“มาร์ค” ปูดเอง พบทุจริตลงทะเบียนเกษตรกร ขู่ดำเนินคดีตามกฎหมายให้ข้อมูลเท็จ ยันรัฐบาลเดินหน้าโครงการประกันราคาสินค้าเกษตร ยาหอมคนอีสานขยายพื้นที่ปลูกยางพารา ชดเชยผู้ได้รับความเสียหายโครงการราษีไศล
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมทางไกลผ่านระบบ VDO Conference ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ อุบลราชธานี และหนองคาย เพื่อติดตามการปฏิบัติงานของหน่วยราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลที่เกี่ยวกับโครงการส่งเสริมการปลูกยางพาราโดยเริ่มตั้งแต่ตนได้เข้ามาบริหารประเทศ ราคายางพาราจะอยู่ประมาณ 30-40 บาท แต่ขณะนี้ราคายางพาราดีมากมีการปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 3-4 เท่า จึงทำให้ประชาชนจำนวนมากมีความสนใจในการที่จะปลูกยางพารา
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ซึ่งเรื่องนี้คณะรัฐมนตรีได้มีแนวทางที่ชัดเจนในการที่จะส่งเสริมการปลูกยางพาราในพื้นที่ใหม่ ระยะที่ 3 2554-2556 จำนวน 800,000 ไร่ ซึ่ง 500,000 ไร่ จะอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งนี้ในเรื่องของการปลูกยางพารานั้น รัฐบาลจะมีการให้การสนับสนุนในเรื่องของปัจจัยการผลิต ใน 3 ปีแรก เป็นเงิน 3,529 บาทต่อไร่ แบ่งจ่ายเป็นงวดๆ ตามหลักเกณฑ์ โดยผู้ที่เข้าร่วมโครงการต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสม เช่น ต้องมีที่ดินและเอกสารสิทธิเป็นของตนเอง โดยมีที่ดินของตนเองไม่น้อยกว่า 2 ไร่ และไม่เคยมีส่วนยางมาก่อน โดยจะให้ สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง หรือ สกย. ไปทำความเข้าใจกับประชาชน และรัฐบาลพร้อมเดินหน้าในการกระตุ้นให้นักลงทุนที่สนใจเข้ามาลงทุน ในเรื่องของการแปรรูปยางพารา และพยายามกระตุ้นให้นักลงทุนมีการเพิ่มมูลค่ามากขึ้นด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การจัดลำดับความสำคัญในแต่ละพื้น ต้องมีการดำเนินการให้เกิดความโปร่งใสและต้องมีความชัดเจนในการกำหนดหลักเกณฑ์ เพื่อให้ประชาชนและเกษตรกรซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนมากนั้นไม่เกิดความรู้สึกว่าถูกเลือกปฏิบัติ และเพื่อให้เกิดความมั่นใจกับเกษตรกร ส่วนกรณี 6 อำเภอนั้น วันนี้ (4 ก.พ.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะดูแลเรื่องนโยบายยางพาราก็จะได้มีการนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะกรรมการ เพื่อแก้ไขปัญหาต่อไปด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องจำนวนประชาชนที่ต้องการเข้าร่วมโครงการฯ นั้นก็เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้น ซึ่งตรงนี้ในอนาคตระดับนโยบายคงจะต้องไปพิจารณาว่าจะสามารถขยายได้อีกหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญขอเน้นย้ำเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์ในการที่จะเข้าร่วมโครงการฯ ต้องดำเนินการอย่างชัดเจนโปร่งใส่ เป็นธรรม โดยรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการลงทุนจากประเทศจีน นอกจากนี้ยังได้มีโครงการรถไฟความเร็วสูงเพื่อความสะดวกในการคมนาคมขนส่ง
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สำหรับโครงการจ่ายเงินค่าชดเชยจากปัญหาการสร้างฝายราศีไศล ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ร้อยเอ็ด และศรีสะเกษนั้น คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติจ่ายเงินให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบความเดือดร้อนไปแล้ว 4 ครั้ง ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จ.สุรินทร์ จ.ศรีสะเกษ และ จ.ร้อยเอ็ด เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 881,425,464 บาท แต่อย่างไรก็ตามได้รับทราบว่ายังมีปัญหาซึ่งยังไม่ได้ข้อยุติอยู่หลายส่วน จากปัญหาที่รับทราบในเรื่องที่ประชาชนร้องเรียนเรื่องรังวัด นานอกอ่าง การที่ต้องการจะได้รับการช่วยเหลือในเรื่องการฟื้นฟู และการบริหารจัดการน้ำ ทั้งภัยแล้งและน้ำท่วม จึงมีคณะกรรมการที่ขับเคลื่อนในเรื่องนี้ โดยตนได้มอบหมายให้ นางอัญชลี เทพบุตร เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ไปประสานงานเพื่อเร่งรัดเพื่อให้การแก้ไข ทั้งนี้ ระหว่างที่ผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังแสดงความคิดเห็น นายอภิสิทธิ์ได้กล่าวถึงปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น
“อย่างไรก็ตาม จากที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการติดตามพบว่า เริ่มมีปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้นในรูปแบบที่ไม่แจ้งข้อมูลตามความเป็นจริง ดังนั้นจึงอยากจะขอความร่วมมือจากประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการให้ข้อมูลที่เป็นจริงด้วย ทั้งนี้เพื่อให้การโครงการนี้สามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพเป็นประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศอย่างแท้จริง อยากฝากหน่วยงานราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่รัฐบาลต้องการช่วยเหลือประชาชนเกษตรอย่างถูกต้อง ตรงไปตรงมา โปร่งใสเป็นธรรมช่วยกันรักษาและทำเรื่องเหล่านี้ให้ถูกต้องเราก็จะได้สามารถเดินหน้าในการทำโครงการที่เป็นโยชน์กับประชาชนได้ต่อไป” นายกรัฐมนตรีกล่าว