วุฒิฯยกกรณีปราสาทพระวิหารดันกฎบัตรประเทศไทยฯ

สภาสูง ยกกรณีประสาทพระวิหาร ดันกฎบัตรประเทศไทยว่าด้วยการบริหารจัดการมรดกวัฒนธรรม เพื่อเป็นแนวทางในการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่สืบไป

ที่อาคารรัฐสภา 2 วันนี้ (10 ก.พ.) คณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรมศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา นำโดย นางตรึงใจ บูรณสมภพ ส.ว.สรรหา ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรมศิลปะ และวัฒนธรรม วุฒิสภา แถลงผลการศึกษา “กรณีปราสาทพระวิหาร ถึงเวลาต้องมีกฎบัตรประเทศไทย”

น.ส.ทัศนา บุญทอง รองประธานวุฒิสภา กล่าวว่า กฎบัตรประเทศไทยว่าด้วยการบริหารจัดการมรดกวัฒนธรรม จะช่วยเป็นแนวทางในการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่ ไม่ให้สูญหายไปกับกาลเวลา ขอสนับสนุนให้มีกฎบัตรประเทศไทยให้สอดคล้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 66 และมาตรา 67 อย่างมีทิศทางและยั่งยืนต่อไป

ด้าน นางตรึงใจ กล่าวว่า กรณีเขาพระวิหารคนไทยเป็นผู้ค้นพบคนแรก คือ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ แต่ในอดีตไม่มีแนวคิดการบริหารจัดการมรดกวัฒนธรรม และไม่มีงบประมาณอนุรักษ์ในส่วนนี้ หากมีกฎบัตร หรือ ฝ่ายไทย ดำเนินการบูรณะปราสาทพระวิหาร ตั้งแต่ปี 2505 สิทธิในปราสาทพระวิหาร คงเป็นของประเทศไทยอย่างชอบธรรม และไม่มีปัญหาใดๆ แต่วันนี้ถือว่าสายเกินไปเสียแล้ว ที่ประเทศไทยจะเรียกร้องตัวปราสาทพระวิหารกลับมาเป็นของไทย แต่คณะกรรมาธิการได้ยกเรื่องดังกล่าวขึ้นมาพิจารณา โดยจัดสัมมนา 4 ภาค พิจารณาร่างกฎบัตรขึ้นมาเพื่อสร้างข้อตกลงร่วมของทุกภาคส่วน จนเกิดเป็นแนวทางร่วมกัน หลังที่ประชุมวุฒิสภา ผ่านการรับรองในวันที่ 14 ก.พ.นี้ จะส่งร่างกฎบัตรประเทศไทยไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นแนวทางปฎิบัติในท้องถิ่น

ส่วนสมาคมอิโคโมสไทย จะนำกฎบัตรดังกล่าวส่งไปยังอิโคโมสสากล เพื่อให้การรับรองต่อไป ซึ่งกฎบัตรประเทศไทย จะเป็นประโยชน์ต่อไทยในอนาคต โดยเฉพาะการขึ้นทะเบียนมรดกโลกต่างๆ ที่แม้วันนี้จะถือเป็นเรื่องที่สายไป ในการนำปราสาทพระวิหารมาเป็นของเรา แต่เรายังคงต้องรักษาไว้ ซึ่งสิ่งก่อสร้างรอบๆ ปราสาทพระวิหารที่มีจำนวนมาก หากมีการใช้กฎบัตร คาดว่า เราจะสามารถนำโบราณสถานขึ้นเป็นทะเบียนเป็นมรดกโลกได้อีกเป็นร้อยฉบับ