พันธมิตรฯ สาบส่ง รบ.ไปขอคืนพื้นที่แนวชายแดนเขมร ปฏิเสธคืนพื้นที่ เชื่อ รบ.สมยอม “ฮุนเซน” คิดสลายพลังพันธมิตรฯ สับแผนประกาศใช้ กม.ความมั่นคง แค่ขู่ แจงเลื่อนยื่นร้องศาลปกครอง จับตามาตรการรัฐกระชับพื้นที่ “ปานเทพ” สับ “มาร์ค” ได้ดี เพราะพันธมิตรฯ ใช้มาตรฐานเดียวกับ “หมัก-ชายจืด” ซัดนักวิชาการ 7.1 ล้านฝักใฝ่แดง
วันนี้ (9 ก.พ.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ โฆษกพันธมิตรฯ และ นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมฯ ร่วมแถลงข่าวประจำวันต่อสื่อมวลชน โดย นายปานเทพ ได้กล่าวถึงกระแสข่าวการขอพื้นที่คืนของทางเจ้าหน้าที่ ว่า ทางแกนนำพันธมิตรฯ และคณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ยังไม่มีผู้ใดได้รับการติดต่อจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ทำให้ไม่ความชัดเจนในการขอพื้นที่คืน เป็นความประสงค์ของผู้ใด และอ้างอิงอำนาจกฎหมายฉบับใด ที่ผ่านมา มีเพียงการเจรจาปากเปล่า พูดลอยๆ ซึ่งหากจะมีการกระทำใดๆ ผู้ที่เกี่ยวข้องควรทำหนังสือให้ชัดเจนมาถึงคณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดิน และผู้ชุมนุมด้วย เพราะผู้ชุมนุมไม่ได้ขึ้นอยู่อาณัติของคณะกรรมการ ทุกคนมีอำนาจในการตัดสินใจ เพื่อให้ทราบว่าได้รับมอบหมายจากใคร และผู้ใดเป็นผู้รับผิดชอบทางกฎหมาย ไม่ใช่พูดปากเปล่าตามที่ทำอยู่
นายปานเทพ กล่าวว่า คณะกรรมการ และพันธมิตรฯ เห็นตรงกันว่า สิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องทำในขณะนี้ คือ การทวงคืนดินแดนที่กัมพูชา ใช้เป็นฐานทัพโจมตีราษฎรไทย จะเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดมากกว่า การขอคืนพื้นที่ชุมนุมที่นี่ ขอย้ำว่า ที่เราอยู่บริเวณนี้ไม่มีการปิดสถานที่ราชการ ข้าราชการสามารถเข้าทำงานได้ การที่จะมายึดพื้นที่ตรงนี้ต้องตอบให้ได้ว่า เหตุใดรัฐบาลจึงเลือกปฏิบัติ ระหว่างคนไทยกับทหารกัมพูชา เพราะทหารกัมพูชาติดอาวุธสงครามอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ และปล่อยให้ยิงราษฎรไทย แต่กับคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งออกมาชุมนุมเพื่อปกป้องแผ่นดินไทย แทนที่รัฐบาลจะมาร่วมรวมพลัง กลับมีความพยายามที่จะลิดรอนสิทธิของประชาชนเหล่านี้
“น่าผิดหวังที่นายกฯอภิสิทธิ์ เคยสนับสนุนการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯในการต่อต้านรัฐบาลในระบอบทักษิณ ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายสมัคร สุนทรเวช และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในเวลานั้น นายกฯอภิสิทธิ์ มีความเห็นว่า มาตรการที่รัฐบาลใช้สลายผู้ชุมนุมนั้นไม่ชอบธรรม ในวันนี้พอมาเป็นนายกฯกลับใช้มาตรการเดียวกัน จึงพิสูจน์แล้วว่า นายอภิสิทธิ์ ก็ไม่ต่างจาก นายสมัคร หรือ นายสมชาย” นายปานเทพ กล่าว
โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ในกรณีการยื่นคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อให้เพิกถอนคำสั่งคณะรัฐมนตรีในการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง และจำกัดพื้นที่กระทบความมั่นคงที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น พันธมิตรฯได้ศึกษาข้อกฎหมายแล้วเห็นว่า จะยังไม่มีการดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลปกครองตามที่ได้ประกาศไว้ แต่จะรอมาตรการที่ชัดเจนว่ารัฐบาลจะทำอะไรกับประชาชน เมื่อเช่นนั้นเกิดความเสียหายใดๆก็จะยื่นต่อศาลปกครองทันที
“ขณะนี้การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ยังไม่มีการกำหนดมาตรการใดๆ ออกมาจากภาครัฐ ทันทีที่รัฐบาลประกาศหรือเริ่มมาตรการใดๆ ที่ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ ผู้ชุมนุมได้รับความเสียหาย จะยื่นคำร้องต่อศาลปกครองทันที” นายปานเทพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุที่ไม่ยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง เนื่องจากเห็นว่ากระบวนการประกาศใช้ถูกต้องใช่หรือไม่ โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวตอบว่า กระบวนการประกาศบังคับใช้กฎหมายมีข้อสงสัยอยู่แล้วว่าผิดพลาด เพราะการอ้างเหตุความมั่นคงของรัฐ ต้องเกิดขึ้นเพราะผู้ชุมนุมมีเจตนาหรือเป้าหมายที่ทำให้รัฐเสียหาย แต่พันธมิตรฯมาเพื่อพิทักษ์รักษาอธิปไตยของชาติ เพียงแต่ถึงชั่วโมงนี้ รัฐบาลยังไม่ได้กำหนดมาตรการที่ชัดเจน โดยในแง่ของข้อกฎหมายการยื่นศาลปกครองต้องมีผู้เสียหายแล้ว
“เหตุในการชุมนุมของเราจะไปเทียบกับคนเสื้อแดงไม่ได้ การชุมนุมของคนเสื้อแดงมีวัตถุประสงค์ เพื่ออำนาจทางการเมือง และการฉีกรัฐธรรมนูญ ต่างจากการชุมนุมของพันธมิตรฯที่ชุมนุมภายใต้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องหน้าที่ของพลเมืองไทยในการรักษาแผ่นดินเป็นหลัก รัฐบาลจะใช้อำนาจใดมาสลายการชุมนุม หรือขอพื้นที่คืน กล้ากับคนไม่มีอาวุธ แต่กับกัมพูชาที่ทำร้ายราษฎรไทยกลับไม่กล้า” โฆษกพันธมิตรฯ กล่าว
และจากกรณีที่มีนักวิชาการกลุ่ม นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ ออกมาโจมตีการชุมนุมของพันธมิตรฯ เพื่อให้เกิดสงคราม นายปานเทพ กล่าวว่า ต้องดูว่า คนที่พูดเป็นใคร เพราะกลุ่มนักวิชาการกลุ่มนี้รับจ้างจากกระทรวงการต่างประเทศ เป็นเงิน 7.1 ล้านบาท เราจึงขนานนามว่านักวิชาการ 7.1 ล้าน ซึ่งเขาต้องพูดแบบนี้อยู่แล้ว เพราะกลุ่มที่ฝักใฝ่คนเสื้อแดง และมีทัศนคติต่อต้านพันธมิตรฯ ตนไม่เห็นนักวิชาการ ที่ไม่มีผลประโยชน์คนไหนออกมากล่าวเช่นนี้ ทั้ง ศ.ดร.สมปอง สุจริตกุล หรือ ศ.อดุลย์ วิเชียรเจริญ ก็ไม่เห็นพูดเช่นนั้น
เมื่อถามถึงความเคลื่อนไหวของตำรวจภายในทำเนียบรัฐบาล ที่นำกำลังราว 500 นาย มาออกกำลังกายบริเวณประตูใกล้กับกลุ่มพันธมิตรฯ นายปานเทพ กล่าวว่า น่าจะไปทำที่ชายแดน ไปจับกุมคนกัมพูชาที่เข้ามาอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ไปขับไล่ทหารกัมพูชา เพื่อสำแดงแสนยานุภาพทางการทหาร มาทำในทำเนียบรัฐบาลเสียแรงเปล่า เพราะไม่มีทหารกัมพูชาอยู่
ทางด้าน พล.ต.จำลอง กล่าวเสริมว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการแวะเวียนมาพูดคุยกับตน โดยมีการร้องขอให้คืนพื้นที่เปิดการจราจร ซึ่งตนก็ได้ปฏิเสธไปด้วยไมตรีว่า เรามีความจำเป็นที่ต้องอยู่ที่นี่ เรามาชุมนุมเพื่อปกป้องแผ่นดิน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากในช่วง 1-2 วันนี้ รัฐบาลมีมาตรการกดดันมากๆ พันธมิตรฯ จะปรับแผนที่กำนดไปยังลานพระบรมรูปทรงม้าไปเป็นสถานที่อื่นหรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ต้องมีการหารือกัน โดยการเคลื่อนไหวใดๆต้องพิจารณาไปตามสถานการณ์ แต่คิดว่าคงไม่เป็นเช่นนนั้น เพราะเหลือเวลาไม่มาก วันใดที่มีการขอพื้นที่คืนโดยใช้กำลัง ในวันรุ่งขึ้นจะมีมวลชนเข้ามาร่วมอีกมากมาย
ขณะที่ นายประพันธ์ กล่าวว่า การขอพื้นที่คืนเป็นเพียงกลยุทธ์ที่จะขับเคลื่อนเพียงกดดันผู้ชุมนุมเท่านั้นเอง ซึ่งจริงๆ ไม่มีความจำเป็น เพียงแค่เจ้าหน้าที่บริหารจัดการพื้นที่จราจรที่เปิดอยู่ให้ดี ก็จะไม่มีปัญหาการจราจรติดขัดมาก เพราะฉะนั้นการแหย่ขอพื้นที่บางส่วนคืนเป็นกลยุทธ์แบบได้คืบเอาศอก โดยอ้างความเดือดร้อนเล็กๆ น้อยๆ ของประชาชน ทั้งที่ไม่ยอมแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
โฆษกการชุมนุม กล่าวต่อว่า อยากถามรัฐบาลว่าได้ตกลงผลประโยชน์ใดกับนายฮุนเซน ทั้งนายสุเทพ และ พล.อ.ประวิตร ที่ต่อสายตรงกับ นายฮุนเซน จึงพยายามมากดดันผลักดันพี่น้องประชาชนไทย โดย นายฮุนเซน ไม่พอใจที่เวทีพันธมิตรฯกล่าวโจมตีตัวเองโดยตลอด จึงกล่าวหาว่ารัฐบาลไทยรู้กันกับพันธมิตรฯ รัฐบาลจึงต้องไปรับปากมาสลายการชุมนุมโดยอ้างมาตรการทางกฎหมาย เพื่อหวังเอาใจนายฮุนเซน