“ส.ว.ไพบูลย์” เชื่อสภารับรองเจบีซี 3 ฉบับ เกิดปัญหาแน่ เท่ากับรับรองแผนที่เขมร 1 ต่อ 200,000 ขับทหารไทยพ้นวัดแก้วฯ ภูมะเขือ ฝาก ส.ว.ดูแลต่อด้วย “ส.ว.คำนูณ” แนะ “กษิต” ยึด 2 หลักการคุยยูเอ็น ยืนยันเจ้าของ 4.6 ตร.กม.รอบปราสาท และต้องเข้าไปเป็นโจทย์ จี้ทุกชาติเคารพกฎบัตรยูเอ็น อย่าไว้ใจมะกัน ให้หนุนจีน-หมีขาว
วันนี้ (14 ก.พ.) ที่รัฐสภา การประชุมวุฒิสภา โดยมีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมประธานได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือ โดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นหนึ่งในกรรมาธิการศึกษาบันทึกการประชุมของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) รวม 3 ฉบับ ตนมีเรื่องขอเรียนไปยังนายกรัฐมนตรีและประชาชนว่า ไม่ว่าผลการชี้แจงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNHC) ของนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นอย่างไรจะต้องมีการประชุมเจบีซีขึ้น ทั้งนี้ ไม่ว่าจะมาจากความเห็นของยูเอ็นเอชซี หรือมาจากฝ่ายใดก็ตาม ซึ่งหากมีการประชุมจะต้องมีการนำบันทึกการประชุมเจบีซีทั้ง 3 ฉบับเข้าพิจารณาด้วย ซึ่งตนเห็นว่าเรื่องดังกล่าวหากรัฐสภารับรองบันทึกการประชุมเจบีซีทั้ง 3 ฉบับจะสร้างปัญหามาก เพราะเท่ากับเป็นการรับรองบันทึกลงนามความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา (เอ็มโอยู 43) และทีโออาร์ 2546 ซึ่งมีสาระการรับรองแผนที่อัตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ตารางกิโลเมตรเป็นแผนที่ปฏิบัติการสำรวจในพื้นที่ทับซ้อนปราสาทพระวิหาร
นายไพบูลย์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีสาระสำคัญให้ทหารไทยออกจากพื้นที่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ และพื้นที่รอบวัด ที่หมายรวมครอบคลุมบริเวณภูมะเขือ บันทึกการประชุมเจบีซีไม่ระบุข้อห้ามในการนำข้อตกลงที่ลงนามและมีผลผูกพันแล้วไปอ้างกับองค์กรระหว่างประเทศในช่วงเวลาที่การสำรวจปักปันเขตแดนยังทำไม่เสร็จ
“ฝ่ายกัมพูชามักเอาไปอ้างต่อคณะกรรมการมรดกโลก เพื่อขออนุมัติแผนปฏิบัติการพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ผมเห็นว่ารัฐสภาจะรับหลักการบันทึกการประชุมเจบีซี จึงขอเตือนให้มีการระบุถึงข้อห้ามเอาบันทึกการประชุมไปอ้างขณะที่การปักปันเขตแดนยังทำไม่เสร็จ” นายไพบูลย์กล่าว
นายไพบูลย์กล่าวอีกว่า ตนคงไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่แล้วเพราะต้องลาออก จึงเป็นห่วงหากรับรองบันทึกการประชุมจะทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบ จึงขอให้ ส.ว.ที่ปฎิบัติหน้าที่อยู่ต่อไปดูแลเรื่องนี้ด้วย
จากนั้น นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ตนขอสนับสนุนข้อเป็นห่วงของนายไพบูลย์ทุกประการ สิ่งที่ตนอยากหารือคือ รูปแบบการไปประชุมชี้แจงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในรูปแบบปิดของ รมว.ต่างประเทศ ในวันนี้ (14 ก.พ.) ตนมีความเห็นว่ารัฐบาลควรยึดหลักการสองหลักการในการเข้าประชุม คือจะต้องยืนยันความเป็นเจ้าของพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ตามสิทธิโดยสมบูรณ์ โดยเว้นเฉพาะพื้นที่ตัวปราสาทเท่านั้น ทั้งนี้ โดยอาศัยฐานของอนุสัญญา 1904 และสนธิสัญญาและพิธีสารแนบท้าย 1907 ประกอบกับคำตัดสินคำพิพากษาแย้งและคำพิพากษาแยก (โดยเฉพาะที่เป็นคุณ) ของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ พ.ศ. 2505 และประเทศไทยต้องเข้าไปแบบโจทย์ไม่ใช่เข้าไปแบบจำเลย
นายคำนูณกล่าวอีกว่า ภายใต้หลักการทั้งสองประเทศไทยจะต้องแสดงอำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่ ด้วยการยืนยันตามแถลงการกระทรวงการต่างประเทศ โดยเรียกพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ว่า “แผ่นดินไทย” ไม่ใช่ “พื้นที่อ้างสิทธิ” รวมถึงต้องแสดงหลักฐานการรุกรานพื้นที่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมถึงการรบทั้ง 4 ครั้งที่ผ่านมาที่มีเป้าหมายกระทำกับประชาชน และต้องยืนยันเคารพกฎบัตรสหประชาชาติ โดยให้ทุกประเทศอื่นเคารพกฎบัตรสหประชาชาติว่า เหตุที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของไทยนั้น การจัดการต้องเป็นของไทย องค์กรใดไม่มีสิทธิมายุ่งเกี่ยว และฝากไปยังรัฐบาลว่าอย่าไว้วางใจสหรัฐอเมริกาแต่ประเทศเดียว แต่ควรให้น้ำหนักกับสาธารณรัฐประชาชนจีน และรัสเซียด้วย ไม่ใช่ไปโจมตีเขา