“เทพมนตรี” ซัด มทภ.2 อย่าซี้ซั้วพูดให้ ปชช.สมัครไปรบจะเอาอาวุธให้ ถ้า ปชช.เอาจริงเดี๋ยวจะหนาว เผยแผนอัปยศ เชื่อเตรียมปักปันเขตให้เข้ากับแผนที่ 1 : 200,000 สุดงง “มาร์ค” รู้ล่วงหน้าข้อตกลงนี้ต้องผ่านกรรมาธิการ บอก “มัตสึอุระ” เรารังเกียจคุณ อย่ามาเนียนเป็นทูตสันติภาพ เพราะคุณคือคนประกาศขึ้นทะเบียนเขาวิหารให้เขมร
วันที่ 14 ก.พ.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการประวัติศาสตร์ กล่าวถึง พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ว่า ตกประวัติศาสตร์สมัยรัชกาลที่ 5 พระองค์ท่านเคยจัดตั้งกองเสือป่า ประชาชนที่สมัครเข้าไปมีสิทธิจับอาวุธ และขณะนี้พระราชบัญญัติเสือป่ายังไม่ได้ยกเลิก ที่ท่านพูดว่าให้ประชาชนสมัครไปรบจะเอาอาวุธให้ เป็นคำพูดจากปากลูกผู้ชายจริงหรือไม่ เดี๋ยวตนจะส่งรายชื่อให้ หากท่านไม่ยอมท่านต้องออกไป
“ยังจำได้หรือไม่ พ.ศ. 2525 ท่านไปพระที่นั่งดุสิตประสาท รับเหรียญพระราชทานชั้นอัศวิน แต่การกระทำขณะนี้เหมือนคนขี้ขลาดตาขาว ภายใน 3 วันท่านควรส่งเหรียญนี้คืนได้แล้ว ไม่น่าเชื่อประวัติทานสมัยหนุ่มเป็นนักรบฉกาจฉกรรจ์ พอใกล้เกษียรมันเปลี่ยนไป”
นายเทพมนตรีกล่าวต่อว่า ถ้าแม่ทัพภาคที่ 2 ไม่รู้ว่าขอบเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชาอยู่ตรงไหน ท่านก็ไม่ควรอยู่ที่นั่นนานเกินไป ที่จริงท่านน่าจะรู้เรื่องนี้ดี เพราะก่อนทำเอ็มโอยู 43 ท่านก็อยู่ที่นั่นแล้ว ภาพที่ท่านไปนั่งท้ายกระบะรถเขมร ขณะนี้ได้แพร่ออกไปทั่วโลก หากท่านอยู่ต่อไปลูกน้องของท่านจะเสียกำลังใจ และนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทหารเขมรไม่กลัวท่าน ที่สำคัญ สก อาน ไม่ใช่แค่จิ้งจอกเฒ่ายังเจ้าเล่ห์ด้วย ขนาดเรื่องเราไปรื้อตลาดเขมรเขายังบันทึกภาพไว้แล้วไปฟ้องยูเนสโก ยูเนสโกยังเชื่อ แล้วที่ท่านนั่งท้ายรถกระบะเขาก็บันทึกภาพไว้ แล้วครั้งนี้ยูเนสโกจะไม่เชื่อหรือว่าที่นั่นคือดินแดนกัมพูชา
แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย และแม่ทัพภาคที่ 4 ของกัมพูชา ประชุมร่างข้อตกลงชั่วคราวเจบีซี กำหนดว่า “เราจะให้เขมรยืมพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ใช้ไปก่อน เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกัน” จากนั้นจะปักปันเขตแดนใหม่ จุดที่น่าสังเกต คือเขาวิหารมีการปักปันไว้แล้วโดยยึดตามแนวขอบหน้าผา ที่อยากปักปันใหม่ก็เพื่อให้เข้ากับแผนที่ 1 : 200,000 ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าร่างข้อตกลงนี้จะผ่านชั้นกรรมาธิการแน่นอน ดูได้จากนายกฯพูดผ่านรายการเชื่อมั่นประเทศไทย ว่า “กรรมาธิการเจบีซี 3 ฉบับนี้ เขาจะผ่าน” ตรงนี้นายกฯรู้ได้อย่างไรว่าจะผ่าน แสดงว่าไปพูดกับประธานเจริญแล้ว
“เรามาชุมนุมเพื่อรักษาความมั่นคง พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล บอกว่าจะส่งหมายมา หากไม่เชื่อเรื่องเวรกรรม ตนดูดวงไว้ให้แล้วหากไม่เร่งทำความดีทำนายได้เลยว่าท่านจะป่วยตาย อย่างไรก็ดีท่านไม่จำเป็นต้องลาออกแค่ชะลอเรื่องนี้ให้นานๆ ก็ได้ เพราะเดี๋ยวรัฐบาลต้องไปก่อน ส่วนคนที่ท่านจะไปจับควรเป็นรองนายกฝ่ายความง่อนแง่น มันจะได้มั่นคง”
นายเทพมนตรีกล่าวต่อว่า ตนไปภูมะเขือเมื่อปีที่แล้วกับคณะผู้ตรวจการแผ่นดิน ตอนนั้นสงบเงียบ มีเขมรเข้ามาอยู่แต่อยู่ได้เพียงขอบหน้าผา ยังไม่มีเสาเรด้าของทหารเขมร เขาเอามาติดเมื่อตอนฉลองตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 หลักฐานแค่นี้ แม่ทัพภาคที่ 2 ควรจะลาออกจากทหารได้แล้ว อยู่ไปก็อับอาย จปร. ทั้งนี้ หลักฐานจากผู้ตรวจการแผ่นดิน มีบันทึก บทสัมภาษณ์ วีดีโอ แต่ตนยังรักษาความรับราชการอยู่ ขืนบอกไปมากกว่านี้จะถูกปลดกันเป็นแถว
มีเต็นท์ทหารเขมรเข้ามาอยู่ น่าจะประมาณ พ.ศ. 2547-2548 ตนได้ถามทหารว่าแล้วทำไมไม่ไล่ทหารเขมรออกไป ทหารบอกว่าติดเอ็มโอยู 43 ดังนั้น ถ้าท่านนายกฯ บอกว่าเอ็มโอยู 43 ใช้ได้ท่านไปไล่เขมรออกเลย นายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกฯเพราะเรื่องเขาวิหาร และก็จะไปก็ด้วยเรื่องเขาวิหารนี้แหละ
“วันพฤหัสฯ นี้ 10.30 น. ผมจะไปยูเนสโก ไม่เกี่ยวกับพันธมิตรฯ ผมจะไปในนาม โพรเทกต์พระวิหาร ออแกไนเซชัน เพื่อยื่นหนังสือประท้วงนายมัตสึอุระ อย่ามาประเทศไทยเพราะท่านจะไม่ปลอดภัย หากมา องค์กรโพรเทกต์พระวิหาร ออแกไนเซชัน จะตามไปดูแลท่านจนถึงเตียงนอน เรารังเกียจท่าน เพราะท่านคือผู้อำนวยการใหญ่องค์กรยูเนสโก ที่ประกาศขึ้นทะเบียนเขาวิหารให้เขมร ฉะนั้น ท่านไม่มีสิทธิเป็นทูตสันติภาพ รู้อยู่แล้วว่าท่านจะมอบพื้นที่ทั้งหมดให้เขมรจัดการโดยวิธีด้านๆ แบบญี่ปุ่น” นายเทพมนตรีกล่าว