“มาร์ค” ยกกรณีวิกิลีกส์ภัยต่อความมั่นคง ย้ำยุคโลกไซเบอร์ข้อมูลสารหน่วยงานราชการต้องปกปิดข้อมูลความมั่นคง ชี้ 13 ปีประกาศใช้ กม.ข้อมูลข่าวสาร หลายหน่วยงานยังไม่ปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ยังมีทัศนคติที่ไม่สอดคล้อง ปรับระบบจัดซื้อจัดจ้างสกัดปัญหาการทุจริต
วันนี้ (4 ก.พ.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดสัมมนา และปาฐกถาพิเศษในการสัมมนาทางวิชาการในโอกาสครบรอบ 13 ปี ของการประกาศใช้พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 พร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณหน่วยงานต้นแบบที่ตึกสันติไมตรี โดยนายกฯ ได้กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า ตนมีความผูกพันกับกฎหมายนี้โดยเป็นการส่วนตัว เพราะตั้งแต่มาเป็น ส.ส.เมื่อปี 35 ได้ผลักดันกฎหมายฉบับนี้ตั้งแต่แรก ผ่านไป 3 สมัย เลือกตั้งอีก 2 ครั้งก็ยังไม่สามารถผลักดันกฎหมายนี้ออกได้ จนเมื่อปี 39 ได้มีการผลักดันกฎหมายดังกล่าวควบคู่กับร่างรัฐบาล จนประกาศใช้กฎหมายนี้ได้เมื่อปี 40
นายกฯ กล่าวต่อว่า กฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายที่ตั้งใจที่จะยกระดับธรรมาภิบาลในการบริหารราชการแผ่นดินตามหลักปกครองตามระบอบประชาธิปไตย ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมบริการด้านต่างๆ โดยผ่านการตรวจสอบจากประชาชน รับผิดชอบต่อประชาชนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อให้เกิดความโปร่งใส เพื่อให้งานมีประสิทธิภาพ ตามเป้าหมายที่ต้องการเปิดให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูล แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหาร เปิดเผยข้อมูลเป็นหลัก ปกปิดข้อมูลที่ควรยกเว้น โดยมีการกำหนดไว้อย่างชัดเจน มีเหตุผลอ้างอิงตามกฎหมายได้ ในรอบ 13 ปีที่ได้มีการประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า แต่อย่างไรก็ตาม แม้กฎหมายฉบับนี้ประกาศใช้มา 13 ปีแล้ว แต่ยังมีหลายหน่วยงานยังไม่ปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ยังมีทัศนคติที่ไม่สอดคล้องกับกฎหมายฉบับนี้ ต้องแก้ไขในโอกาสต่อไป โดยมี 3 เรื่องที่ต้องปรับปรุง คือ 1.ตลอดระยะเวลา 13 ปีที่ผ่านมาเทคโนโลยีสารสนเทศมีความก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไปมาก มีช่องทางมากมาย ทั้งช่องทางโทรคมนาคม ธุรกิจสื่อสารมวลชน อินเทอร์เน็ต ซึ่งต้องมีการปรับไปตามสภาพแวดล้อมทางเทคโนโลยีให้ไปเป็นตามโลกปัจจุบัน
“ปรากฏการณ์เร็วๆ นี้ กรณีของเว็บไซต์วิกิลีกส์ก็เป็นตัวบ่งบอกว่า หน่วยราชการการปกปิดข้อมูล ไม่ควรที่จะมีการนำมาเผยแพร่ แต่โอกาสที่ข้อมูลที่จะถูกนำออกมาเผยแพร่โดยไม่พึ่งประสงค์ก็สามารถเกิดขึ้นได้ตลอด จึงต้องทำการทบทวนการเผยแพร่ข้อมูลไม่ให้กระทบต่อความมั่นคง ถือเป็นหลักประกันที่ดี การทำให้ประชาชนเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจถือเป็นปัจจัยสำคัญ หลายหน่วยงานมีประสบการณ์ตรง 2.การทุจริตหลายหน่วยงานกำลังเผชิญกับปัญหา ซึ่งต้องมีการแก้ไขข้อกล่าวหาเป็นจำนวนมาก ลดการทุจริตในหน่วยงานที่กำกับให้มากที่สุด ประชาชนสามารถเข้ามาตรวจสอบการทำงานโครงการของรัฐ มีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ ซึ่งรัฐบาลกำลังปรับปรุงการจัดซื้อจัดจ้างที่พบว่ามีการทุจริตกันมาก โดยอาศัยกลไกพื้นฐาน และการตรวจสอบจากประชาชน และ 3.การปฏิรูปสื่อทุกด้าน เมื่อรัฐบาลประกาศแผนปฎิรูปและปรองดอง ได้มีโอกาสกับสื่อมวลชน เร่งรัดกฎหมายจัดการคลื่นความถี่ การคุ้มครองวิชาชีพสื่อมวลชน ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีการเรียกร้องออกมา ซึ่งยังมีขีดจำกัดในการใช้กฎหมายเหล่านี้” นายกฯ กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในฐานะตนเป็นนักการเมือง เรามักพบความจริงบางครั้งเรารู้สึกว่าทำไมสื่อไม่เสนอข้อมูลตรงกับความเป็นจริง เพราะข้าราชการไม่อำนวยความสะดวกข้อมูลข่าวสาร อ้างเป็นข้อมูลทางราชการ ทำให้คลาดเคลื่อน อย่างไรก็ตามจะมีการปรับปรุงกฎระเบียบ แนวทางปฏิบัติทำให้กลไกกฎหมายมีอิสระ เป็นกลาง มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดความมั่นคงในการบริหารราชการแผ่นดิน