เอแบคโพลล์ เผย ผลสำรวจ ปชช.กว่าร้อยละ 92 วิตกต่อความปลอดภัยของ จนท.จากเหตุการณ์ปะทะแนวชายแดนไทย-เขมร และเกือบละ 70 กังวลด้านความมั่นคงของประเทศ กว่าร้อยละ 50 ไม่เห็นด้วยดึงประเทศที่สามเข้ามาไกล่เกลี่ย
วันนี้ (13 ก.พ.) สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง เสียงสะท้อนของประชาชนต่อปัญหาชายแดนระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ลพบุรี สมุทรปราการ จันทบุรี นครนายก สุพรรณบุรี พะเยา เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ อุบลราชธานี นครพนม ชัยภูมิ สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา ตรัง และนครศรีธรรมราช จำนวนทั้งสิ้น 2,971 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการในช่วง 7-12 กุมภาพันธ์ 2554 ผลการสำรวจพบว่า ประชาชนที่ถูกศึกษาส่วนใหญ่หรือร้อยละ 90 ติดตามข่าวสารเป็นประจำทุกสัปดาห์
ประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 92.7 วิตกกังวลต่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่รัฐที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา รองลงมา คือ ร้อยละ 78.2 กังวลต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ในขณะที่ร้อยละ 69.2 กังวลต่อความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยของเด็กๆ ร้อยละ 69.1 กังวลต่อการเสียขวัญและกำลังใจของประชาชนตามแนวชายแดน ร้อยละ 68.3 กังวลต่อความมั่นคงของประเทศ ร้อยละ 64.2 กังวลต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจของประเทศ และร้อยละ 51.6 กังวลต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาชาวโลก
เมื่อถามถึงความเหมาะสมในการทำหน้าที่ของทหารไทยในสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 87.4 ระบุทหารไทยทำหน้าที่ได้เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ดีแล้ว ในขณะที่ร้อยละ 12.6 ระบุยังไม่สอดคล้องกับสถานการณ์
สำหรับความคิดเห็นของประชาชนต่อรัฐบาลไทยในการใช้วิธีแก้ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา ผลสำรวจพบว่า อันดับแรก หรือร้อยละ 54.7 ระบุเป็นการเจรจาตรงระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชา ในขณะที่ร้อยละ 17.3 ระบุการเจรจาผ่านองค์การสหประชาชาติ หรือประเทศที่เป็นกลาง ร้อยละ 5.0 เท่านั้นที่ระบุให้ทำสงคราม และร้อยละ 23.0 ระบุให้ใช้ทุกวิธี
อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 80.8 ยังคงมีความหวังว่าจะหันมาร่วมมือกันพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาได้ด้วยดี ในขณะที่ ร้อยละ 19.2 ไม่มีความหวัง
สำหรับความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลในการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา พบว่า จำนวนมากหรือร้อยละ 41.3 เชื่อมั่นมากถึงมากที่สุด ร้อยละ 30.7 เชื่อมั่นปานกลาง ในขณะที่ร้อยละ 28.0 เชื่อมั่นน้อยถึงไม่เชื่อมั่นเลย
วันนี้ (13 ก.พ.) สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง เสียงสะท้อนของประชาชนต่อปัญหาชายแดนระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ลพบุรี สมุทรปราการ จันทบุรี นครนายก สุพรรณบุรี พะเยา เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ อุบลราชธานี นครพนม ชัยภูมิ สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา ตรัง และนครศรีธรรมราช จำนวนทั้งสิ้น 2,971 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการในช่วง 7-12 กุมภาพันธ์ 2554 ผลการสำรวจพบว่า ประชาชนที่ถูกศึกษาส่วนใหญ่หรือร้อยละ 90 ติดตามข่าวสารเป็นประจำทุกสัปดาห์
ประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 92.7 วิตกกังวลต่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่รัฐที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา รองลงมา คือ ร้อยละ 78.2 กังวลต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ในขณะที่ร้อยละ 69.2 กังวลต่อความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยของเด็กๆ ร้อยละ 69.1 กังวลต่อการเสียขวัญและกำลังใจของประชาชนตามแนวชายแดน ร้อยละ 68.3 กังวลต่อความมั่นคงของประเทศ ร้อยละ 64.2 กังวลต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจของประเทศ และร้อยละ 51.6 กังวลต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาชาวโลก
เมื่อถามถึงความเหมาะสมในการทำหน้าที่ของทหารไทยในสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 87.4 ระบุทหารไทยทำหน้าที่ได้เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ดีแล้ว ในขณะที่ร้อยละ 12.6 ระบุยังไม่สอดคล้องกับสถานการณ์
สำหรับความคิดเห็นของประชาชนต่อรัฐบาลไทยในการใช้วิธีแก้ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา ผลสำรวจพบว่า อันดับแรก หรือร้อยละ 54.7 ระบุเป็นการเจรจาตรงระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชา ในขณะที่ร้อยละ 17.3 ระบุการเจรจาผ่านองค์การสหประชาชาติ หรือประเทศที่เป็นกลาง ร้อยละ 5.0 เท่านั้นที่ระบุให้ทำสงคราม และร้อยละ 23.0 ระบุให้ใช้ทุกวิธี
อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 80.8 ยังคงมีความหวังว่าจะหันมาร่วมมือกันพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาได้ด้วยดี ในขณะที่ ร้อยละ 19.2 ไม่มีความหวัง
สำหรับความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลในการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา พบว่า จำนวนมากหรือร้อยละ 41.3 เชื่อมั่นมากถึงมากที่สุด ร้อยละ 30.7 เชื่อมั่นปานกลาง ในขณะที่ร้อยละ 28.0 เชื่อมั่นน้อยถึงไม่เชื่อมั่นเลย