ที่ประชุม ปชป.มีมติเผยแพร่เอ็มโอยู 43 ฉบับเต็ม ลงเว็บพรรค หวังโชว์ความเขลาอวดสายตา ปชช.กวักมือเรียกหาความสามัคคีคนในชาติ ด้านทีมเศรษฐกิจ ปชป. คาด ได้ใช้ 3จี มิ.ย.นี้แน่นอน คุยช่วย กสท ไม่ขาดทุน ไม่อายฟ้าดินระดม ส.ส.เดินสายล็อบบี้ 54 ส.ว.หนุนสูตร 375+125 โล่งใจพันธมิตรฯ เปลี่ยนเป้าไปแจกของบริจาคที่ชายแดนแทนการบุกสภา
วันนี้ (8 ก.พ.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงผลการประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ว่า ทางคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) จะมีการนำวาระการรายงานผลตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐของรัฐบาลในช่วงปีแรกตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค.2551-31 ธ.ค. 2552 ที่เดิมจะเข้าสู่สภาในช่วงบ่ายของวันที่ 10 ก.พ.แต่เนื่องจากนายกรัฐมนตรีติดภารกิจต้อนรับแขกจากต่างประเทศ จึงได้เลื่อนออกไปเป็นวันที่ 17 ก.พ.
นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้มีการหารือถึงสถานการณ์ไทย-กัมพูชา โดยรัฐมนตรีในฐานะตัวแทน ครม.ขอให้ ส.ส.ของพรรคทำความเข้าใจกับประชาชนใน 4 ประเด็น คือ 1.มีความพยายามใช้คำศัพท์แตกต่างกันไปเช่น สงครามไทย-กัมพูชา ซึ่ง ครม.อยากให้ชี้แจงว่าเป็นการปะทะกันตามแนวชายแดนระหว่างสองประเทศ เพราะหากใช้คำว่าสงครามจะเปิดช่องให้มีการดึงนานาชาติมาเกี่ยวข้อง ทั้งที่ปัญหาที่เกิดขึ้นสามารถแก้ปัญหาระหว่างไทยและกัมพูชาได้ ไม่จำเป็นต้องให้นานาชาติเข้ามา 2.ปัญหาการอ้างพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ต่างฝ่ายต่างอ้างกรรมสิทธิ์ในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นได้รับการยืนยันว่ากัมพูชาเริ่มยิงมาในพื้นที่ไทยก่อน โดยยิงมาในพื้นที่พลเรือน ทำให้ประชาชนคนไทยเดือดร้อน และไทยได้ยิงตอบโต้ไปในพื้นที่ของทหารเท่านั้น
นพ.วรงค์ กล่าวว่า 3.การปะทะกันที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำเพื่อปกป้องอธิปไตยของไทยเท่านั้น โดยยังไม่มีการเสียดินแดนแต่อย่างใด และ 4.ต้องมีการทำความเข้าใจกับนานาชาติ ทั้ง ยูเอ็น อินโดนีเซีย ลาว จีน รวมถึงคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติด้วย อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ 14,000 คน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดจุดดูแล 21 จุด และมอบให้กระทรวงพัฒนาสังคมเข้าไปดูแลแล้ว
นพ.วรงค์ กล่าวอีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งไทย-กัมพูชา แต่ยังมีคนไทยในประเทศ เช่น กลุ่มพันธมิตรฯ เรียกร้องให้เราสู้กับกัมพูชา ดังนั้น จึงขอเรียกร้องความสามัคคีของคนในประเทศ ขอให้เป็นเอกภาพ โดยให้มั่นใจว่า นายกฯ จะเป็นผู้นำที่จะช่วยให้คนไทยรักษาอธิปไตยแผ่นดินของชาติ นอกจากนี้ ทางพรรคยังเห็นว่า ขณะนี้มีหลายฝ่ายพูดถึงเอ็มโอยู 43 โดยหลายฝ่ายเรียกร้องให้มีการยกเลิกโดยยังไม่เคยอ่านฉบับจริง ดังนั้น ทางพรรคได้โพสต์เอ็มโอยู 43 ฉบับเต็ม พร้อมกับการวิเคราะห์เป็นจุดๆ ลงในเว็บไซต์ของพรรค เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร จะได้ไม่ต้องฟังความฝ่ายเดียว
นายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร ส.ส.นครสวรรค์ ในฐานะโฆษกทีมเศรษฐกิจ แถลงถึงกรณี 3จีว่า มีการสงสัยว่าทำไมการทำสัญญาระหว่างบริษัท ทรู และ กสท ถึงไม่นำเรื่องเข้า ครม.นั้น อยากชี้แจงว่า การทำสัญญาระหว่างบริษัท ทรู และ กสท ไม่ใช่การทำสัมปทาน เพราะตัวคลื่นยังเป็นของ กสท แต่บริษัท ทรู ไปซื้ออุปกรณ์จากบริษัท ฮัทช์ แล้วมาปรับให้เป็นเทคโนโลยีใหม่ คือ เอชเอชพีเอ เพื่อมาให้บริการ เป็นการทำสัญญาระห่างบริษัทกับบริษัทเหมือนเป็นธุรกิจ นอกจากนี้ การทำสัญญาดังกล่าวทำให้ กสท มีรายได้เพิ่มขึ้น จากเดิม กสท และบริษัท ฮัทช์ ขาดทุนเกือบเดือนละ 2,000 ล้านบาท แค่ครั้งนี้ก็จะปรับใหม่ โดยจะเป็นนโยบายใหม่ของรัฐบาล ซึ่งจะทำให้ กสท มีรายได้จากการบริการประมาณ 32 เปอร์เซ็นต์โดยเฉลี่ย ดังนั้น การดำเนินการดังกล่าวจึงถือว่าเป็นประโยชน์ เพราะจะทำให้ประชาชนได้ใช้ 3จี เร็วขึ้น คือ ภายในเดือน มิ.ย.นี้ เป็นการลดภาระการขาดทุนของ กสท และได้เทคโนโลยีจากระบบซีดีเอ็มเอเป็นเอชเอชพีเอด้วย
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายวิทยา แก้วภราดัย ประธานวิปรัฐบาล ได้ประเมินสถานการณ์การลงมติร่างรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ในวันที่ 11 ก.พ.ว่า จากเวทีที่กลุ่มพันธมิตรฯ อาจจะเคลื่อนมาปิดล้อมรัฐสภาในวันดังกล่าว ขณะนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว ซึ่งคาดว่าจะพากันไปบริจาคของให้กับประชาชนที่ จ.ศรีสะเกษ ที่มีการปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา จึงไม่น่าวิตกอะไร ส่วนจำนวนเสียงในการลงมตินั้น นายวิทยาได้นำรายชื่อของพรรคร่วมรัฐบาล และ ส.ว.ที่ลงมติงดออกเสียง หรือโหวตไม่เห็นชอบ รวมทั้งผู้ที่ขาดประชุมมาประกาศในที่ประชุม โดยแนะนำให้ ส.ส.ของพรรคได้ได้ไปทำความเข้าใจกับ ส.ว.54 คน ที่ไม่ได้มาลงคะแนน ว่า ขอให้ช่วยสนับสนุนร่าง ครม.ในสูตร 375+125 ทั้งนี้ ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้มีการซื้อเสียง ส.ว.จึงอยากให้ผู้พูดเรื่องดังกล่าวออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วย เพราะถือเป็นการพูดแบบโยนหินถามทาง
