ส.ว.3 กลุ่มยื่นขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 161 ของรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมือง และเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา วันนี้ (7 ก.พ.) กลุ่ม 40 ส.ว. นำโดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี นายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง ร่วมกันแถลงข่าวเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภาให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาความสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 และขอให้มาตอบญัตติดังกล่าวตามที่ได้มีสมาชิกวุฒิสภาได้ยื่นเสนอญัตติต่อประธานวุฒิสภาไปแล้ว
นายคำนูณกล่าวว่า ขณะนี้ทราบมาว่าได้มีญัตติในการขอเปิดอภิปรายรัฐบาล ตามมาตรา 161 จำนวน 3 ญัตติ คือ ญัตติของกลุ่ม 40 ส.ว. ญัตติของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา และญัตติของนายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.อุทัยธานี ซึ่งสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้มีการปะทะกันของทหารไทยกับกัมพูชา 4-5 ครั้ง ภายใน 3-4 วัน รัฐบาลควรจะใช้เวทีของวุฒิสภาเพื่อรับฟังความเห็นทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล เพื่อเป็นข้อเสนอแนะและประโยชน์ในการทำงานต่อไป ซึ่งทางกลุ่ม 40 ส.ว.จะได้สอบถามใน 3 เรื่องหลัก คือ 1.ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา 2.การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ 3.แนวทางการปฏิรูปประเทศที่จะมีผลเป็นรูปธรรม
น.ส.สุมลกล่าวว่า กลุ่ม 40 ส.ว.ไม่มีหน้าที่มาล้มรัฐบาล แต่เป็นหน้าที่ที่จะต้องตรวจสอบการทำงาน วันนี้ถึงเวลาที่ต้องเปิดอภิปรายรัฐบาล ตามมาตรา 161 เพราะในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี วุฒิสภาก็มีการเปิดอภิปรายเพราะสถานการณ์รุนแรง แต่วันนี้สถานการณ์รุนแรงยิ่งกว่า ทั้งปัญหาตามชายแดน ปัญหาเศรษฐกิจ เป็นยุคข้าวยากหมากแพงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน ปัญหาความไม่โปร่งใสที่รุมเร้า ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลสนใจญัตติของ ส.ว.ด้วย
ขณะเดียวกัน นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.อุทัยธานี พร้อมคณะร่วมลงชื่อจำนวน 51 คนได้ยื่นหนังสือต่อ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ขอให้เปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 161
นายสิงห์ชัยกล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ของประเทศกำลังประสบวิกฤติที่ไม่เป็นปกติ มีการแตกแยกทางความคิดออกเป็นฝักเป็นฝ่าย มีการชุมนุมประท้วงเพื่อผลประโยชน์ของบุคคลบางกลุ่มทำให้เกิดความสับสน ตื่นตระหนกต่อประชาชน ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง และความเป็นเอกภาพของคนในชาติโดยรวม รวมถึงความขัดแย้งเรื่องการทับซ้อนของเขตแดน การรุกล้ำและยึดพื้นที่ที่เชื่อว่าเป็นพื้นที่ของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ทั้งนี้ สภาวการณ์ต่างๆ มีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ดังนั้นทุกฝ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการพิจารณาหามาตรการ หรือนโยบายแก้ไขวิกฤตดังกล่าวให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน
นายสิงห์ชัยกล่าวต่อว่า รัฐบาลจะต้องดูแลประชาชนทั่วประเทศ ตราบใดที่บ้านเมืองยังไม่เป็นเอกภาพ เราในฐานะฝ่ายบริหารจึงขอยื่นอภิปรายรัฐบาล และขอย้ำว่าเราไม่มีเจตาต้องการทำลายรัฐบาล แต่รัฐบาลต้องอยู่เป็นรัฐบาลและต้องบริหารประเทศต่อไป
ด้าน นายประสพสุขกล่าวว่า ตนจะรับเรื่องดังกล่าวไปดำเนินการ โดยจะประสานไปยังนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีผู้ขอยื่นมาแล้ว 2 ญัตติที่มีแนวทางเดียวกัน ดังนั้น ตนจะยื่นต่อรัฐบาลเพื่อขอเปิดอภิปรายในวันเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การอภิปรายดังกล่าวจะกระทบกับ ส.ว.สรรหา ที่กำลังจะหมดวาระในสัปดาห์หน้าหรือไม่ นายประสพสุขกล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะ ส.ว.ที่เหลืออยู่สามารถทำงานต่อไปได้ แม้ ส.ว.สรรหาจะหมดวาระแล้วก็ตาม อีกทั้ง ส.ว.ส่วนใหญ่ที่ลงชื่อเพื่อเปิดอภิปรายรัฐบาลส่วนใหญ่เป็น ส.ว.เลือกตั้ง จึงไม่น่ามีปัญหาอะไร
