“สนธิ” ไล่ “ประยุทธ์” ไปเล่นลิเก เป็นทหารแล้วไม่คิดปกป้องดินแดน มัวแต่ซูฮกนักการเมืองโกง ไม่เลือกข้างประชาชนและราชบัลลังก์ ชี้ดีเอ็นเอไม่ต่างจาก “อนุพงษ์” จิตใจขี้ขลาด ศักยภาพกองทัพไทยเหนือกว่าหลายเท่า ยังบอกอาวุธล้าหลังกว่าเขมร ยังไม่สู้ก็ยอมแพ้แล้ว ถ้าอย่างนี้มีทหาร 3 แสนก็เหมือนไม่มีสักคน ย้ำไม่ให้โอกาส ผบ.ทบ.คนนี้อีกต่อไป
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายสนธิ ลิ้มทองกุล”
เมื่อเวลา 20.55 น. วันนี้ (5 ก.พ.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ระหว่างการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน โดยได้พูดถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทการบก (ผบ.ทบ.) ว่า ตนเคยคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นบทใหม่ของกองทัพไทย ไม่เหมือน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. แต่พอผ่านไปไม่ถึง 6 เดือน ก็เริ่มลายออกเหมือน พล.อ.อนุพงษ์
นายสนธิกล่าวต่อว่า ตนอยากจะถาม พล.อ.ประยุทธ์ว่า ระหว่างประเทศชาติประชาชนกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์จะเลือกใคร แต่ดูเหมือนตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์จะเลือก พล.อ.ประวิตรที่เป็นเจ้านาย ไม่เลือกชาติบ้านเมือง นึกไม่ถึงว่าคนอย่าง ผบ.ทบ.จะหลุดคำพูดออกมาว่า อยากรบก็ไปรบเองสิ พูดอย่างนี้มาเป็นทหารทำไม ถ้าเป็นทหารแล้วไม่กล้าปกป้องดินแดนไทยก็ไปเล่นลิเกดีกว่า
นายสนธิกล่าวอีกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีรับสั่งมาตั้งนานแล้วว่า ใครมีหน้าที่อย่างไรก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด หน้าที่ของ ผบ.ทบ.คือปกป้องชาติบ้านเมือง มาพูดได้อย่างไรว่า ลองดูปืนใหญ่ เขายิงข้ามหัวไปมา
“ผมลองมาแล้ว 200 นัด แล้วคนที่ยิงผมก็พวกคุณนั่นแหละ คุณก็รู้ว่าใครยิงผม เห็นกันอยู่ใกล้ๆ คุณนั่นเอง ทหารที่ถูกออกหมายจับ ก็คุณไม่ใช่เหรอที่เซ็นคำสั่งย้ายเขาออกจากหน่วยก่อนที่จะยิงผม”
นายสนธิกล่าวต่อว่า วันนี้ พล.อ.ประวิตร ไม่ใช่ทหารอีกต่อไป แต่เป็นทหารนักการเมือง เป็นรัฐมนตรีกลาโหมในโควตาประชาธิปัตย์ ถึงเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องเลือก ระหว่างประชาช ประเทศชาติ ราชบัลลังก์ กับนักการเมืองอย่าง พล.อ.ประวิตร ที่จริง พล.อ.ประยุทธ์น่าจะเลือกได้ง่าย เพราะที่เติบโตในราชการมาจนทุกวันนี้ หาใช่เพราะ พล.อ.ประวิตร แต่เป็นราชบัลลังก์ที่สนับนุนเขามาโดยตลอด แล้ววันนี้มาพูดถึงความขัดแย้งพรมแดนเหมือนพระเอกลิเก ราชบัลลังก์ที่หวังว่าคุณจะปกป้องประเทศจะไว้ใจคุณในการปกป้องประเทศได้หรือเปล่า
ไม่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ทนได้อย่างไรที่ไปรับใช้นักการเมืองชั่วๆ ไม่รู้สึกอยากอาเจียนหรือ เวลาไปเดินตามนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นักการเมืองพวกนั้นเคยทำประโยชน์อะไรให้ชาติบ้านเมืองบ้าง นอกจากโกงกิน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ยังไปสมคบ เอาอกใจมัน บ้านเมืองเสียหายก็เพราะนักการเมืองที่ ผบ.ทบ.ไปซูฮก เหมือน พล.อ.อนุพงษ์เคยซูฮก
“ทำไมบ้านเมืองมันชอกช้ำอย่างนี้หมด พล.อ.อนุพงษ์ ผมนึกว่าบ้านเมืองจะหมดกรรมหมดเวร อ้าว...กรรมเวรตัวใหม่มาอีกแล้ว คุณพูดว่าจะให้ทหารไปรบกับเขาอยากถามว่าทหารไม่มีเลือดเนื้อหรือไง แล้วประชาชนที่โดนตำรวจยิงตายวันที่ 7 ตุลา ไม่มีเลือดเนื้อหรือไร”
กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์บอกว่า เขมรมีรถเกราะรถถัง มีอาวุธที่ทันสมัยกว่าเรามาก วันนี้เราล้าหลังเขาเรื่องความทันสมัย หากเทียบกับจำนวนกำลังของทหารไทยเราก็แข็งแรง แต่ถ้าเทียบอาวุธยุทโธปกรณ์ เราจะทำอย่าไร นายสนธิกล่าวว่า ยังไม่ทันขึ้นชก ก็ยอมแพ้เสียแล้ว ทั้งที่กองทัพไทยมีแสนยานุภาพเหนือกว่า มีเรามีทหาร 3 แสนกว่านาย ยุทโธปกรณ์ทันสมัยกว่ามากมาย กัมพูชามีทหาร 1 แสนกว่านาย เป็นทหารบก 5-6 หมื่นนาย แต่ปัญหาของกองทัพไทยคือมีทหาร 3 แสนนาย แต่ความที่มีนายที่ใจขี้ขลาด ทำให้กองทัพไทยเหมือนไม่มีทหารเลยแม้แต่นายเดียว
นายสนธิกล่าวอีกว่า กองทัพไทยมีรถถังหลัก เอ็ม 60 เอ1/เอ3 จำนวน 178 คัน เอ็ม48เอ5 จำนวน 105 คัน รถถังจีน6911 กว่า 50 คัน รถถังเบาสติงเรย์ 106 คัน วอล์เกอร์บูลด็อก 206 คัน รถถังเบาสคอร์เปียน 154 คัน แล้วบอกว่ากองทัพไทยไม่มีอาวุธได้อย่างไร ไม่ทันไรก็เริ่มด้วยการไม่ยอมสู้
“แล้วมาบอกว่าทหารก็มีเลือดเนื้อ มีพ่อมีแม่ คุณลืมแล้วหรือว่าคุณมีบทบาทอะไร คุณไม่ใช่นักการเมืองอย่างสุเทพ เทือกสุบรรณ คุณไม่ใช่ทหารนักการเมืองอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คุณยังอวดอ้างเลยคุณเป็นทหารเสือราชินี”
นายสนธิกล่าวต่อว่า กองทัพอากาศเราเหนือกว่ากัมพูชาไม่รู้กี่เท่า กองทัพเรือก็มีเยอะแยะไปหมด เรามีทุกอย่าง ขาดอย่างเดียวคือทหารที่มีใจที่รักชาติ นั่นเพราะมันมีทหารที่เห็นแก่ผลประโยชน์จากการได้เงินค่าคุ้มครองบ่อนการพนันตามแนวชายแดน มีโควตาส่งนำ้มันไปเขมร บางคนก็มีภรรยาที่ส่งของไปขายให้ชุมชนชาวกัมพูชาที่บุกรุกเข้ามาอยู่ในดินแดนไทย ที่เราเสียดินแดนก็เพราะทหารชั่วๆ ที่ทำมาหากิน เอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง
นายสนธิกล่าวว่า ทหารคือเสาหลักที่จะค้ำยันประเเทศ แต่พอคนไทย 7 คนถูกจับ พล.อ.ประวิตร เจ้านายของ พล.อ.ประยุทธ์กลับบอกว่า ถูกจับอยู่ในกัมพูชา ทั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ก็รู้ว่าอยู่ในเขตไทย พื้นที่ 4.6 ตร.กม.รอบปราสาทพระวิหารก็รู้ว่าเป็นของไทย แล้วเขมรก็ยิงเข้ามาในดินแดนของไทย ยิงเสร็จก็บอกขอเจรจา แล้วคนยิงก็ยืนอยู่ในพื้นที่ดินแดนไทย แล้วทำไม พล.อ.ประยุทธ์จึงมัวไปสนใจแต่ พล.อ.ประวิตร ก็เพราะเป็นเจ้านาย
นายสนธิกล่าวอีกว่า การเสียดินแดนในรัชกาลนี้จะสร้างความปวดร้าวให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแค่ไหน ไม่รู้เชียวหรือว่าทหารที่ค้าขายตามแนวชายแดนทำให้ทหารไม่ปกป้องดินแดน นั่นคือสาเหตุการล่มสลายของบ้านเมืองและราชบัลลังก์ พล.อ.ประยุทธ์บอกใครหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเขาจะจัดการ แต่นี่คือการหมิ่นฯ และรุนแรงกว่า เพราะนี่คือการทำลายเนื้อหาสาระของการเป็นทหาร ทหารที่ค้าขายกับเขมรแล้วไม่โดนลงโทษ อีกหน่อยก็จะมีการเลียนแบบบ้าง แล้วในที่สุดก็จะไม่มีทหาร จะให้พันธมิตรฯ ออกมาปกป้องบ้านเมืองแทนหรือไร
นายสนธิกล่าวว่า ที่ พล.อ.ประยุทธ์บอกว่างบฯ ทหารเรามีน้อยนั้น ไม่น้อยแน่นอน ในอาเซียนเราน้อยกว่าเวียดนามเท่านั้น และจำนวนเงินงบประมาณก็ไม่น้อย แต่มีการเอาเงินไปซื้ออาวุธที่ไม่มีประสิทธิภาพ เพื่อเอาเงินส่วนที่เหลือเข้ากระเป๋า ถึงได้อาวุธมาน้อย
“ผมให้โอกาสคุณ เหมือนที่เคยให้โอกาสนายอภิสิทธิ์ แต่ตอนนี้ให้โอกาสอีกไม่ได้แล้ว คุณพูดว่า เรายังไม่เสียดินแดน แต่เมื่อก่อนทหารเราเข้าไปอยู๋ใน 4.6 ตารางกิโลเมตรได้ แต่ตอนนี้เข้าไปอยู่ไมได้ แล้วยังไม่เสียได้ยังไง คุณอยู่ใกล้นักการเมืองมากเกินไป จนโกหกเหมือนนักการเมืองไปแล้ว คุณไม่รู้หรือ นักการเมืองที่คุณคบหาอยู่นั้นเป็นพวกกินบ้านกินเมือง นำเข้าน้ำมันปาล์มก็มัน โครงการแสนล้านโกงบ้านโกงเมืองก็มัน คุณยังไปยืนกุมเป้ารับใช้มันอยู่เหมือนเดิม”
นายสนธิย้ำว่า ทหารมีหน้าที่ป้องกันประพเทศ ถ้าเราถูกรุกราน แล้วต้องรบก็รบ เพราะเป็นหน้าที่ของทหาร อย่ามาพูดว่าทหารก็มีเลือดเนื้อมีพ่อมีแม่ ถ้าอย่างนั้น ทำไมไม่ลาออกจากผู้บัญชาการทหารบก เป็นไปทำไม
“นักการเมืองชั่วๆ มันดูแลคุณไหม คุณเอาทหารไปไล่พวกเสื้อแดง มันก็ให้ดีเอสไอมาสอบลูกน้องคุณหาว่าพวกคุณยิงคนเสื้อแดง แล้วคุณพูดได้ไงว่าอึดอัดใจ หน้าที่ป้องกันชาติบ้านเมืองต้องมาก่อน พวกนักการเมืองต้องเอาไว้ทีหลัง คุณยิ่งพูด ยิ่งส่อแววว่าดีเอ็นเอคุณกับ พล.อ.อนุพงษ์ช่างเหมือนกันเหลือเกิน” นายสนธิกล่าว