“สนธิ” แฉปมไทยเสียดินแดนให้เขมร เหตุทหารถูกการเมืองครอบงำ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าอธิปไตยของชาติ ระบุนายทหารบางคนมีเมียน้อย 4 คนค้าขายกับเขมร ขณะ “บูรพาพยัคฆ์” ที่กำลังเป็นใหญ่ล้วนมีสายสัมพันธ์กับนักการเมืองเจ้าของธุรกิจชายแดน เข้าทาง “ฮุนเซน” เอาผลประโยชน์เข้าล่อ รุกยึด 4.6 ตร.กม. ใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ฮุบเพิ่มอีก 1.8 ล้านไร่
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายสนธิ ลิ้มทองกุล”
เมื่อเวลา 21.25 น.วันที่ 13 ก.พ. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานฯ ระหว่างการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน โดยได้กล่าวถึงที่มาที่ไปและนัยทางการเมืองสังคมของการมีเอ็มโอยู 2543 และบทบาทของทหารบางนายที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวของเมียน้อย 4 คนที่ค้าขายกับเขมร โดยหนึ่งในนั้นเป็นคนเขมร ซึ่งคนที่เห็นแก่ประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ โดยเอาดินแดนไทยเข้าไปแลก พวกนี้ตายไปต้องตกนรก
นายสนธิกล่าวต่อว่า ทำไมทหารยุคนี้ไม่เหมือนยุคก่อน ต้องวิเคราะห์ย้อนไปถึงปี 2523 ในเดือนมีนาคมปีนั้น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี บนเงื่อนไขที่การเมืองมีการเลือกตั้งแต่นายกฯ ไม่จำเป็นต้องมาจากการเลือกตั้ง ซึ่ง พล.อ.เปรมเป็นนายทหารที่มีความซื่อสัตย์ นักการเมืองก็เกรงกลัวทหาร เพราะมีความน่ายำเกรง ในยุคนั้นทหารอย่างมากก็กินค่าหัวคิววิทยุทหาร นอกนั้นไม่เข้ามายุ่ง มีความสมถะ ไม่คิดซื้อบ้านที่อังกฤษ ไม่คิดส่งลูกเรียนเมืองนอก ไม่คิดคดโกงซื้อขายอาวุธ ไม่คิดจะเป็นที่ปรึกษาพ่อค้า และยังเป็นเสาหลักของบ้านเมืองอยู่ ที่ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นจอมทัพไทยจึงมีนัยมากมายลึกซึ้ง เพราะในอดีตชาติหลุดพ้นจากอันตรายก็ด้วยพระมหากษัตริย์ทรงกอบกู้แผ่นดินเอาไว้
อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นพวกฝรั่งก็ว่าเราเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบ มีการเลือกตั้งแต่เอาคนนอกมาเป็นนายกฯ เนื่องจากทุกคนเกรงใจ พล.อ.เปรม เมื่อมาเป็นนายกฯ ก็มีคนช่วยวิ่งติดต่อประสานกับพรรคการเมืองต่างๆ คือ พ.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทหารไปสัมผัสกับการเมือง เขาไปแตะผลประโยชน์ต่างๆ ยุคนั้นนายวีระ มุสิกพงศ์ เป็น รมช.มหาดไทย ซึ่งต่อมานายวีระถูกจำคุกในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ พล.อ.เปรมก็เดินเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษให้ แต่ 30 ปีต่อมานายวีระก็มาด่าพ่อล้อแม่ พล.อ.เปรม
ส่วน นายสมัคร สุนทรเวช ไม่ชอบ พล.อ.เปรม เพราะเมื่อครั้งเป็น รมว.คมนาคมมีเรื่องอื้อฉาวเรื่องการเช่าเรือหมื่นล้านบาท พล.อ.เปรมจึงปรับ ครม.และไม่เอานายสมัครมาเป็นรัฐมนตรีอีก นายสมัครจึงโกรธ คอยด่า พล.อ.เปรมลับหลัง เมื่อมาเป็นนายกฯ ก็กล่าวหาว่า พล.อ.เปรมเป็นก้อนกรวดในรองพระบาท
พล.อ.เปรมเป็นนายกฯ ถึงปี 2531 รวมเวลา 8 ปี ในช่วงนั้นมีการปราบคอร์รัปชันอย่างเข้มงวด มีการแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจด้วยการลดค่าเงินบาท โดยไม่ให้ใครรู้ ทำให้พ่อค้าบางคนเสียผลประโยชน์ก็ไปฟ้อง พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ผบ.ทบ.ขณะนั้น พล.อ.อาทิตย์ก็แสดงพลังคัดค้านและถูก พล.อ.เปรมสั่งปลดในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในยุค พล.อ.เปรมถือว่ากองทัพมีความเข้มแข็งและไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่ศัตรูที่มารุกราน ในปี 2527 พล.อ.เปรมนอกจากเป็นนายกฯ แล้วยังเป็น รมว.กลาโหมด้วย มี พล.อ.อาทิตย์เป็น ผบ.ทบ. พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 พล.อ.ศัลย์ ศรีเพ็ญ ผู้บังคับการกองกำลังบูรพา ในช่วงนั้นเป็นช่วงปลายสงครามกัมพูชา มีทหารเวียดนามเข้ามาผสมกับกองกำลังเขมรที่มีนายเฮง สัมริน เป็นผู้นำ ซึ่งมีความพยายามบุรุกดินแดนไทย จุดหนึ่งคือที่บ้านหนองจาน แต่ผู้นำทหารทั้ง 5 คน ไม่ยอม สั่งยิงจนทหารเวียดนาม-เขมรแตกพ่ายกลับเข้าไปในดินแดนเขมร นี่คือตัวอย่างทหารในอดีต
ในปี 2531 พล.อ.เปรมพ้นจากตำแหน่งนายกฯ เพราะมีนักวิชาการกลุ่มหนึ่งเข้าชื่อกัน 100 คน ถวายฎีกา ท่านไม่หน้าด้าน และรู้สึกว่าท่านต้องไป ท่านจึงไม่รับตำแหน่งต่อ หลังจากท่านพ้นตำแหน่ง 7 วัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงแต่งตั้งเป็นองคมนตรี และเป็นประธานองคมนตรีในเวลาต่อมา
นายกฯ คนต่อมาถัดจาก พล.อ.เปรม คือ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เข้ารับตำแหน่งวันที่ 4 สิงหาคม 2531 นับเป็นวันเริ่มต้นความพินาศของสังคมไทยที่นักการเมืองเข้ามาปกครองเต็มรูปแบบ จนวันนี้เป็นเวลา 23 ปีพอดี สถาบันทหารถูกกดักหร่อน พังทลายลงไปเรื่อยๆ โดยมีช่วงเบรกอยู่ 3 ช่วง ช่วงแรกคือ ยุค รสช.มี พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ ยึดอำนาจรัฐบาล พล.อ.ชาติชายที่มีปัญหาคอร์รัปชันจนได้ฉายาบุฟเฟต์คาบิเนต และนักการเมืองยุค พล.อ.ชาติชายก็สืบทอดทายาทอสูรรุ่นต่อๆ มาเช่น นายมนตรี พงษ์พานิช ที่เสียชีวิตแล้ว โดยมีทายาทคือนายสมศักดิ์ เทพสุทิน และมีตำรวจผู้ติดตามคือ พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง และมีนักการเมืองคนอื่นๆ เช่น นายพินิจ จารุสมบัติ นายปรีชา เลาหะพงศ์ชนะ นายเสนาะ เทียนทอง นายบรรหาร ศิลปอาชา คนพวกนี้เป็นผลพวงจากการเริ่มต้นของ พล.อ.ชาติชาย
นายสนธิกล่าวต่อว่า เมื่อการเมืองมีบทบาทก็เข้ามาครอบงำทหาร ในอดีตการแต่งตั้งโยกย้าย ผบ.เหล่าทัพ ก็แต่งตั้งผ่าน รมว.กลาโหม ซึ่ง พล.อ.เปรมเป็นอยู่ จากกาที่เป้ฯทหารมาตลอดจึงดูออกว่าคนไหนซื่อสัตย์คนไหนจงรักภักดี ทหารที่ พล.อ.เปรมแต่งตั้งส่วนใหญ่จึงมีความสามารถและจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต่อมาถึงยุค พล.อ.สุจินดา คราประยูร ก็เอาทหาร จรป.5 รุ่นของตัวเองขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี พล.อ.วิโรจน์ แสงสนิท พล.อ.อ.เกษตร โรจนนิล ทำให้หลังจากนั้นการโยกย้ายทหารก็มักจะเอาแต่รุ่นของตัวเองขึ้น ทั้งที่ พล.อ.เปรมไม่ได้เล่นกับรุ่น
จนปัจจุบันทหารที่ได้เป็นใหญ่จะมีอยู่ 2 ส่วน คือ ส่วนแรกกลุ่มบูรพาพยัคฆ์ ที่มีที่มาจากกองทัพภาคที่ 1 กองกำลังบูรพา เคยประจำอยู่ภาคตะวันออกแถวจังหวัดสระแก้ว ปราจีนบุรี เป็นทหารเสือราชินี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็มาจากบูรพาพยัคฆ์ เป็นลูกพี่ของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อหัวได้ขึ้นหางก็ได้ขึ้นตลอด ส่วนที่ 2 เป็นทหารกลุ่มวงศ์เทวัญ เช่น กองพันทหารราบที่ชลบุรี, กองพล 9 และที่อื่นๆ ซึ่งมีมากกว่าบูรพาพยัคฆ์ แต่ในรอบหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ประวิตรขึ้นมาจนปัจจุบัน ทหารบูรพาพยัคฆ์ได้เป็นใหญ่
นายทหารบูรพาพยัคฆ์เป็นสายที่ยุ่งเกี่ยวกับชายแดนเขมรมาตลอด นายเสนาะ เทียนทอง ก็สนิทสนมกับทหารสายนี้มาก พล.อ.ประวิตรหรือใครที่เติบโตมาสายนี้ นายเสนาะรู้จักหมด ธุรกิจชายแดนของนายเสนาะจึงเกี่ยวข้องกับทหารอย่างมาก เมื่อมาเป็นรัฐมนตรี มาอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ธุรกิจชายแดนก็ดำเนินต่อไป เมื่อเจ้าของธุรกิจชายแดนมีอำนาจทางการเมืองและผูกพันกับทหารบูรพาพยัคฆ์ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมชายแดนเราจึงถูกเขมรรุกเอาๆ
ในสมัย พล.อ.ชวลิต เป็น ผบ.ทบ.มีนายทหารคู่ใจหลายคน เช่น พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ ที่เข้าไปฝึกอบรมให้ทหารเขมร นายพลเขมรหลายคนเป็นลูกศิย์ของลูกน้อง พล.อ.ชวลิต เพราะฉะนั้นด้วยเหตุผลความสัมพันธ์เช่นนี้การค้าชายแดนทั้งผิดและถูกกฎหมายจึงเจริญรุ่งเรือง และอยู่กับทหารที่มีสายสัมพันธ์กับเขมร เช่น ตัดไม้เถื่อนจากเขมรเข้ามาไทย หรือให้เขมรยุกรุกมาตัดที่ฝั่งไทยเอากลับเข้าไปในเขมรแล้วบอกว่าเป็นไม้เขมร
นายสนธิกล่าวต่อว่า ศึกร่มเกล้าที่เรารับกับลาว เบื้องหลังคือพ่อค้าไม้ที่สนิทสนมกับ พล.อ.ชวลิตไปตัดไม้ในเขตลาวแล้วถูกทหารลาวจับและยึดไม้เอาไว้ จึงโกรธแล้วมาฟ้อง พล.อ.ชวลิต หาว่าลาวบุกรุกดินแดน แล้วประกาศสงครามกับลาวเพราะพ่อค้าไม้ซังกะบ๊วย นี่คือทหารพาณิชย์ ที่เป็นเพียงตัวอนย่าง วันนี้มีมากกว่าการตัดไม้ทำลายป่า มีการส่งสินค้าอุปโภคบริโภคไปเขมร มีการส่งน้ำมันไปให้เขมร เพราะเขมรต้องพึ่งน้ำมันจากไทย นอกจากนั้นก็มีไม้ สินค้าเถื่อนจากเกาะกงเข้ามาจังหวัดตราด ส่งมาขายในกรุงเทพฯ และแรงงานเถื่อนซึ่งมีคนเก็บหัวคิวเป็นเมียน้อยทหาร การขโมยรถส่งไปเขมรก็มีนายทหารบางคนอยู่เบื้องหลัง
การค้าขายกับเขมรปีละเป็นหมื่นๆ ล้าน ล้วนแต่ผ่านมือนายทหารที่อยู่ในเครือข่ายอำนาจเก่าที่หากินกับเขมรทั้งสิ้น ไม่รวมบ่อนการพนันที่มีคนไทยเข้าไปลงทุนแล้วจ่ายค่าต๋งให้ทหารไทยส่วนหนึ่งและจ่ายให้นายฮุนเซนอีกส่วนหนึ่ง ด้วยเหตุนี้บ่อนชายแดนจึงไม่มีวันที่จะถูกปิด มีข้อมูลว่าหน้าหก้องอดีต ผบ.ส.ส.คนหนึ่งไปแต่งงานกับลูกสาวเจ้าพ่อเกาะกง ซึ่งย่อมจะมีสายสัมพันธ์กับทหารเขมร เห็นหรือยังว่าทำไมปัญหาชายแดนจึงแก้ยาก เพราะมีทหารชั่วๆ บางคนเห็นแก่ทรัพย์สินส่วนตัวมากกว่าชาติบ้านเมือง
นายสนธิกล่าวต่อว่า เรามีภาพเก่าๆ ว่าเราฆ่าทหารเวียดนาม มีทหารไปช่วยชาวบ้านเกี่ยวข้าวที่บริเวณบ้านหนองจาน มีค่ายอพยพชาวกัมพูชาในไทย แล้วจู่ๆ ที่ดินตรงนี้เป็นของเขมรได้อย่างไร ก็เพราะนายทหารใหญ่มีลูกน้องที่ค้าขายกับเขมรจึงปล่อยให้คนพวกนี้บุกรุกเข้ามา ส่วนนายฮุนเซนก็เป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ มีที่ปรึกษาเป็นชาวฝรั่งเศส รู้เกมการเมือง รู้วิธีที่จะเอาแผนที่ 1 ต่อ 200,000 มาใช้ เพราะรู้ว่าทหารไทยมันโลภ ก็เอาทรัพย์สินมาล่อ แล้วค่อยมายึดพื้นที่ทีหลัง เป็นที่มาของการตั้งวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ซึ่งสมัยก่อนมันไม่กล้าบุกรุก แต่สมัย พล.อ.ชาติชาย ที่จะแปรสนามรบเป็นตลาดการค้าตามคำเสนอแนะของที่ปรึกษาอย่างนายพันศักดิ์ วิญรัตน์ ที่มาเป็นที่ปรึกษาทักษิณ เขมรมันจึงกล้ารุกเข้ามา
ด้วยเหตุนี้ เอ็มโอยู 2543 จึงกำหนดไว้ในข้อที่ 5 ห้ามเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทุกอย่าง ต้องมาเจรจากันก่อน ต่อด้วยการประชุมเจบีซี ซึ่งคนของเราก็โง่นอนกอดเอ็มโอยู.มาตลอดแล้วปล่อยให้เขมรเข้ามายึดครอง ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องยึด 4.6 ตารางกิโลเมตรให้ได้อ แต่วันนี้มันไม่ต้องการแค่นั้น มันต้องการใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ทั้งหมด เพื่อที่มันจะได้ 1.8 ล้านไร่
นายสนธิกล่าวว่า ในที่สุดแทนที่จะสู้กันที่ 4.6 ตร.กม.แต่เกมมันพลิก เรามีโอากาสเสีย 1.8 ล้านรไร่ จากจังหวัดอุบลราชธานีไล่ไปจน จ.ตราด มีอยู่ทางเดียวที่เราจะไม่เสียดินแดน คือ 1.ยกเลิกเอ็มโอยู.ทันที เพราะเราไม่ยอมรับ เนื่องจากเขมรทำผิดเงื่อนไข 2.ต้องถอนตัวจากภาคีมรดกโลก 3.ต้องสั่งกองทัพไทยที่คุมชายแดนขยับออกจากเขตแดนที่แบ่งแยกตามสันปันน้ำ แล้วประกาศให้เขมรถอยออกไปด้วย ส่วนเขตแดนที่เขมรอ้างตามแผนที่ 1 ต่อ 200,000 เราต้องเอากองทัพไปตั้งประจันหน้าไว้ แล้วมาเจรจากัน เมื่อเข้าสู่การเจรเราก็เอาสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสปี 1907 มายืนยัน แล้วบอกว่าที่เราไล่เขมรออกไปเพราะเราทำตามหลักสากล ส่วนที่เราตั้งททารประจันหน้าเอาไว้ก็บอกว่าเรายังตกลงกันไม่ได้ว่าหลักเขตอยู่ตรงไหน เรามานั่งคุยกัน แล้วไม่ใช่ปล่อยให้คนของเราเข้าไปเดินลอยหน้าลอยตา ให้เขมรเอารูปไปยืนยันว่าเราไปยอมรับว่าเป็นพื้นที่ของเขา