xs
xsm
sm
md
lg

กต.เขมรออกแถลงการณ์ใส่ร้ายไทยรุกรานโจมตีก่อน อ้างปกป้องตัวเอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ฟิฟทีนมูฟ” เผยแพร่แถลงการณ์กต.กัมพูชา อ้างทหารไทย 300 นายรุกล้ำแดนเขมรในพื้นที่ใกล้เขาพระวิหาร แถมบอกเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงปืนใหญ่เข้ามาในดินแดนลึกกว่า 20 กม. ทำเขาพระวิหารเสียหาย ทหาร-พลเรือนเสียชีวิต ยันไม่มีทางเลือกต้องปกป้องตนเอง พร้อมกล่าวหา “อภิสิทธิ์” กระหายสงคราม



วันนี้ (5 ก.พ.) เว็บไซต์ฟิฟทีนมูฟ เผยแพร่แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศเขมร ที่ออกมาชี้แจงเมื่อวานนี้ (4 ก.พ.) หลังเกิดเหตุทหารของสองฝ่ายปะทะกัน โดยแถลงการณ์ อ้างว่า ทหารไทย 300 นายล่วงล้ำดินแดนเขมร 3 จุด ที่จุดขะมุม ช่องคานม้าและภูมะเขือ ทั้งยังเปิดฉากยิงปืนใหญ่ลึกเข้าไปในดินแดนเขมร 20 กม. ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงกับปราสาทพระวิหาร ทหารและพลเรือนเสียชีวิตกว่าสิบราย ทั้งยังระบุอีกว่า การรุกรานแบบโจ่งแจ้งครั้งนี้ ทำให้เขมรไม่มีทางเลือกนอกจากป้องกันตนเอง นอกจากนี้แถลงการณ์ยังระบุว่า นายกรัฐมนตรีไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เรียกร้องให้ปลดธงออกจากวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ โดยเป็นการระรานกระหายสงคราม พร้อมปิดท้ายบอกจริงใจหาทางออกสันติกับไทย แต่ตบท้ายเลี่ยงบาลีบังคับให้ใช้แผนที่ 1:200,000

กระทรวงการต่างประเทศออกแถลงการณ์ด่วน ถึงขนาดพิมพ์ย่อหน้าผิด เว็บไซต์ฟิฟทีนมูฟแปลและเรียบเรียงตรงตัว ดังนี้
——————–
แถลงการณ์ กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ

เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๑ ระหว่างเวลา ๑๕.๐๐ น. ถึง ๑๗.๐๐ น. ทหารไทยประมาณ ๓๐๐ นาย ได้เข้ามายังดินแดนกัมพูชาและโจมตีทหารกัมพูชา ๓ จุด ชื่อ ขะมุม 1 ตั้งอยู่ห่างบันไดปราสาทพระวิหาร ๕๐๐ เมตร พื้นที่คานม้า 2 และภูมะเขือ 3 ตั้งอยู่จากเส้นเขตแดนเข้ามาในแผ่นดินกัมพูชา ๑,๑๒๐ เมตร และ ๑,๖๐๐ เมตร ตามลำดับ การรุกรานโดยทหารไทยนี้ ตามด้วยการยิงกระสุนปืนใหญ่ขนาด ๑๓๐ มม. และ ๑๕๕ มม. ลึกเข้ามาในดินแดนกัมพูชาประมาณ ๒๐ กิโลเมตร การโจมตีเป็นผลให้เกิดความเสียหายรุนแรงจำนวนมาจากต่อปราสาทพระวิหารมรดกโลก เช่นเดียวกับการเสียชีวิตและบาดเจ็บของทหารกัมพูชาและชาวบ้านกว่าสิบราย

เผชิญหน้ากับการรุกรานอย่างโจ่งแจ้งนี้ ทหารกัมพูชาไม่มีทางเลือก แต่ต้องตอบโต้ป้องกันตนเองและภายใต้คำสั่งให้ปกป้องอธิปไตยและบูรภาพแห่งดิน แดน

การรุกรานนี้ยืนยันการสร้างเหตุแห่งสงครามของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ของประเทศไทย ซึ่งเรียกร้องเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๐๑๑ ว่ากัมพูชาต้องปลดธงออกจากวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระของกัมพูชา และประกาศเมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๔ ว่า “การใช้กำลังเป็นทางเลือกสุดท้าย….รัฐบาลไม่กลัวที่จะทำสงครามกับกัมพูชา” คำแถลงทำขี้นคู่ขนานกับการซ้อมรบของทหารไทยด้วยปืนใหญ่ที่ชายแดนประชิด กัมพูชา ทั้งหมดนี้ตัดสินความก้าวร้าวของนายกรัฐมนตรีประเทศไทย

พึงระลึกว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ ๔ กุมพาพันธ์ ๒๕๕๔ ฯพณฯ นายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือ ระหว่างประเทศ ได้แนะนำกับ ฯพณฯ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศไทย ที่ การประชุมคณะกรรมการร่วมความร่วมมือทวิภาคี ครั้งที่ ๗ ว่า ทั้งสองประเทศควรแก้ปัญหาพรมแดนโดยเฉพาะพื้นที่ปราสาทพระวิหารที่ศาล ยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือองค์กรระหว่างประเทศอื่นใด หากการทำความตกลงไม่สามารถเป็นไปได้ผ่านช่องทางทวิภาคี

กัมพูชาดำเนินการอย่างจริงใจในการที่จะหาทางออกที่สันติกับประเทศไทยต่อการ จัดทำหลักเขตแดนตามเอกสารตามกฎหมายที่มีอยู่ซึ่งทั้งสองประเทศจะต้องปฏิบัติ ตาม อย่างไรก็ตาม กัมพูชารักษาสิทธิตามกฎหมายที่จะปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน

พนมเปญ 4 กุมภาพันธ์ 2011




กำลังโหลดความคิดเห็น