“ยะใส” ชี้สูตรการเมือง “มาร์ค” ล้มเหลวตั้งแต่ให้ “ภูมิใจห้อย” คุมอีสานมอบเก้าอี้มหาดไทย ระบุไม่แปลกคนโหยหารบ.แห่งชาติ เพราะ 2 ปีผ่านมาเป็นที่พึ่งของ ปชช.ไม่ได้ ซัดนายกฯ ลืมจุดยืนเคยสนับสนุนพันธมิตรฯขอนายกฯ พระราชทาน คัดค้าน พ.ร.บ.มั่นคงฯ ยื่น ป.ป.ช.ฟัน ตร.สลายชุมนุม แต่วันนี้ทำสวนทางกันทั้งสิ้น
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายสุริยะใส กตะศิลา”
วันที่ 10 ก.พ.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายสุริยะใส กตะศิลา โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาลว่า เป็นเพราะใช้วิธีคิดแบบแบ่งแยก และปกครองบริหารแผ่นดินบนเงื่อนไขความขัดแย้ง ตอนเข้ามาเป็นรัฐบาลเราฝากความหวังว่าจะสร้างข้อเท็จจริงให้ปรากฏต่อคนเสื้อแดงที่ยังลุ่มหลงอยู่กับระบอบทักษิณและเข้าในผิดต่อสถาบัน แต่ผิดพลาดที่มอบให้พรรคภูมิใจไทยไปรับผิดชอบดูแลภาคอีสาน คุมกระทรวงมหาดไทย ด้วยเหตุที่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับระบอบทักษิณได้ วิธีนี้เป็นการคิดแบบการเมืองเก่า
ทั้งนี้ หากคิดว่าคนเสื้อแดงที่ออกมาเคลื่อนไหวไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างเดียว ที่เขาออกมาเพราะความเข้าใจผิดต่อสถาบันต่างหาก ที่เป็นต้นเหตให้เกิดความแตกแยกและนับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น พรรคประชาธิปัตย์ใช้วิธีแก้ด้วยการเมืองแบบเก่า ทั้งที่นายอภิสิทธิ์เคยแสดงวิสัยทัศน์ช่วงเข้ารับตำแหน่งว่าจะหยุดการเมืองที่ล้มเหลว แต่ก็ยังปล่อยให้พรรคภูมิใจไทยที่แตกมาจากพรรคของทักษิณ ซึ่งคนกลุ่มนี้อยู่เบื้องหลังคนเสื้อแดงตั้งแต่ต้น โดยหวังว่าเขาจะห้ำหั่นกัน แต่ไม่เป็นดังที่คิดความจริงปรากฏว่าการเลือกตั้งซ่อม เช่น ที่ จ.สกลนคร ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทยยังแพ้พรรคเพื่อไทย นั่นหมายความว่าสูตรของนายกฯ ที่จะใช้พรรคภูมิใจไทยเพื่อสร้างความเข้าใจเปลี่ยนทัศนะของคนเสื้อแดง ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
“ท่านทราบดีขบวนการเสื้อแดง ไม่ใช่แค่เอา พ.ต.ท.ทักษิณกลับ ยังเป็นภัยต่อสถาบันอย่างรุนแรง ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ต้องเข้าพื้นที่ภาคอีสานและยึดเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย แล้วใช้กลไกกระทรวงมหาดไทยให้ข้อมูลเปลี่ยนความเข้าใจผิดของคนอีสานที่ได้ข้อมูลผิดพลาดมาตลอดเพราะระบอบทักษิณ แทรกแซงและควบคุมสื่อในช่วงนั้น ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เล่นการเมืองมากเกินไป ต้องจับมือกับคนเสื้อเหลืองในการให้ข้อมูลแก่คนเสื้อแดงที่ถูกต้อง”
นายสุริยะใสกล่าวต่อว่า นอกจากนี้รัฐบาลยังติดกับดักของกลุ่มการเมืองบางกลุ่มที่แฝงตัวอยู่ในรัฐบาล เป็นกลุ่มฉวยโอกาสทางการเมือง ใช้วาทกรรม “บ้านเมืองไม่ไปไหนเพราะคนสองสี” เป็นมายาคติคนพวกนี้แฝงตัวในรัฐบาลชุดนี้แทบทั้งสิ้น นายกฯ เสียโอกาสตรงนี้ไป ท่านต้องใช้สื่อของรัฐ กลไกราชการทุกหน่วยงาน เปลี่ยนความเข้าใจผิดต่อสถาบันภายในรัฐบาลนี้ อย่าเอาแต่คิดว่าทำอย่างไรจะรวมเสียงข้างมากให้ชนะพรรคเพื่อไทย และเป็นรัฐบาลให้นานที่สุด
นายสุริยะใสกล่าวว่า นายอภิสิทธิ์พลาดที่ให้สัมภาษณ์ โดยสื่อให้เห็นว่า “มีขบวนการบางกลุ่มที่ชุมนุมต้องการสร้างสถานการณ์รุนแรงเพื่อนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาตินั้น ถ้านายกฯ ไม่มีคติต่อการเคลื่อนไหว ท่านต้องยอมรับความจริงว่า เป็นเพราะความล้มเหลวทางการเมือง สิ่งเหล่านี้ต้องกลับไปถามตัวท่านเองว่า วาทกรรมที่เคยพูดต้องหยุดการเมืองที่ล้มเหลว นี่ก็ผ่านมา 2 ปีแล้วไม่ได้ทำให้สถาบันทงการเมืองเป็นที่พึ่งได้อย่างแท้จริง จึงไม่แปลกที่ประชาชนจะถามหารัฐบาลแห่งชาติ
“ถ้านายกฯ สร้างระบบการเมืองที่มีประสิทธิภาพ สร้างหลักการบริหารราชการแผ่นดินที่คาดหวังได้ ความคิดขอรัฐบาลประราชทานไม่มีทางเกิดขึ้นกับประชาชน ดังนั้น ท่านต้องกลับไปหาต้นตอว่า ทำไมประชาชนถึงโหยหารัฐบาลแห่งชาติ” นายสุริยะใสกล่าว
ส่วนที่นายอภิสิทธิ์เคยทำตัวเหมือนเป็นนักธิปไตยพูดว่า รังเกียจรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากรัฐธรรมนูญ รังเกลียดนายกฯ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ประเด็นนี้หากย้อนไปก่อนปฏิวัติ 19 ก.ย. นายอภิสิทธิ์เคยสนับสนุนพันธมิตรฯ ขอนายกฯ พระราชทาน ซึ่งเท่ากับว่าท่านลืมจุดยืนของท่าน จุดยืนเปลี่ยนไปเมื่อได้เป็นรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ตนไม่อยากให้เอาประเด็นปฏิวัติมาเบี่ยงเบนข้อเรียกร้องของพันธมิตรฯ ท่านกำลังเอาเรื่องไม่เป็นเรื่อง เอาประเด็นเล็กน้อย มาสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนให้พี่น้องประชาชน จนกลายเป็นทัศนคติไม่ดีต่อประชาชน จนกระทั่งกลายเป็นเงื่อนไขให้สลายการชุมนุม
นายสุริยะใสกล่าวถึง พ.ร.บ.ความมั่นคงว่า ตอนที่นายอภิสิทธิ์เป็นฝ่ายค้าน พันธมิตรฯ ชุมนุมอยู่ในทำเนียบฯ นายอภิสิทธิ์อภิปราย ถ้าประชาชนแม้เพียงหนึ่งคนออกมาวิจารนายกฯ ก็ต้องพิจารณาตัวเอง ประเด็นนี้ที่ท่านพูดวันนี้ตนเชื่อว่าที่ท่านพูดเพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้าม ไม่ได้พูดจากจิตสำนึกประชาธิปไตยที่แท้จริง ถ้าพูดจากมโนสำนึกท่านไม่มีสิทธิออก พ.ร.บ.มั่นคง อย่างแน่นอน นอกจากนี้ กฎหมายฉบับนี้เป็นภัยต่อความมั่นคงมากกว่ารักษาความมั่นคง เพราะจะกลายเป็นเครื่องมือของรัฐบาล ในการปกป้องความสั่นคลอนของรัฐบาลเอง
“นายกฯ เองก็คัดค้านไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.มั่นคง ที่ออกในสมัยรัฐบาลขิงแก่ หากจำได้ เหตุการณ์ 7 ต.ค. ที่หน้าสภาฯ นายกฯ เซ็นลงนามให้นายอลงกรณ์ พลบุตร ไปยื่นหนังสือที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เอาผิดตำรวจที่ปราบประชาชน วันนี้ท่านเป็นรัฐบาลกำลังใช้กลไกที่เคยไปเรียกร้องให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตรวจสอบ เพื่อเล่นงานกับพันธมิตรฯ อีกรอบ หลักการของท่านเปลี่ยนไปหรือคิดว่ามีอำนาจจึงไม่จนใจเหตุผลและความชอบธรรม ที่สำคัญตำรวจที่ออกคำสั่งปราบพันธมิตรฯ คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ซึ่ง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดแล้วจนป่านนี้ คณะกรรมการตำรวจแห่งชาติยังไม่ทำอะไรเลย ซ้ำร้ายคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีนายกฯ เป็นประธาน แต่ให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปทำหน้าที่แทน มีความพยายามทุกวิถีทางที่จะให้ พล.อ.พัชรวาท กลับเข้ารับราชการเหมือนเดิม”