“โฆษกมาร์ค” แขวะลิ่วล้อไข่แม้ว หุบปากเลิกปูดข่าวปฏิวัติเสียที เชื่อทำสังคมสับสน รู้ทันแผนฟุ้ง 20 ส.ส.เตรียมย้ายเข้า แค่ปลอบใจตัวเอง ท้าให้เร่งยื่นญัตติซักฟอก ย้อนถามหาตัวผู้นำอภิปรายได้แล้วหรือ ชี้ นปช.นัดชุมนุมหน้าศาลอาญา หวังกดดันกระบวนการยุติธรรม เชื่อ “แม้ว” อยู่เบื้องหลัง “ทนายหัวแดง”ร้องศาลอาญาระหว่างประเทศ
วันนี้ (31 ม.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยพยายามปลุกกระแสการปฏิวัติว่า ขอเรียกร้องให้สมาชิกพรรคเพื่อไทยหยุดปูดข่าวดังกล่าว เพราะเป็นการให้ข้อมูลที่สับสนมีการพูดถึงชื่อตัวการปฏิวัติทั้งพลเอก “ด.” และพลเอก “ป.” พูดถึงวันที่ปฏิวัติที่ไม่ตรงกันจึงถือว่าเป็นการสร้างข่าวขึ้นมา แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยยังเชื่อว่าไฟปฏิวัติยังไม่สิ้นเชื้อก็ขอให้ไปถามพลเอก “ช.” จะรู้ความจริงในเรื่องนี้
นายเทพไทกล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีบอกจะยุบสภาหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จ โดยไม่ต้องรอให้มีการแก้ไขกฎหมายลูกว่า แสดงว่านายกฯ ไม่ได้หวงอำนาจ และพร้อมคืนอำนาจให้ประชาชน ซึ่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 7 เปิดช่องให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้ แม้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญจะยังแก้ไขไม่เสร็จสิ้น โดยสามารถกลับไปใช้กฎหมายลูกเดิมตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 50 ได้เลย ทั้งนี้ อยากให้ทุกพรรคเตรียมเข้าสู่บรรยากาศเลือกตั้งมากกว่าปล่อยข่าวสร้างความสับสนรายวัน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์พร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้งอยู่ตลอด อย่างไรก็ตาม นายกฯ คงจะไม่ตัดสินใจยุบสภาก่อนวันที่ 8 มี.ค.เนื่องจากเป็นวันที่พรรคจะจัดงานระดมทุนเพื่อใช้ในการเลือกตั้ง ซึ่งต่างจากพรรคเพื่อไทยที่ตนไม่แน่ใจว่าพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้งหรือไม่ และพรรคเพื่อไทยจะใช้ทุนจากการระดมทุนหรือไม่ หรือว่าจะรอทุนจากนายใหญ่เพียงคนเดียว
ส่วนการที่ระบุว่าจะมี ส.ส.พรรคอื่นย้ายเข้าพรรคเพื่อไทยประมาณ 20 คนนั้น นายเทพไทกล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่พยายามปลอบใจตัวเอง และตนเชื่อว่าคงไม่มีส.ส.คนไหนย้ายเข้าไปอยู่พรรคที่กลายเป็นบ้านที่จวนจะพัง ทั้งหลังคารั่ว ไม่มีหัวหน้าครอบครัว คนในบ้านทุบตีแย่งชิงอำนาจ ทั้งนี้ การที่พรรคเพื่อไทยระบุว่าจะยื่นญัตติอภิปรายไว้วางใจรัฐบาลในวันที่ 11 ก.พ.นั้น ตนอยากให้ยื่นโดยเร็ว เพราะอยากเห็นรายชื่อนายกฯ ที่แนบในญัตติดังกล่าวว่าเป็นใคร แต่ถ้านายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ตกลงกันไม่ได้ก็คงต้องใช้วิธีจับไม้สั้นไม้ยาว หรือเป่ายิงฉุบเอาเอง
นายเทพไทกล่าวถึงกรณีที่นปช.ประกาศชุมนุมที่หน้าศาลอาญาในวันที่ 13 ก.พ.นี้ เพื่อทวงถามความเป็นธรรมให้กับ 7 แกนนำ นปช.ที่ถูกคุมขัง และเปิดสภาพชีวิตความลำบากของแกนนำดังกล่าวว่า มีนัยเพื่อต้องการกดดันกระบวนการยุติธรรม เพราะการยื่นหนังสือสามารถใช้ช่องทางอื่นโดยที่ไม่ต้องใช้มวลชนมากดดันได้ และการอ้างถึงสภาพความเป็นอยู่ของ 7 แกนนำที่ถูกคุมขังเป็นไปอย่างลำบากนั้น จะให้ผู้ถูกคุมขังสุขสบายเหมือนคนธรรมดาคงไม่ได้ ซึ่งแกนนำดังกล่าวต้องยอมรับสภาพมาตรฐานของเรือนจำทั่วโลก
ส่วนที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. นำการประกันตัวของนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และนายสมบูรณ์ ทองบุราณ แกนนำเครือคนไทยหัวใจรักชาติ มาเปรียบเทียบกับ 7 แกนนำที่ไม่ได้รับการประกันตัว โดยกล่าวหาว่ากระบวนการยุติรรมสองมาตรฐานนั้น นายเทพไทกล่าวว่า ถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงและใส่ร้ายกระบวนการยุติธรรม เพราะผู้ต้องหาในข้อหาเดียวกัน แต่อาจมีความสุ่มเสี่ยงต่างกัน ซึ่งศาลได้พิจารณาพฤติกรรมของจำเลยแต่ละคน จึงถือเป็นการใช้ดุลพินิจของศาล
นายเทพไทกล่าวถึงกรณีที่แกนนำ นปช.ให้นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยื่นฟ้องรัฐบาลไทยต่อศาลอาญาระหว่างประเทศว่า ตนกำลังเฝ้าดูว่า ศาลอาญาระหว่าวประเทศจะรับฟ้องคดีนี้หรือไม่ หากมีการรับฟ้องจริงก็เชื่อว่ารัฐบาลมีความพร้อมที่ต่อสู้ เรื่องดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเป็นขบวนการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่พยายามสร้างชบวนการต่อต้านรัฐบาลและประเทศไทย การให้นายโรเบิร์ตเป็นทนายความกับกลุ่ม นปช.ก็เป็นเรื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณว่าจ้างด้วยเงินของตัวเอง ลำพังแกนนำ นปช.ไม่มีปัญญาจะว่าจ้างนายโรเบิร์ตได้ โดยใช้การวิดีโอลิงค์จากประเทศญี่ปุ่นมาที่อาคารอิมพีเรียล ล้วนเป็นการใช้มุกเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณที่ใช้การสื่อสารรูปแบบนี้ เพื่อสร้างภาพให้น่าสนใจของสื่อมวลชนเพื่อหวังเป็นข่าวมากกว่าผลทางคดี ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการตอกย้ำสังคมไทยให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการจัดฉากและกำกับการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.ทั้งสิ้น