ปชป.ยันไม่ชิงทูลเกล้าฯร่างแก้ไขรธน. ก่อนศาลรธน.จะวินิจฉัย

โฆษกประชาธิปัตย์ ยันรัฐบาลไม่ชิงทูลเกล้าฯ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านรัฐสภามาแล้วก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเสร็จ ย้ำม็อบยังเคลื่อนไหวส่งผลต่อการประกาศยุบสภา พร้อมยันรัฐบาลไม่อยู่เพื่อผ่านงบประมาณปี 55 และแต่งตั้งโยกย้ายเสร็จ

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ ส.ส.สัดส่วน โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 50 จำนวน 2 ฉบับเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ว่า เป็นการส่งสัญญาณปฏิรูปการเมืองเพราะตัวแทนของประชาชนในสภา ได้ออกกติกาที่ทุกฝ่ายยอมรับเพื่อไปสู่การยุบสภาและเลือกตั้งใหม่

ส่วนที่ฝ่ายค้านเข้าชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญว่า การเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ถูกต้องตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภานั้น ก็เป็นสิทธิ์ แต่รัฐบาลจะไม่ใช้เวลานี้ช่วงชิงความได้เปรียบ ส่วนร่างแก้ไขเพิ่มเติมฯจะส่งไปสำนักราชเลขาธิการได้ทันใน 20 วันตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 150 บัญญัติหรือไม่นั้น ขึ้นกับขั้นตอนการตรวจสอบความถูกต้องของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะรับเรื่องไว้พิจารณาหรือไม่

สำหรับเงื่อนไขการยุบสภาที่นายกรัฐมนตรีเคยพูดว่า ต้องคำนึงถึง เศรษฐกิจ รัฐธรรมนูญ และสถานการณ์การเมืองนั้น นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า หากร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญประกาศบังคับใช้ได้ เท่ากับสองเงื่อนไขแรกบรรลุตามเป้า แต่เรื่องจะยุบสภาวันไหน ก็ยังต้องเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวนอกสภา ซึ่งขึ้นกับ นปช.ที่จะชุมนุมวันที่ 13 กุมภาพันธ์ หากคนนอกประเทศ ใช้นอกสภาเคลื่อนไหวจนไม่สงบ หรือการจ้างนายโรเบิร์ต อัมเสตอดัม ล็อบบี้ให้ไทยถูกขับออกจากสหภาพภาครัฐสภาระหว่างประเทศและสมาคมเสรีประชาธิปไตยระหว่างประเทศ หรือยังเคลื่อนไหวกดดันเรื่องสัญชาตินายกรัฐมนตรีที่จะนำไปสู่การขึ้นศาลโลกทั้งที่นายกรัฐมนตรียืนยันว่า มีสัญญาชาติไทย

ซึ่งนายอัมเสตอดัม ควรคำนึงว่า ได้รับค่าจ้างจากคนที่ถือหลายสัญชาติรวมทั้งเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ของกัมพูชามาทำลายประเทศไทย ปัจจัยทั้งหมดนี้ก็ส่งผลกระทบต่อการยุบสภาแน่นอน แต่ถ้าชุมนุมอย่างสงบ ไม่กีดขวางการจราจร และคนนอกประเทศยุติการเคลื่อนไหวในทุกทาง ก็ถือว่า มีบรรยากาศที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับการชุมนุมอย่างสงบของกลุ่มพันธมิตรฯ

นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ระบุว่า จะมีการยุบสภาหลังเดือนตุลาคม พรรคขอชี้แจงว่า อาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ แต่ถ้าไม่ใช่ ร.ต.อ.เฉลิม คงเสียชื่อผู้ช่ำชองทางการเมือง เพราะรัฐบาลคงจะไม่อยู่จนยุบสภาเดือนตุลาคมเพื่อเลือกตั้งเดือนธันวาคม หรือต้องการอยู่เพื่อรอผ่านเรื่องงบประมาณหรือให้การแต่งตั้งโยกย้ายเสร็จสิ้น แต่ปฏิทินที่พรรคเตรียมไว้คือ การพิจารณางบกลางวันที่ 16 กุมภาพันธ์ และการแถลงผลงานรัฐบาลต่อสภาในวันที่ 24 กุมภาพันธ์

ทั้งนี้จึงขอให้พรรคฝ่ายค้าน ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจให้เร็ว เอาข้อมูลมาอย่างสมศักดิ์ศรี และให้มีบุคคลที่ชัดเจนในการเป็นแคนดิเดตนายกฯแนบญัตติ รวมถึงเสนอผู้นำฝ่ายค้านเพื่อแต่งตั้ง ไม่เช่นนั้นจะเป็นมลทินกับพรรคเพื่อไทยเองที่ในประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งของสมัยประชุมสภา ไม่มีผู้นำฝ่ายค้าน