นายกฯ สั่งเร่งรัดซ่อมบ้าน-หลุมหลบภัยชาวกันทรลักษ์ รับ “ฮุนเซน” ท่าทีดีขึ้น เชื่อเขมรมาประชุมรัฐมนตรีอาเซียน 22 ก.พ.จะเจรจากันได้ โยน จนท.จัดการพันธมิตรฯ แปลกใจม็อบประณามรัฐทำไม ปัดให้สัมปทานเจาะน้ำมัน ยันแขวนเอ็มโอยู 44 แล้ว โวมีเอกภาพจัดการพื้นที่ทางทะเล ยังไม่คิดฟ้องกลับ บอกขอดูก่อนสอบ มทภ.2 ฮั้วเขมร
วันนี้ (15 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการเยียวยาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชาว่า นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รายงานมา แต่ประเด็นส่วนใหญ่จะตรงกับการที่ตนเองได้ประชุมทางไกลเมื่อวันศุกร์ที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งทางจังหวัดจะมีงบทดรองจ่ายอยู่และดำเนินการได้ เรื่องที่เร่งรัดคือเรื่องที่อยู่อาศัยที่เสียหายและโรงเรียนที่เสียหาย เรื่องการปรับปรุงหลุมหลบภัยหรือการสร้างเพิ่มเติมรวมทั้งโครงสร้างพื้นฐาน บางตัวในบางพื้นที่ที่มีการร้องเข้ามา ทั้งนี้ โดยรวมทั่วๆ ไปงบในระดับพื้นที่ยังดูแลได้ ถ้ามีการขาดอย่างไรก็ให้เสนอมาได้ คงไม่มีปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุด สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มีท่าทีเกี่ยวกับปัญหาการปะทะอยากให้จำกัดพื้นที่บริเวณปะทะไม่ให้ขยายวงกว้างไปกว่านี้ มองท่าทีตรงนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่เราพยายามพูดกันมาโดยตลอดอยู่แล้วว่า ปัญหาเกิดขึ้นที่จุดใดก็อย่าให้ขยายวง แต่ก็ถือว่าเป็นท่าที่ดีขึ้นกว่า สัปดาห์ที่แล้วซึ่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาไม่ได้พูดถึงพื้นที่เลย พูดในลักษณะของการเป็นสงครามด้วยซ้ำ คิดว่าต้องโน้มน้าวให้กลับเข้ามาสู่กระบวนการของการเจรจาตามแนวทางของยูเอ็นเอสซีได้มีการพูด การประชุมในวันที่ 22 ก.พ.นี้ จะเป็นเวทีสำคัญเวทีหนึ่ง เมื่อถามว่า หากกัมพูชาไม่ไปร่วมในการประชุมดังกล่าว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คิดว่าขณะนี้กัมพูชาคงต้องยอมรับ เดิมที่ที่บอกว่าจะไม่เจรจาทวิภาคี และพูดง่ายๆ คือไปร้องขอไม่ว่าจะเป็นอาเซียน ยูเอ็นเอสซี หรือใครก็ตาม บัดนี้ทุกคนบอกตรงกันหมดแล้วว่าให้มาคุยกัน ก็น่าจะมาคุยกัน
เมื่อถามว่า แล้วกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่อยู่ข้างทำเนียบจะดำเนินการอย่าง ไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เขาก็ชุมนุมอยู่ ปัญหาในเรื่องการชุมนุมและการปฏิบัติตามกฎหมายเป็นเรื่องขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ที่จะดำเนินการไป เมื่อถามว่าท่าทีที่อ่อนลงของสมเด็จฯ ฮุนเซนทำให้รัฐบาลมั่นใจมากขึ้นหรือไม่ว่าเวทีการ เจรจาระหว่างสองประเทศจะตกลงกันได้ นายกฯ กล่าวว่า คิดว่ากลับมาสู่จุดนั้นได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯจะทำให้เป็นอุปสรรค์ต่อการเจรจาไทย-กัมพูชาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คงต้องแยกแยะเพราะรัฐบาลก็ส่วนของรัฐบาล ภาคประชาชนตี่ละคนมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นและเคลื่อนไหวไป ไม่ได้ผูกพันกัน คิดว่าตรงนี้ต้องให้มีความชัดเจนด้วย ตนเองอยากให้พันธมิตรฯนำเอาความห่วงใย เช่น การเจรจาในกรอบของเอ็มโอยู เจบีซี นั้นห่วงอะไร สมมติห่วงว่าประเทศไทยจะไปยอมรับแผนที่ระวางดงรัก 1 ต่อ 200,000 ก็บอกมา เป็นห่วงอะไรในเรื่องของมรดกโลกก็บอกมา เพราะตนเองดูแล้วข้อห่วงใยต่างที่มีการพูดกันนั้น ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลมีข้อขัดข้องตรงไหน
ส่วนกรณีที่ทางพันธมิตรฯ ระบุว่า มีเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนพื้นที่ทางทะเล โดยเฉพาะเรื่องของน้ำมัน พร้อมระบุว่าสองรัฐบาลได้มีการตกลงให้สัมปทานไปแล้วกับนักธุรกิจชาวอียิปต์ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ข้อเท็จจริงคือรัฐบาลนี้คณะรัฐมนตรี ได้มีมติพูดง่ายๆ คือแขวนเอ็มโอยู ปี 2544 ไว้แล้ว ดังนั้นไม่ทราบว่าทำไมถึงหยิบยกสิ่งเหล่านี้เข้ามา
“ผมอยากจะแสดงความแปลกใจอีกครั้งหนึ่ง ตัวอย่างแรกพันธมิตรฯ บอกเป็นห่วงเอ็มโอยู ปี 43 ว่าจะไปยอมรับแผนที่ระวางดงรัก รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลแรกที่มีการแจ้งไปยังกัมพูชาว่าข้อความที่ปรากฏอยู่ในเอ็มโอยู ปี 43 ไม่ได้หมายถึงแผนที่ระวางดงรัก ฉะนั้น แปลกใจว่ามาประณามต่อว่า ต่อขานรัฐบาลนี้ทำไม ในเมื่อนั่นคือความห่วงใยและรัฐบาลก็มีจุดยืนที่ชัดเจนแล้ว ข้อสองเรื่องปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนกันและมีการคำนึงถึงผลประโยชน์ทางทะเล รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่เป็นคนแขวนเอ็มโอยูฉบับนี้อยู่ ทำไมถึงมากล่าวหา มาประณามรัฐบาลชุดนี้ อันนี้เป็นสิ่งที่ผมยังแปลกใจอยู่” นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่า ตกลงสัมปทานที่ให้ไปแล้วในเรื่องขุดเจาะน้ำมันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สัมปทานในส่วนของเราไม่มีอยู่แล้ว เมื่อย้ำถามว่า หมายถึงได้มีการตรงสอบข้อเท็จจริงหรือไม่ ไม่ได้หมายความรัฐบาลชุดนี้อนุมัติ แต่หมายถึงรัฐบาลในอดีตด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลในอดีต ถ้าเป็นรัฐบาลไทย ไปทำอะไร ไปมีมติ ทำสัญญา ถ้าชอบด้วยกระบวนการกฎหมายก็เป็นเรื่องซึ่งมีผลผูกพันมา แต่ในขณะนี้ประเด็นในเรื่องของพื้นที่ ซึ่งยังไม่ได้ข้อยุติกันทางทะเล มันไม่มีการเดินหน้าอยู่แล้ว แม้แต่กรณีที่กัมพูชาไปให้สัมปทานก็เหมือนกัน ส่วนใหญ่จะไปเขียนไว้ในสัญญาว่าจะไปดำเนินการอะไรได้ต้องได้ข้อยุติก่อน
เมื่อถามว่า มีการอ้างว่าตอนนี้แม้จะมีการแขวน แต่รัฐบาลไทยไม่ได้มีการแจ้งอย่างเป็นทางการไปยังรัฐบาลกัมพูชาและกรณีการตั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง เป็นประธานดูแลปัญหานี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวยืนยันว่า ยังไม่มีการเดินในเรื่องนี้ เพราะตนเองเป็นคนดูแลนโยบาย และยุทธศาสตร์ในภาพรวมเรื่องนี้ เช่นเดียวกันที่เคยยกตัวอย่าง บางครั้งกัมพูชาอาจจะมีความพยายามอยากจะขอเจรจาเรื่องนั้นเรื่องนี้เป็นการ เฉพาะแนวทางการปฏิบัติของรัฐบาลปัจจุบัน ตนเองได้แจ้งกับรองนายกฯ และรัฐมนตรีทุกท่านที่เกี่ยวข้องอยู่แล้วว่า ต้องนำมาเสนอให้เป็นที่รับรู้รับทราบ เพราะอาจจะกระทบต่อยุทธศาสตร์ภาพรวมของปัญหาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาในเรื่องต่างๆ เช่นที่ สมเด็จฯ ฮุนเซน บอกว่าให้ทหารคุยกันในเรื่องถอนทหารจากตรงนั้นตรงนี้
นายกฯ กล่าวต่อว่า ตนเองก็บอกว่าเรื่องนี้ทางกองทัพเข้าใจดีว่าจะไม่ตัดสินใจอะไรจนกว่าจะมาหารือกับกระทรวงการต่างประเทศและตนเอง เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินการนั้นไม่กระทบในภาพใหญ่ ตรงนี้คือหลักการที่วางไว้อยู่แล้ว ฉะนั้นจะเป็นเรื่องการเจรจาผลประโยชน์ในทะเล เรื่องการวางกำลังอะไรต่างๆ ขณะนี้มีการกำหนดวิธีปฏิบัติในการทำงานให้เป็น เอกภาพอยู่แล้วและไม่มีหน่วยไหนที่จะไปทำเป็นอย่างอื่น เมื่อถามว่า หมายถึงก่อนหน้านี้นายสุเทพเคยไปคุยเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเลใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก่อนที่จะมีการแขวนและตอนนี้ก็แขวนอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ ได้วิเคราะห์เหตุผลที่แท้จริงที่พันธมิตรฯ มาชุมนุมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนเองไม่มีหน้าที่ไปวิเคราะห์เขา เพียงแต่บอกว่าสิ่งที่เขาเป็นห่วงเป็นใย ขอยืนยันรัฐบาลปัจจุบันปกป้องผลประโยชน์ของประเทศไทยและคนไทย ความเห็นอาจจะต่างกันบ้างแต่เข้าใจยากว่า ทำไมบางเรื่องถึงมีการกล่าวหากันทั้งๆ ที่มีการแสดงจุดยืน มีเอกสารหลักฐานชัดเจนอยู่แล้ว บางเรื่องก็เอาเรื่องในอดีตมาปนกับปัจจุบัน ซึ่งมันคนละรัฐบาลกัน
เมื่อถามว่า นายกฯ พูดอยู่บ่อยๆ ว่าบนเวทีพันธมิตรฯ มีการกล่าวหากัน ตรงนี้จะมีการฟ้องร้องหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า โดยส่วนตัวขณะนี้ยังไม่ได้ฟ้อง เมื่อถามว่า คิดว่าจะฟ้องหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก็ยังดูสถานการณ์อยู่ เพราะคดีของตนเองที่ฟ้องอยู่มีเยอะแล้ว คือถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากขึ้นศาล
เมื่อถามว่า ตอนนี้มีการเปิดเผยข้อมูลของแม่ทัพภาคที่ 2 อาจเกี่ยวข้องผลประโยชน์หลายอย่างจะมีการตรวจสอบหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ข้อมูลทุกอย่างที่เวลามีการนำเสนอ ตนเองต้องตรวจสอบอยู่แล้ว ตรงนี้คือหลักในการทำงานที่ใช้อยู่ เมื่อถามว่าจะให้กองทัพตรวจสอบหรือไม่ โดยเฉพาะการเปิดเผยนายทหารรับเงินเดือนๆ ละ 3 แสนจากทางกัมพูชา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เดี๋ยวขอดูก่อนยังไม่เห็นรายละเอียด
ผู้สื่อข่าวถามว่า การดำเนินการตามทวิภาคีเรื่องชายแดน ในขณะนี้ความสัมพันธ์ระหว่างนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศกับกัมพูชาดีพอหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้มีปัญหาอะไร อย่างที่ได้ชี้แจงในสภาฯ ถ้าปัญหาที่ผ่านมาอยู่ที่ตัวบุคคลในรัฐบาล ตนเองไม่เชื่อหรอกว่าการค้าระหว่างสองประเทศจะขยายตัวได้มากถึง 40 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อปีที่แล้วและในวันพฤหัสนี้ เขายังยืนยันในเรื่องการประชุมทางธุรกิจที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี และนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ จะเดินทางไปกรุงพนมเปญ และในกำหนดการดังกล่าวจะได้เข้าพบกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาด้วย
เมื่อถามว่า ปีนี้จะมีการเลือกตั้งหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มี