xs
xsm
sm
md
lg

“ฮอร์ นัมฮง” ส่ง จม.ด่วนฟ้อง UNSC ชี้ไทยถล่มปราสาทพระวิหารเสียหาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จดหมายที่นายฮอร์ นัมฮง ส่งถึง UNSC
เว็บไซต์ฟิฟทีนมูฟ เผยแพร่จดหมายด่วนที่ “ฮอร์นัมฮง” ส่งถึงคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ (UNSC) ระบุไทยใช้อาวุธหนักสร้างความเสียหายต่อพลเรือน และปราสาทพระวิหาร

เว็บไซต์ฟิฟทีนมูฟ ได้เผยแพร่จดหมายที่นายฮอร์นัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ส่งเป็นการด่วนถึงคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ (UNSC) และให้ส่งเวียนต่อไปถึงประเทศสมาชิกมนตรีความมั่นคงด้วย โดยเน้นว่าไทยได้รุกรานดินแดนของกัมพูชา ได้ใช้อาวุธหนักทำความเสียหายให้กับพลเรือน และปราสาทพระวิหาร ดังนี้

ฟิฟทีนมูฟ - ฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศเขมร ส่งจดหมายด่วนถึงมนตรีความมั่นคงยูเอ็น รื้อหนังสือเดิม 8 ส.ค. 53 ร้องเรียนไทยรุกราน บุกรุกและโจมตีกัมพูชา 3 จุด ทำความเสียหายกับพลเรือนและปราสาทพระวิหารเมื่อ 4 ก.พ. และไทยตื่นแต่เช้ามืดยิงปืนใหญ่เข้าใส่ภูมะเขือ 5 ก.พ. ยกศาลโลก กฎบัตรยูเอ็น และข้อตกลงอาเซียนขึ้นอ้าง ลากยาวถึงข้อตกลงสันติภาพปารีส ขอให้ส่งหนังสือเวียนถึงทุกประเทศสมาชิกมนตรีความมั่นคง

หนังสือร้องเรียนของนายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ถึงคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2554 กรณีการปะทะกับทหารไทยเมื่อวันที่ 4 และ 5 กุมภาพันธ์ 2554

นายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ส่งหนังสือร้องเรียนถึงคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2554 กรณีการปะทะกับทหารไทยเมื่อวันที่ 4 และ 5 กุมภาพันธ์ 2554 ด้วยความเร่งรีบพิมพ์ข้อ 3.ซ้ำสองครั้ง ฟิฟทีนมูฟแปลเรียบเรียงตรงตัว ดังนี้

——————–

อ้างถึงหนังสือลงวันที่ 8 สิงหาคม 2010 ของสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ส่งถึง ฯพณฯ วิตาลี เชอร์กิน 1 ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และ ฯพณฯ อาลี อับดุสซาลาม เตรกี 2 ประธานสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ในปี ค.ศ. 2010 กระผมใคร่จะนำความสนใจของท่านมายังสถานการณ์ปะทุที่ชายแดนระหว่างราชอาณาจักรกัมพูชาและราชอาณาจักรไทย ดังนี้:

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2011 ระหว่างเวลา 15.00 น. ถึง 17.00 น. ทหารไทยประมาณ 300 นาย ได้เข้ามายังดินแดนกัมพูชาและโจมตีทหารกัมพูชา 3 จุด คือ ขะมุม ตั้งอยู่ห่างบันไดปราสาทพระวิหาร 500 เมตร พื้นที่คานม้า และภูมะเขือ ตั้งอยู่จากเส้นเขตแดนเข้ามาในแผ่นดินกัมพูชา 1,120 เมตร และ 1,600 เมตร ตามลำดับ การรุกรานโดยทหารไทยนี้ ตามด้วยการยิงกระสุนปืนใหญ่ขนาด 130 มม. และ 155 มม. ลึกเข้ามาในดินแดนกัมพูชาประมาณ 20 กิโลเมตร การโจมตีเป็นผลให้เกิดความเสียหายรุนแรงจำนวนมากต่อปราสาทพระวิหาร มรดกโลก เช่นเดียวกับการเสียชีวิตและบาดเจ็บของทหารกัมพูชาและชาวบ้านกว่าสิบราย

อีกครั้ง ในเช้าวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 06.30 น. กำลังทหารไทยได้ยิงกระสุนปืนใหญ่ขนาด 105 มม. จำนวนหนึ่งที่ภูมะเขือ เป็นเวลาประมาณ 20 นาที

เผชิญหน้ากับการรุกรานอย่างโจ่งแจ้งนี้ ทหารกัมพูชาไม่มีทางเลือก แต่ต้องตอบโต้ป้องกันตนเองและภายใต้คำสั่งให้ปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน

ให้กระผมได้ย้อนเตือนความจำว่าประเทศไทยได้กระทำการรุกรานต่อกัมพูชาในสามโอกาสก่อนหน้า กล่าวคือ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2008 วันที่ 15 ตุลาคม 2008 และ วันที่ 3 เมษายน 2009 ในพื้นที่วัดแก้วสิกขาครีรีสวาระ ช่องคานม้า ภูมะเขือ และตาเส็ม ทั้งหมดนี้อยู่ในบริเวณใกล้เคียงปราสาทพระวิหาร การรุกรานด้วยอาวุธเป็นผลให้เกิดความเสียหายต่อมนุษย์ เช่นเดียวกับความเสียหายต่อทรัพย์สิน โดยเฉพาะต่อปราสาทพระวิหารซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2008

การรุกรานซ้ำต่อกัมพูชาโดยประเทศไทยได้ละเมิดเครื่องมือทางกฎหมายดังต่อไปนี้ :

1. ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เมื่อ 15 มิถุนายน 1962
2. ข้อ 2.3, 2.4 และ 94.1 ของกฎบัตรสหประชาชาติ
3. สนธิสัญญาทางไมตรีและความร่วมมือ 3 (TAC) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ข้อ 2 ซึ่งกัมพูชาและประเทศไทยเป็นภาคี มีดังนี้ :
-มีความเคารพต่อกันในความเป็นเอกราช อธิปไตย ความเท่าเทียม บูรณภาพแห่งดินแดนและเอกลักษณ์ของชาติของทุกชาติ
-ยุติความแตกต่างและข้อพิพาทด้วยสันติวิธี
-สละสิทธิที่จะคุกคามหรือใช้กำลัง
3. ข้อตกลงซึ่งคำนึงต่ออธิปไตย ความเป็นเอกราช บูรณภาพแห่งดินแดน การไม่อาจล่วงล้ำ ความเป็นกลาง ความเป็นเอกภาพของชาติของกัมพูชา ข้อ 2.2c, 2.2d ของข้อตกลงสันติภาพปารีส ในปี ค.ศ.1991

ต่อการรุกรานซ้ำที่ครึกโครมโดยประเทศไทยนี้ กระผมจะพึงใจอย่างสูงหาก ฯพณฯ จะนำเวียนหนังสือนี้ไปยังทุกชาติสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นแห่งสหประชาชาติในฐานะเอกสารอย่างเป็นทางการ

ฯพณฯ โปรดรับ เป็นหลักประกันต่อการความวิตกกังวลอย่างสูงสุดของกระผมและด้วยความเคารพ

ฮอร์ นัมฮง
กำลังโหลดความคิดเห็น