โฆษกมาร์ค แก้ต่างแทนนายกฯ เหตุไม่ลงพื้นที่เยี่มผู้อพยพ ฝ่ายความมั่นคงประเมินจะเป็นซ้ำเติมสถานการณ์ ชายแดนตึงเครียดเพิ่ม ปฏิวัติ 18 ก.พ.แค่ข่าวโคมลอย แนะทุกกลุ่มการเมืองอย่าสร้างเงื่อนไขให้อำนาจนอกระบบแทรกแซง ยันนายกฯพร้อมคืนอำนาจให้ ปชช.ซัดแดง ยุติกดดันกระบวนการยุติธรรม แนะกลับมาสู้ตามระบอบประชาธิปไตย
วันนี้ (13 ก.พ.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมากล่าวหานายกฯว่า เป็นคนไม่มีน้ำใจ ไม่ไปดูเหตุการณ์การปะทะที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ไม่อยากให้พรรคเพื่อไทยสักแต่พูดเพื่อหวังผลทางการเมือง และไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว รัฐบาลเป็นห่วงและเอาใจใส่ โดยติดตามสถานการณ์ตลอด แต่การที่จะไปดูสถานการณ์ด้วยตัวนายกฯเอง ก็อาจเกิดปัญหาทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากยิ่งขึ้น
“นายกฯเคยคิดอยู่ตลอดเวลา และได้ประเมินผลได้ผลเสียในการลงพื้นที่ ว่า จะมีผลกระทบอะไรบ้าง แต่การทำหน้าที่ของนายกฯจะต้องฟังความคิดเห็นจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายความมั่นคง ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องสถานการณ์ว่ามีความเห็นควรที่จะให้นายกฯลงพื้นที่หรือไม่” นายเทพไท กล่าวและว่า เมื่อฝ่ายความมั่นคงประเมินแล้วว่า หากนายกฯลงพื้นที่ จะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์สร้างความกดดันและยั่วยุต่อฝ่ายกัมพูชาได้ ถ้าหากนายกฯไปอยู่ในพื้นที่ชายแดนจริง ฝ่ายกัมพูชาจะยอมหรือไม่ เหมือนกับถ้าหากสมเด็จฮุน เซน นายกฯ เดินทางมาที่ปราสาทพระวิหาร ทหารของไทยจะคิดอย่างไร หรือยอมรับได้หรือไม่ ก็จะเกิดการปะทะอีกครั้งก็ได้
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรค กล่าวต่อว่า อยากเรียนว่า นายกฯไม่ต้องการสร้างภาพ หาคะแนนนิยมบนซากปรักหักพังที่เกิดจากสงครามระหว่างประเทศได้ การกล่าวหานายกฯไม่มีน้ำใจ เอาแต่เฝ้าทำเนียบ รับแขกบ้านแขกเมืองนั้น ก็ถือว่าเป็นภารกิจของนายกฯตามปกติที่จะต้องทำในฐานะหัวหน้ารัฐบาล เพราะฉะนั้น อยากเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยให้คำนึงถึงประโยชน์ชาติบ้านเมืองมากกว่าประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง
นายเทพไท กล่าวถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจะเกิดการปฏิวัติในวันที่ 18ก.พ.ว่า เป็นการคาดการณ์ตามปกติ เพราะการปฏิวัติแต่ละครั้งย่อมเป็นความลับขั้นสูงสุด ถ้าหากมีข่าวรั่วไหลตลอดเวลาเช่นนี้ ก็น่าจะเป็นข่าวโคมลอยมากกว่า ซึ่งก่อนหน้านี้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดย นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการแกนนำ เคยออกมาปูดว่าจะมีการปฏิวัติในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ จนถึงบัดนี้ก็ไม่อะไรเกิดขึ้น
“การปฏิวัติแต่ละครั้งต้องมีปัจจัยสนับสนุนและเหตุผลที่มีน้ำหนักเพียงพอ ที่จะใช้เป็นข้ออ้างในการปฏิวัติรัฐประหาร แต่สถานการณ์การเมืองปัจจุบัน ยังไม่มีเรื่องใดที่มีน้ำหนักเพียงพอจากข่าวที่อ้างขึ้นมาเป็นเหตุให้เกิดการปฏิวัติ เว้นแต่เป็นความพยายามหรือความฝันของบุคคลบางกลุ่ม ที่กำลังเคลื่อนไหวทางการเมืองนอกระบบ เพื่อให้ตัวเองเข้าสู่อำนาจรัฐทางอ้อม เพราะถ้าหากว่ามีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย โดยใช้วิธีการเลือกตั้ง กลุ่มคนเหล่านี้ก็ไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนได้ จึงไม่พร้อมที่จะลงสนามเลือกตั้งพิสูจน์ศรัทธาประชาชน ถึงออกมาเคลื่อนไหวตามท้องถนนขณะนี้”นายเทพไท กล่าว
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรค กล่าวต่อว่า ตนอยากเรียกร้องให้กลุ่ม นปช.กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มการเมืองอื่นๆ หยุดสร้างเงื่อนไข เลิกเพ้อฝันถึงวันปฏิวัติ กลับมาต่อสู้ทางการเมืองตามวิถีทางในระบอบประชาธิปไตยจะดีกว่า ยืนยันว่า รัฐบาลไม่รู้สึกหวั่นไหวกับการปล่อยข่าวดังกล่าว ซึ่งมีการปล่อยข่าวอย่างเป็นกระบวนการต่อเนื่องมาโดยตลอด และการอ้างเอาวันที่ดังกล่าวเพื่อปฏิวัติ แต่เมื่อผ่านไปแล้วและไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็จะเปลี่ยนวันไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด และเชื่อว่านายกฯ ได้ตรวจสอบและวัดอุณหภูมิทางการเมืองตลอดเวลา และพร้อมคืนอำนาจให้ประชาชนก่อนที่บ้านเมืองจะถึงทางตัน หรือมีอำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซง
นายเทพไท กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ โดยประกาศจะชุมนุมหน้าศาลอาญา และเดินขบวนไปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมทั้งประกาศเอาวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ศาลฎีกาและเคลื่อนไปสี่แยกราชประสงค์ ว่า เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่มีวัตถุประสงค์ คือ 1.ต้องการซ้ำเติมสถานการณ์บ้านเมืองให้เกิดความวุ่นวาย ทำลายความน่าเชื่อถือและสมาธิในการบริหารประเทศของรัฐบาล ไม่ให้มีความพร้อม 2.เป็นการสร้างกระแสทางการเมือง เพื่อหล่อเลี้ยงกระแสของพรรคเพื่อไทย ที่มีความตกต่ำทางการเมือง เหตุมีสมาชิกเตรียมย้ายพรรคจำนวนมาก การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นครั้งใหม่ในเร็ววัน จึงจำเป็นต้องเคลื่อนไหวมวลชนเสื้อแดง ไม่ให้หายไปจากเวทีการเมือง
นายเทพไท กล่าวว่า 3.เป็นการเปิดเวทีให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้แสดงบทบาทเพื่อไม่ให้ตกกระแสเวทีการเมืองไป เพราะการเลือกตั้งครั้งต่อไป พรรคเพื่อไทยก็ยังชูพ.ต.ท.ทักษิณเป็นจุดขายในการหาเสียง และ 4.เป็นการทำลายศักดิ์ศรีเกียรติภูมิของประเทศ โดยให้ฝรั่งรับจ้างทางการเมืองอย่าง นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม วิดีโอลิงก์ เข้ามาพูดเกี่ยวกับคดีความในการพ้องร้องนายกฯ ที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรมของประเทศ จึงอยากเรียกร้องให้แกนนำคนเสื้อแดงชุดใหม่ หยุดเคลื่อนไหวทางการเมือง กลับไปสังกัดพรรคการเมืองซึ่งเป็นการเล่นการเมืองในระบบ ลงสนามเลือกตั้งแข่งขันตามแนวทางในระบอบประชาธิปไตยจะดีกว่า