นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าวยืนยันว่า ยืนยันว่า พรรคการเมืองใหม่ ไม่ได้ปฏิเสธระบบการเลือกตั้งที่เป็นกติกาตามระบอบประชาธิปไตย และการยุบสภาที่เป็นอำนาจของนายกรัฐฒนตรีโดยชอบตามรัฐธรรมนูญ แต่การสร้างกระแสการยุบสภาที่รัฐบาลพยายามสร้างขึ้นนั้นมีเจตนาอย่างไร เพราะตนเห็นว่า เป็นเพียงหมากเกมทางการเมืองที่รัฐบาลพยายามเบี่ยงเบนความขัดแย้งทางการเมือง และปัญหาของรัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะความสามารถและศักยภาพในการปกป้องอธิปไตยของชาติในขณะนี้ ซึ่งตนเห็นว่าปัญหาใหญ่คือ การทำหน้าที่รัฐบาล และกองทัพที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการแก้ปัญหาไทย-กัมพูชา แต่รัฐบาลชุดนี้กำลังหนีปัญหาด้วยการยุบสภา อ้างว่าจะคืนอำนาจให้ประชาชน ทั้งที่สภาฯไม่ได้มีปัญหาแต่ประการใด เหตุใดนายกฯ อภิสิทธิ์ ที่มีอำนาจเต็ม และมีวาระอีก 7-8 เดือน จึงไม่มุ่งมั่นที่จะทวงคืนดินแดน และผลักดันกองกำลังต่างชาติที่รุกล้ำเข้ามาให้แผ่นดินไทย บริเวณ 4.6 ตร.กม. รอบปราสาทพระวิหารในขณะนี้ ซึ่งเป็นที่มาของความขัดแย้งในสังคมการเมืองไทย
"พรรคการเมืองใหม่เห็นว่า การยุบสภาเป็นเพียงการหนีปัญหาของรัฐบาล และไม่ใช่คำตอบต่อโจทย์ความขัดแย้งของชาติที่เกิดขึ้นได้ เหตุใดนายกฯอภิสิทธิ์ จึงไม่ใช้เวลาที่เหลืออยู่วางปฏิทินในการทวงคืนดินแดนที่สูญเสียไปกลับมา" นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวว่า แม้จะมีการยุบสภา แล้วมีการเลือกตั้งใหม่ และมีรัฐบาลชุดใหม่ ปัญหาก็ยังดำรงอยู่ ดังนั้นรัฐบาลโดยนายกฯอภิสิทธิ์ ต้องแยกแยะปัญหาของนักการเมืองหรือนักเลือกตั้งออกจากปัญหาของชาติ เพราะการยุบสภาเป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และปัญหาของนักการเมืองเท่านั้น แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาของประชาชน และชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ปัญหาของฝ่ายการเมืองเท่านั้น กองทัพก็มีหน้าที่หลักในการแก้ปัญหาเช่นกัน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กลับมีท่าทีต่อกรณีนี้ว่า ปัญหาการเมือง ต้องแก้ด้วยการเมือง ทั้งที่ปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชานั้น ไม่ใช่ปัญหาการเมือง แต่เป็นปัญหาที่มีความพายามก่อสงคราม เพื่อยึดครองดินแดนของอีกประเทศ
"ดังนั้นสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ พูดออกมาเป็นเพียงการพูดเพื่อปัดความรับผิดชอบ เพราะข้อเท็จจริงในขณะนี้ ไทยกำลังถูกกองกำลังต่างชาติรุกราน ดินแดนอธิปไตย ดังนั้นกองทัพต้องมีหน้าที่โดยตรงในการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาด้วย" นายสุริยะใส กล่าว
** กมม.ยันส่งผู้สมัครส.ส.แน่
ด้านนายสำราญ รอดเพชร รองหัวหน้าและโฆษกพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่า หากมีการเลือกตั้งขอยืนยันว่า พรรคการเมืองใหม่จะส่งผู้สมัครแน่นนอน แต่การยุบสภาที่คนในรัฐบาลออกมาพูดถึงตลอดเวลาอย่างไม่เป็นเอกภาพ บางคนก็บอกว่ายุบในเร็วๆนี้ ขณะที่กลุ่มที่ถืออำนาจที่แท้จริงภายในรัฐบาลก็ยังไม่อยากให้ยุบสภาในช่วงนี้ อยากใช้เวลาที่เหลือกระชับอำนาจและผลประโยชน์ ทั้งการผ่านการพิจารณางบประมาณ และแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ
ดังนั้นรัฐบาลต้องไปตกผลึกทางความคิดกันก่อน อย่านำเรื่องการยุบสภามาข่มขู่ประชาชน เพราะการจะยุบหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของนักการเมือง อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลไม่ยุบสภาในช่วงนี้ อาจเป็นเพราะปัญหาเรื่องการปกป้องอธิปไตยที่ยังไม่สามารถตอบประชาชนได้
เกรงว่าจะเสียคะแนน
**ปชป.ท้าฝ่ายค้านรีบยื่นซักฟอก
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านจะขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล 4 วันว่า พรรคยินดีให้กระบวนการตรวจสอบได้ดำเนินการเกิดขึ้นโดยเร็ว โดยอยากให้เร่งการยื่นญัตติอภิปรายฯ เพราะการขับเคลื่อนการเมืองของฝ่ายค้าน ก็ควบคู่กับเคลื่อนไหวชุมนุมของกลุ่มนปช. ที่เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา ซึ่งนายกฯ ก็ยืนยันจะหาช่วงเวลาที่เหมาะสม คือบ้านเมืองจะต้องสงบสุขเพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน ซึ่งอยากให้พรรคฝ่ายค้านซึ่งถือว่ามีส่วนร่วมกับการชุมนุมของนปช. ได้ช่วยให้สถานการณ์บ้านเมืองได้สงบเรียบร้อย หากอยากให้คืนอำนาจเร็ว ก็ควรเร่งยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะหากมีอภิปรายก็จะยุบสภาไม่ได้
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ประเด็นสำคัญในการยื่นญัตติอภิปรายครั้งนี้ คือเรื่องโทรคมนาคม โดยนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ซึ่งสมัยที่อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้ตรวจสอบนโยบายไอซีที ของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ระบุว่าไม่ชอบ แต่เมื่อกลับไปอยู่กับพ.ต.ท.ทักษิณ แม้ศาลตัดสินว่าไม่ชอบ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง แต่นายสุรพงษ์ กลับไม่วิพากษ์วิจารณ์อะไร กลับไปอยู่ข้างเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งที่เสียค่าโง่มากที่สุด ทำให้ทศท. และกสท. เสียหาย มากกว่าค่าโง่ทางด่วน หรือคลองด่าน
ส่วนกรณีที่น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ระบุว่า มีความไม่ชอบมาพากลในการประมูลเพื่อติดตั้งโครงข่าย 3 จี มูลค่า 17,440 ล้านบาทนั้น น.อ.อนุดิษฐ์ คงลืมไปว่า ในสมัยพรรคพลังประชาชน ได้เตรียมประมูลโครงการ 3 จี ทศท.สูงถึง 3หมื่นล้านบาท ทั้งที่เป็นการจัดซื้อจัดจ้างประเภทเดียวกัน มีส่วนเกินเป็น 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งตรงนี้หายไปไหน
"ปัญหาสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศสุดท้ายในอาเซียน ที่ไม่มี 3 จี เพราะนโยบายทำลายการแข่งขันของภาคเอกชน ซึ่งเป็นความพยายามของพรรคเพื่อไทย ที่จะฟอกความผิดให้นายตัวเองมากกว่า เพราะได้ผูกพันภาระของประเทศ เช่น การออกภาษี การแก้ไขสัญญา พีเพด โพสเพด ซึ่งผิดกฎหมาย สิ่งเหล่านั้นเป็นปัญหาสำคัญที่ปชป.ต้องแก้ไข" นพ.บุรณัชย์ กล่าว
**จวกรัฐบาลแบ่งเค้กงบกลาง
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กรณีที่จะมีการประชุมสภาเพื่อพิจารณางบประมาณกลางปี ซึ่งตนเห็นว่ามีนัยยะสำคัญของรัฐบาล โดยฝ่ายค้านตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นเพียงฉากบังหน้า เพราะการพิจารณางบดังกล่าวจะมีส่วนต่างถึง หมื่นหกพันล้านบาท โดยอาจมีการแบ่งเค้ก หรือผลประโยชน์ได้ ทั้งที่ การพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 93 - 98 ก็เป็นไปตามที่รัฐบาลตั้งไว้ อย่างไรก็ตาม การพิจารณางบกลางปี จะเป็นเหมือนการซ้อมการอภิปรายของพรรคฝ่ายค้าน
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า วันที่ 18 ก.พ. จะยังไม่มีการยุบสภา ตามที่นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ระบุว่าวันดังกล่าวอาจมีบางเหตุการณ์เกิดขึ้น นั้น ตนมองว่าเป็นเกมการเมืองแบบแบ่งกันเล่นเท่านั้น เพราะนายกรัฐมนตรีมักพูดเรื่องการยุบสภา
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึง กรณีที่ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน( สตง.) ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.ไอซีที เรื่องการเซ็นสัญญาระหว่าง แคท กับ บริษัทเอกชนรายหนึ่ง โดยทางสตง. ติงสัญญา 14 ข้อว่าน่าจะเข้าข่ายการดำเนินการโดยมิชอบ และอาจมีปัญหาในการเร่งทำสัญญาซึ่งตนมองว่าเป็นการตบหน้ารัฐบาลโดยตนพร้อมเป็นกำลังใจ
สตง.ในการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
ทั้งนี้ ทางพรรคเพื่อไทยเตรียมออกแคมเปญ ห้าล้มเหลว สิบจำทน เข้าสู่โหมดเตรียมการเลือกตั้ง พร้อมทั้ง ในวันนี้ (14 ก.พ.) ก็จะเปิดแคมเปญดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ที่พรรคเพื่อไทย เพื่อชี้ให้เห็นถึงรายละเอียดของห้าความล้มเหลว และสิบจำทน ของรัฐบาล โดยเรียกร้องว่า ช่วงนี้เป็นโค้งสุดท้ายที่จะมีการยุบสภา ดังนั้นรัฐบาลควรแสดงความจริงใจในการปราบปรามการทุจริตของกระทรวงทบวงกรมต่างๆ
"พรรคการเมืองใหม่เห็นว่า การยุบสภาเป็นเพียงการหนีปัญหาของรัฐบาล และไม่ใช่คำตอบต่อโจทย์ความขัดแย้งของชาติที่เกิดขึ้นได้ เหตุใดนายกฯอภิสิทธิ์ จึงไม่ใช้เวลาที่เหลืออยู่วางปฏิทินในการทวงคืนดินแดนที่สูญเสียไปกลับมา" นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวว่า แม้จะมีการยุบสภา แล้วมีการเลือกตั้งใหม่ และมีรัฐบาลชุดใหม่ ปัญหาก็ยังดำรงอยู่ ดังนั้นรัฐบาลโดยนายกฯอภิสิทธิ์ ต้องแยกแยะปัญหาของนักการเมืองหรือนักเลือกตั้งออกจากปัญหาของชาติ เพราะการยุบสภาเป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และปัญหาของนักการเมืองเท่านั้น แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาของประชาชน และชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ปัญหาของฝ่ายการเมืองเท่านั้น กองทัพก็มีหน้าที่หลักในการแก้ปัญหาเช่นกัน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กลับมีท่าทีต่อกรณีนี้ว่า ปัญหาการเมือง ต้องแก้ด้วยการเมือง ทั้งที่ปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชานั้น ไม่ใช่ปัญหาการเมือง แต่เป็นปัญหาที่มีความพายามก่อสงคราม เพื่อยึดครองดินแดนของอีกประเทศ
"ดังนั้นสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ พูดออกมาเป็นเพียงการพูดเพื่อปัดความรับผิดชอบ เพราะข้อเท็จจริงในขณะนี้ ไทยกำลังถูกกองกำลังต่างชาติรุกราน ดินแดนอธิปไตย ดังนั้นกองทัพต้องมีหน้าที่โดยตรงในการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาด้วย" นายสุริยะใส กล่าว
** กมม.ยันส่งผู้สมัครส.ส.แน่
ด้านนายสำราญ รอดเพชร รองหัวหน้าและโฆษกพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่า หากมีการเลือกตั้งขอยืนยันว่า พรรคการเมืองใหม่จะส่งผู้สมัครแน่นนอน แต่การยุบสภาที่คนในรัฐบาลออกมาพูดถึงตลอดเวลาอย่างไม่เป็นเอกภาพ บางคนก็บอกว่ายุบในเร็วๆนี้ ขณะที่กลุ่มที่ถืออำนาจที่แท้จริงภายในรัฐบาลก็ยังไม่อยากให้ยุบสภาในช่วงนี้ อยากใช้เวลาที่เหลือกระชับอำนาจและผลประโยชน์ ทั้งการผ่านการพิจารณางบประมาณ และแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ
ดังนั้นรัฐบาลต้องไปตกผลึกทางความคิดกันก่อน อย่านำเรื่องการยุบสภามาข่มขู่ประชาชน เพราะการจะยุบหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของนักการเมือง อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลไม่ยุบสภาในช่วงนี้ อาจเป็นเพราะปัญหาเรื่องการปกป้องอธิปไตยที่ยังไม่สามารถตอบประชาชนได้
เกรงว่าจะเสียคะแนน
**ปชป.ท้าฝ่ายค้านรีบยื่นซักฟอก
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านจะขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล 4 วันว่า พรรคยินดีให้กระบวนการตรวจสอบได้ดำเนินการเกิดขึ้นโดยเร็ว โดยอยากให้เร่งการยื่นญัตติอภิปรายฯ เพราะการขับเคลื่อนการเมืองของฝ่ายค้าน ก็ควบคู่กับเคลื่อนไหวชุมนุมของกลุ่มนปช. ที่เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา ซึ่งนายกฯ ก็ยืนยันจะหาช่วงเวลาที่เหมาะสม คือบ้านเมืองจะต้องสงบสุขเพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน ซึ่งอยากให้พรรคฝ่ายค้านซึ่งถือว่ามีส่วนร่วมกับการชุมนุมของนปช. ได้ช่วยให้สถานการณ์บ้านเมืองได้สงบเรียบร้อย หากอยากให้คืนอำนาจเร็ว ก็ควรเร่งยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะหากมีอภิปรายก็จะยุบสภาไม่ได้
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ประเด็นสำคัญในการยื่นญัตติอภิปรายครั้งนี้ คือเรื่องโทรคมนาคม โดยนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ซึ่งสมัยที่อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้ตรวจสอบนโยบายไอซีที ของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ระบุว่าไม่ชอบ แต่เมื่อกลับไปอยู่กับพ.ต.ท.ทักษิณ แม้ศาลตัดสินว่าไม่ชอบ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง แต่นายสุรพงษ์ กลับไม่วิพากษ์วิจารณ์อะไร กลับไปอยู่ข้างเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งที่เสียค่าโง่มากที่สุด ทำให้ทศท. และกสท. เสียหาย มากกว่าค่าโง่ทางด่วน หรือคลองด่าน
ส่วนกรณีที่น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ระบุว่า มีความไม่ชอบมาพากลในการประมูลเพื่อติดตั้งโครงข่าย 3 จี มูลค่า 17,440 ล้านบาทนั้น น.อ.อนุดิษฐ์ คงลืมไปว่า ในสมัยพรรคพลังประชาชน ได้เตรียมประมูลโครงการ 3 จี ทศท.สูงถึง 3หมื่นล้านบาท ทั้งที่เป็นการจัดซื้อจัดจ้างประเภทเดียวกัน มีส่วนเกินเป็น 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งตรงนี้หายไปไหน
"ปัญหาสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศสุดท้ายในอาเซียน ที่ไม่มี 3 จี เพราะนโยบายทำลายการแข่งขันของภาคเอกชน ซึ่งเป็นความพยายามของพรรคเพื่อไทย ที่จะฟอกความผิดให้นายตัวเองมากกว่า เพราะได้ผูกพันภาระของประเทศ เช่น การออกภาษี การแก้ไขสัญญา พีเพด โพสเพด ซึ่งผิดกฎหมาย สิ่งเหล่านั้นเป็นปัญหาสำคัญที่ปชป.ต้องแก้ไข" นพ.บุรณัชย์ กล่าว
**จวกรัฐบาลแบ่งเค้กงบกลาง
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กรณีที่จะมีการประชุมสภาเพื่อพิจารณางบประมาณกลางปี ซึ่งตนเห็นว่ามีนัยยะสำคัญของรัฐบาล โดยฝ่ายค้านตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นเพียงฉากบังหน้า เพราะการพิจารณางบดังกล่าวจะมีส่วนต่างถึง หมื่นหกพันล้านบาท โดยอาจมีการแบ่งเค้ก หรือผลประโยชน์ได้ ทั้งที่ การพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 93 - 98 ก็เป็นไปตามที่รัฐบาลตั้งไว้ อย่างไรก็ตาม การพิจารณางบกลางปี จะเป็นเหมือนการซ้อมการอภิปรายของพรรคฝ่ายค้าน
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า วันที่ 18 ก.พ. จะยังไม่มีการยุบสภา ตามที่นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ระบุว่าวันดังกล่าวอาจมีบางเหตุการณ์เกิดขึ้น นั้น ตนมองว่าเป็นเกมการเมืองแบบแบ่งกันเล่นเท่านั้น เพราะนายกรัฐมนตรีมักพูดเรื่องการยุบสภา
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึง กรณีที่ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน( สตง.) ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.ไอซีที เรื่องการเซ็นสัญญาระหว่าง แคท กับ บริษัทเอกชนรายหนึ่ง โดยทางสตง. ติงสัญญา 14 ข้อว่าน่าจะเข้าข่ายการดำเนินการโดยมิชอบ และอาจมีปัญหาในการเร่งทำสัญญาซึ่งตนมองว่าเป็นการตบหน้ารัฐบาลโดยตนพร้อมเป็นกำลังใจ
สตง.ในการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
ทั้งนี้ ทางพรรคเพื่อไทยเตรียมออกแคมเปญ ห้าล้มเหลว สิบจำทน เข้าสู่โหมดเตรียมการเลือกตั้ง พร้อมทั้ง ในวันนี้ (14 ก.พ.) ก็จะเปิดแคมเปญดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ที่พรรคเพื่อไทย เพื่อชี้ให้เห็นถึงรายละเอียดของห้าความล้มเหลว และสิบจำทน ของรัฐบาล โดยเรียกร้องว่า ช่วงนี้เป็นโค้งสุดท้ายที่จะมีการยุบสภา ดังนั้นรัฐบาลควรแสดงความจริงใจในการปราบปรามการทุจริตของกระทรวงทบวงกรมต่างๆ
