โฆษก “มาร์ค” แขวะแคมเปญเพื่อไทย ไร้ผล ซัดกลับฝ่ายค้าน 5 เหลวไหล 10 จำอวด เย้ย สงสัยต้องต่อเวลาฝ่ายค้าน หยัน “เฉลิม” ดูถูกชาวบ้านผูกขาดเพื่อไทยคว้าแชมป์เลือกตั้ง แนะอย่าตีตนไปก่อนไข้ ไล่ไปหาหัวหน้าสู้ “มาร์ค” ก่อน หยันข้อมูลซักฟอกพอๆ กับ “มิ่งขวัญ”
วันนี้ (15 ก.พ.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกแคมเปญในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และรณรงค์หาเสียง คือ 5 ล้มเหลว 10 จำทน ว่า ถือว่าเป็นรูปแบบเดิมๆ ของพรรคเพื่อไทย และคาดว่าแคมเปญดังกล่าวจะไม่สำเร็จ เพราะหัวข้อที่เสนอขาดรูปธรรมและข้อเท็จจริง ไม่ตรงกับความรู้สึกของประชาชน ดังนั้น ตนจึงไดออกแคมเปญให้พรรคเพื่อไทย ที่ออกมาไม่ตรงกับความรู้สึกของประชาชน คือ 5 เหลวไหลของฝ่ายค้าน คือ 1.เป็นฝ่ายค้านไม่ทำหน้าที่เต็มรูปแบบ แต่กลับทำหน้าที่ฝ่ายแค้น 2.เป็น ส.ส.ในรัฐสภา แต่ไม่ทำหน้าที่ กลับไปยุยงให้ประชาชนเผาบ้านเผาเมือง 3.มีสมาชิกพรรคถึง 187 คน ไม่มีใครกล้ามาเป็นผู้นำฝ่ายค้าน 4.เป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่ต้องทำหน้าที่ในการตรวจสอบรัฐบาล แต่กลับใช้วิธีการคาดคะเน ให้หมอดูๆว่าอายุรัฐบาลจะอยู่ได้เท่าไหร่ และ5.ปล่อยข่าวเรื่องการปฏิวัติรายวัน
นายเทพไท กล่าวว่า ส่วน10 จำอวดส.ส.เพื่อไทย มีทั้งหมด 10 คน คือ 1.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรค นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ นายสมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค และ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ซึ่งทั้งหมดเป็นพวก 10 จำอวด ส่วนการที่บอกว่ารัฐบาลหมดเวลา หากดูพฤติกรรมการทำงานของพรรคเพื่อไทยคงจำเป็นต้องต่อเวลาในการทำหน้าที่ ฝ่ายค้านต่อไป เพราะยังเป็นมือใหม่หัดขับ
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรค ยังกล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาให้สัมภาษณ์ และพาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ และตำหนิ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ ว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรเสนอตัวจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคเพื่อไทย ว่า เหมือนเป็นการผูกขาดว่าพรรคเพื่อไทย เป็นอันดับหนึ่งการเลือกตั้ง เหมือนเป็นการดูถูกประชาชน เพราะการเลือกตั้งเป็นเสียงส่วนใหญ่ประชาชนว่าให้พรรคการเมืองใดเข้ามาบริหารประเทศ ดังนั้น ไม่อยากให้ตีตนไปก่อนไข้ และเชื่อว่า ขณะนี้ศรัทธาของประชาชนกับพรรคประชาธิปัตย์ มีมากขึ้นจนสามารถชนะพรรคเพื่อไทยได้ ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ มีความพร้อมทุกด้าน เมื่อเทียบกับพรรคเพื่อไทย ยังไม่มีนโยบายชัดเจนว่าคืออะไร แม้กระทั่งผู้นำฝ่ายค้าน
“หากพรรคเพื่อไทยได้รับเสียงสนับสนุนเป็นที่หนึ่ง ก็เป็นสิทธิ์ที่สามารถช่วงชิงจัดตั้งรัฐบาลก่อนได้ แต่หากเป็นการโหวตในสภา ก็เป็นเอกสิทธิ์ส.ส.ในสภา ดังนั้น ควรไปหาตัวแข่งกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ให้ได้ก่อน” นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคเพื่อไทย ที่ยังไม่สรุปวันยื่นญัตติอภิปราย เป็นการแสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ ร.ต.อ.เฉลิม และ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังมีความขัดแย้งกันอยู่ และวันนี้ ร.ต.อ.เฉลิม จึงเสนอตัวเป็นผู้นำอภิปรายงบประมาณกลางปี เพื่อแสดงบทบาทของตัวเองให้สังคมได้รู้และพิสูจน์ว่าใครมีฝีมือและวุฒิภาวะ เหนือกว่ากัน ซึ่งเชื่อว่าทั้งสองคนมีจุดอ่อนและแข็งไม่ต่างกันมากนัก เพียงแต่อีกคนมีโวหาร และอีกคนสร้างภาพ แต่ทั้งหมดก็มีข้อมูลพอๆกัน