สภาสูงผ่านร่าง พ.ร.บ.บึงกาฬ - พ.ร.บ.ตำรวจและเงินประจำตำแหน่ง

วุฒิสภา ผ่านร่าง พ.ร.บ.ตั้งจังหวัดบึงกาฬ วาระ 3 ด้วยคะแนน 70 ต่อ 22 เสียง งดออกเสียง 3 - ผ่านร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ และร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง ในวาระ 3

วันนี้ (7 ก.พ.) ที่รัฐสภา ที่ประชุมวุฒิสภา ได้มีมติเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ พ.ศ..... ที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จในวาระ 3 ด้วยคะแนนเสียง 70 ต่อ 22 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง โดยเป็นไปตามของสภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมาธิการไม่มีการแก้ไขในวาระที่ 2 ทั้งนี้ ก่อนการลงมติ นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา อภิปรายท้วงติงว่า อยากให้ร่าง พ.ร.บ.ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 90 วัน ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจการนุเบกษาตามร่างเดิมของ ครม.แทนที่จะมีผลนับแต่วันที่ประกาศ เพราะกฎหมายฉบับนี้มีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมการปกครอง, คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ฯลฯ ที่ต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับกฎหมาย และยังไม่มีเหตุผลพิเศษที่การจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ จะมีความพร้อมในทันที นอกจากนี้ ส.ว.บึงกาฬ อาจจะมีปัญหา เพราะการตั้งจังหวัดอาจมีหลังการสรรหา ส.ว.สรรหาชุดใหม่แล้ว ซึ่งอาจทำให้การเลือก ส.ว.บึงกาฬ ล่าช้าไปอีก

ด้าน น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ กล่าวว่า การพิจารณากฎหมายดูจะเป็นการเร่งรีบเกินเหตุในการตรากฎหมาย ตนไม่เห็นด้วย เข้าใจว่า นักการเมืองต้องการให้มีจังหวัดเพิ่มขึ้นเพื่อการมีข้าราชการ มีจังหวัด มี ส.ส.เพิ่มขึ้น แต่การเพิ่มไม่ได้คำนึงถึงภาระทางงบประมาณ หากการจะมี จ.บึงกาฬ แล้วเร่งรีบ เพื่อประโยชน์อื่นถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ โดยเฉพาะปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีความไม่แน่นอน ว่า จำนวน ส.ส.เขตจะออกมาอย่างไร และขอตั้งข้อสังเกตในการเร่งรัดพิจารณากฎหมายเพื่อให้ทันกับการสรรหา ส.ว.สรรหาชุดใหม่ซึ่งจะมีผลต่อการลดจำนวน ส.ว.สรรหา เพิ่มจำนวน ส.ว.เลือกตั้ง

นายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา กล่าวว่า การออกกฎหมายไม่ควรเร่งกระบวนการโดยคำนึงถึงแต่จำนวน ส.ส.การเขียนกฎหมายให้มีผลบังคับใช้เร่งด่วนหมายความว่ามีการเตรียมคนไว้สำหรับการเป็น ส.ส.แล้ว หากเราเร่งด่วนโดยไม่เตรียมการสำหรับหน่วยงานที่ต้องบริการประชาชน หรือการทำธุรกรรมต่างๆ ของประชาชนจะเกิดความโกลาหลอย่างแน่นอน อย่าห่วงว่าเร่งเพราะกลัวจะมีปัญหากับการเลือก ส.ว.เพราะ ส.ว.ไม่ใช่คนใช้กฎหมาย การเร่งกฎหมายย่อมหมายความถึงการเร่งกระบวนการประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา ถือเป็นการกระทำที่ไม่บังควร

ขณะที่วุฒิสภาได้มีการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ฉบับที่ พ.ศ.... และร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง ฉบับที่ พ.ศ.... ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.พิจารณาเสร็จแล้ว มีสาระสำคัญคือ การขึ้นค่าตอบแทนเพิ่มเติมให้กับข้าราชการตำรวจโดยเฉพาะชั้นประทวนจากเพดาน เดิม 22,500 บาท มีการปรับขึ้นใหม่เป็น 33,450 บาท โดยให้เหตุผลว่าเพื่อความเหมาะสมตามสภาวะเศรษฐกิจ และกำหนดให้มีผลย้อนหลังถึงเดือน ต.ค.2553 ซึ่งจะมีผลให้ตำรวจชั้นนายดาบทั่วประเทศ 30,000 คน ขณะนี้ได้รับเงินเดือนเพิ่ม ทั้งนี้ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม.และ นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา อภิปรายท้วงติงว่า ไม่เห็นด้วยกับการเสนอกฎหมายให้ผลย้อนหลัง จะกลายเป็นบรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้อง การปรับขึ้นเงินเดือนควรจะมองภาพรวมทั้งระบบให้พร้อมๆ กัน ขณะที่กรรมาธิการ ชี้แจงว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวเสนอเข้ามาพร้อมกับการปรับขึ้นเงินเดือนของหน่วยราชการอื่น แต่ปรากฏว่าเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาล่าช้ากว่าฉบับอื่น ดังนั้น จึงต้องปรับให้เท่ากับหน่วยราชการอื่นที่ได้ขึ้นเงินเดือนไปแล้ว ในที่สุดที่ประชุมลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ เป็นเอกฉันท์ในวาระ 3 ด้วยคะแนน 114 เสียง และด้วยคะแนน 119 ต่อ 3 เสียง ตามลำดับ