณ์และความผูกพันกับพรรคที่ได้ให้โอกาสกับ ส.ส.เหล่านี้มาทำงานการเมืองโดยอิสระแล้ว คงจะไม่มีใครคิดตีจากพรรคไป เพราะถ้าเป็นเรื่องจริงประชาชนก็คงยอมรับไม่ได้