โฆษกรัฐบาล ประโคมข่าว ก่อน “กษิต” แจงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ฟุ้งหลักฐานแน่น ไทยยึดสันติวิธีตามหลักทวิภาคีปฏิบัติต่อแขมร์เพื่อนบ้าน จัดพื้นที่ รมต.ต่างประเทศแถลงผลการประชุมด้วยการโฟนอิน 06.00 ทาง ททบ.5 พรุ่งนี้ อ้อมแอ้มตอบรับ “สมาคมนักข่าวฯ” จัดดีเบต “พันธมิตรฯ”
วันนี้ (14 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เข้าชี้แจงต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ว่า ขณะนี้มีความมั่นใจในหลักฐานที่กระทรวงการต่างประเทศเตรียมไปชี้แจงว่า จะทำให้ UNSC เข้าใจถึงจุดยืนของไทยที่ต้องการแก้ปัญหาด้วยสันติวิธีตามกลไกทวิภาคี โดยเรื่องที่เตรียมไปชี้แจง คือ ยืนยันว่า ไทยปฏิบัติต่อกัมพูชาตามพันธกรณีในฐานะเพื่อนบ้านที่ดีมาตลอด รวมทั้งหลักฐานคำสัมภาษณ์ของทหารกัมพูชาที่ยอมรับว่า ยิงใส่ฝ่ายไทยก่อน หลักฐานการที่ฝ่ายกัมพูชาโจมตีเข้ามายังที่อยู่ของพลเรือน ซึ่งถือว่าขัดหลักการสากล อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะระมัดระวังในช่วงนี้เป็นพิเศษไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้น เกรงว่าจะกระทบต่อการพิจารณาของ UNSC และกองทัพได้เตรียมหลักฐานให้กระทรวงการต่างประเทศไปชี้แจงแล้วว่าทางกัมพูชายั่วยุให้เกิดความรุนแรงมาตลอดในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา
“ฝ่ายไทยยืนยันว่า ต้องการแก้ปัญหาในระดับทวิภาคี ซึ่งตรงกับจุดยืนของ UNSC เมื่อ UNSC ได้พิจารณาจากข้อมูลทั้งหมดแล้ว เชื่อว่า จะมีถ้อยแถลงของประธาน UNSC ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งนี้ และกระตุ้นให้สองประเทศหาทางสร้างความร่วมมือกันในระดับทวิภาคี” โฆษกรัฐบาล กล่าว
ส่วนการเข้าชี้แจงของ นายกษิต จะเกิดขึ้นเวลา 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย และจะแถลงผลการประชุมด้วยการโฟนอินในวันพรุ่งนี้ เวลา 06.00 ทาง ททบ.5
นายปณิธาน กล่าวว่า ส่วนความต้องการของกัมพูชาที่ต้องการให้ยูเอ็นส่งกองกำลังสันติภาพเข้ามาในพื้นที่ 4.6 ตร.กม.นั้น เป็นไปได้ยาก เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเพียงการปะทะกันในจุดเล็กๆ ถ้าเปรียบกับเหตุการณ์ใหญ่กว่านี้ ยูเอ็นยังไม่พยายามให้สองประเทศไกล่เกลี่ยกันเอง และกรณีที่เกิดขึ้นไม่ใช่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เหมือนในกัมพูชาที่ต้องให้ยูเอ็นเข้าไปตัดสิน
ส่วนที่สมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย เสนอตัวเป็นตัวกลางเจรจาระหว่างรัฐบาลและกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นั้น นายปณิธาน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ยินดีที่จะเจรจาโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาโดยตรงกับกลุ่มพันธมิตรฯ หรือจะให้องค์กรที่ทั้งสองฝ่าย ยอมรับก็ได้ ซึ่งสมาคมนักข่าวฯก็เป็นองค์กรที่สังคมให้ความเชื่อมั่นว่าหากจัดเวทีพูดคุย ก็เป็นเรื่องดี เห็นว่าควรจะจัดมานานแล้ว
