“จำลอง” จวกนักการเมืองไทยหน้าหนา ปชช.ไม่ออกมาจนล้นฟ้าล้นดินไม่มีทางออก ลั่นอยู่ไปเรื่อยๆ จนกว่า “มาร์ค” จะทำตามเงื่อนไข บอกผู้ชุมนุมสบายใจรับรองความปลอดภัย ตร.ตระเวนรอบรัศมีเอ็ม 79 ด้าน “โพธิรักษ์” แย้มเป้าหมายชุมนุมไม่มุ่งแพ้ชนะเน้นให้ ปชช.ได้รู้ความจริง ยันชุมนุมยืดเยื้อไม่เป็นอุปสรรค พร้อมวอนคนไทยออกมาทำหน้าที่ตามระบอบ ปชต.
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “แอน จินดารัตน์”
รายการ “แอน จินดารัตน์” ดำเนินรายการโดย น.ส.จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ออกอากาศทางสถานีเอเอสทีวี ทีวีของประชาชน เมื่อวันที่ 24 ม.ค.53 ได้รับเกียรติจากสมณะโพธิรักษ์ ผู้นำชาวอโศก พร้อมด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง มาร่วมพูดคุยกันถึงแนวทางสันติอโศกกับกองทัพธรรม ยังมีเป้าหมายเหมือนกันหรือไม่และมีแนวทางคลื่อนไหวอย่างไร
สมณะโพธิรักษ์ กล่าวถึงกรณีมีการปล่อยข่าวว่าสันติอโสกกับกองทัพธรรมแตกคอกัน ว่าในสังคมมีคนหมู่มากต่างคนต่างความคิด พวกที่มีจิตพิลึกเขาอยากให้เราแตกคอกันเพื่อประโยชน์ของเขา คนพวกนี้ถูกฝึกฝนมาในทางไม่ดีดังนั้นจึงมีจิตที่ไม่ดี คนที่จิตใจปธิบัติธรรมได้ดีแล้ว จะตัดเรื่องรักเรื่องชังได้ สิ่งที่ไม่ควรแยกกันเลยแล้วจะไปห่างกันทำไม ดังนั้น ใครจะด่าว่าร้ายอย่างไรไม่มีผลต่อการแตกแยก หรือตอบโต้ ด้าน พล.ต.จำลองกล่าวว่า ที่กองทัพธรรมไม่ไปร่วมกับสันติอโศกที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อเคลื่อนไหวกรณี 7 คนไทยถูกกัมพูชาจับตัว เนื่องจากมีสัญญาประชาคมอยู่ อย่างไรก็ดี หากมีสถานการณ์ที่ร้ายแรงเกิดขึ้น เช่น คนไทยถูกประหารชีวิต เราต้องออกแน่ ทุกวันนี้ก็คุยกับพ่อท่าน (โพธิรักษ์) ตลอด
สมณะโพธิรักษ์กล่าวต่อว่า เท่าที่มีภูมิที่พอวัดได้ครั้งนี้ บ้านเมืองมันหนักหนาสาหัสจริงๆ หลายคนเข้าใจผิดในด้านสถานะของพระว่ามักไม่รู้จักเรื่องของสังคมบ้านเมือง แต่เข้าใจว่าการเมืองคืออะไร จนกระทั่งเขียนหนังสือออกมาก็มี ซึ่งอาจไม่ตรงกับแนวคิดนักรัฐศาสตร์ใหญ่ๆ บ้างตรงนี้ไม่น่าจะผิด เดิมที พล.ต.จำลองบอกว่าอย่าออกมาเลย แต่เราก็ออกมารู้ทั้งรู้ว่าคนมองในแง่ลบ เราคำนึงเป็นอย่างดีแล้วว่าออกมาแล้วจะต้องเจออะไรบ้าง แต่ถ้าหากมันเสียก็เสียแต่หน้า เสียรังวัด มันก็เสียแต่เราคนเดียว ส่วนที่ย่ำแย่จริงๆ คือต้องช่วยสังคม
“ส่วนคำค่อนขอดการเมืองไม่ใช่กิจของสงฆ์ อาตมาไม่เห็นเป็นเช่นนั้น พระพุทธเจ้าเป็นนักการเมืองเบอร์หนึ่งของโลก ตั้งแต่ท่านเริ่มประกาศศาสนา ท่านตั้งรัฐอิสระ มีธรรมนูญคือธรรมวินัยของท่าน ผู้ใดมาเข้ามาต้องอยู่ในธรรมวินัยหรือการบริหารของท่าน”
พล.ต.จำลองกล่าวว่า หลายคนเข้าใจว่าพระต้องอยู่ส่วนพระ ต่อมาเมื่อปฎิบัติธรรมกับสำนักสันติอโศก ได้ศึกษาพุทธประวัติ จะเห็นชัดศาสนาพุทธตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคม อาทิ ตอนพระพุทธเจ้ามีสาวก ท่านบอก่า “ภิกษุทั้งหลายเธอจงเที่ยวไปเพื่อประกาศธรรมะอันบริสุทธิ์ ผู้มีกิเลสในดวงตามีน้อยนิด จงให้ธรรมะแก่เขา แม้ตถาคตก็จะไปยังอุรุเวลาเสนานิคม” ตนจึงได้รู้ว่าพระพุทธศาสนาที่แท้จริงต้องช่วยสังคม การชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ผ่านมาตั้งแต่ 33 วันที่ข้างทำเนียบฯ ต่อเนื่องอีก 193 วัน พ่อท่านพาพระและนักบวชหญิงไปโปรดผู้ชุมนุมเพื่อให้เกิดความสงบ ไม่ได้ขึ้นเวทีตะโกนปาวๆ
เมื่อถามว่าพ่อท่านบอกว่ามิเตอร์วัดว่าสังคมเกิดวิกฤตแล้ว ทำให้ออกมาเคลื่อนไหวด้วยตนเอง สมณะโพธิรักษ์กล่าวว่า วิกฤตการเมืองขอใช้คำว่าการเมืองมันเลวร้าย ยังเคยชมว่าบุคลิก นายสุเทพดีมาก สุภาพเรียบร้อย แต่เบื้องหลังเป็นอย่างไรไม่รู้ พอ 7 คนไทยถูกจับฟันธงคนแรกเลยว่าคนไทยล้ำแดนกัมพูชา
พล.ต.จำลองกล่าวถึงประเด็นนี้ว่า เดิมทีพันธมิตรฯ ประชุมด้วยข้อเสนอถึงนายกฯ 1.ให้ประกาศอย่างแข็งกล้าวว่าไทยไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลเขมร 2.ให้ฮุนเซนปล่อยตัวคนไทยทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข แต่นี้ปล่อยมาตั้งสามอาทิตย์แล้ว
สมณะโพธิรักษ์กล่าวว่า คนส่วนใหญ่มองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมไทยเป็นเรื่องของการเมือง จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียว พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนอะไรนอกจากสอนให้รู้จักมนุษย์กับสังคม และพระพุทธเจ้าไม่ได้เรียนรู้มนุษย์แค่ชาติเดียวแต่เรียนติดต่อกันมาแล้วหลายชาติ อาตมาก็เรียนรู้จากคน ทำให้รู้ว่าคนประพฤติย่างไรเป็นภัยต่อสังคม ในสายตาอาตมาเห็นว่าใกล้กลียุคแล้ว หากถามว่ารู้ได้อย่างไร รู้ได้เพราะธาติรู้ที่ศึกษาจริงและมีภูมิรู้จริง ชาตินี้เราไม่ได้ศึกษาอะไร ไม่มีปริญญา แต่เรารู้จักสังคม การเมือง เศรษฐศาสตร์ ทุกวันนี้อาตมาทำโดยการบริหารเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเรามั่นใจว่าเศรษฐกิจพอเพียงจะกู้โลก ในหลวงตรัสเศรษฐกิจพอเพียง เราเข้าใจได้ทั้งธรรม จนกระทั่งได้รับเชิญสร้างหมู่บ้านอยู่ในมหาวิทยาลัยอุบล ตั้งคณะเศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจพอเพียง
เมื่อถามว่าการชุมนุมที่ยืดเยื้อยาวนานการใช้ชีวิตความเป็นอยู่เป็นอุปสรรคหรือไม่ สมณะโพธิรักษ์กล่าวว่า เมื่อเรียนรู้ธรรมะได้ก็ศาสตร์ธรรมะ ธรรมะไม่ใช่มีแต่ท่องจำยังได้ในเรื่องของจิตวิญญาณ เมื่อจิตวิญญาณมีรากฐาน จึงเป็นคุณสมบัติที่เกิดจริงเป็นจริง ดังนั้น การชุมนุม 193 วันที่ผ่านมาจึงเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก
“การชุมนุมครั้งนี้อาตมาตั้งใจปฏิบัติการชุมนุมประท้วงแนวใหม่ ด้วยการมุ่งเอาความจริงความรู้ออกมาตีแผ่ ไม่มุ่งแพ้ชนะ ไม่รุนแรง ไม่หยาบคาย เพื่อมุ่งสู่วิธีอารยชน” สมณะโพธิรักษ์กล่าว
พล.ต.จำลองกล่าวเสริมถึงการชุมนุมในครั้งนี้ว่า จะมีเวทีชุมนุม 2 เวที ระหว่างเวทีกองทัพธรรม ที่ตั้งอยู่ข้างทำเนียบรัฐบาล หน้าประตู 4 กับเวทีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตั้งอยู่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ทั้งสองเวทีจะมีการประสานงานกันอย่างแน่นแฟ้น สำหรับเวทีพันธมิตรฯ ยังยืนยันวัตถุประสงค์เดิม เรียกร้องให้นายกฯ ออกมาทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดินอย่างเป็นรูปธรรม คือ 1.ถอนตัวจากคณะกรรมการมรดกโลก 2.ยกเลิกเอ็มโอยู 43 และ 3.ผลักดันเขมรให้ออกไป
สมณะโพธิรักษ์กล่าวว่า เราทำงานกับสังคม ออกมาในรูปแบบของการชุมนุมประท้วง โดยมีจุดมุ่งหมายให้เกิดผลประชาชนต้องได้รับประโยชน์ก่อน เช่น ได้ความรู้ได้ความจริง ส่วนการต่อสู้แพ้หรือชนะ ไม่ใช่เป้าประสงค์หลัก เพราะความไม่ชอบมาพากลของรัฐบาลนี้ไม่รู้ว่ามีเท่าไร จะให้ชนะทุกข้อคงไม่ได้
พล.ต.จำลองกล่าวเสริมในประเด็นนี้ว่า จะแพ้หรือชนะเราตอบไม่ได้ และไม่เคยตอบได้สักที การชุมนุมในทุกครั้งที่ผ่านมาตนไม่เคยบอกก่อนที่ผลจะเกิดว่าเป็นอย่างไร แต่แปลกชนะทุกครั้ง หากโชคร้ายจริงๆ คราวนี้ปกป้องแผ่นดินไม่สำเร็จ ให้ถือว่าไม่ใช่ความผิดของเราได้ทำเต็มที่แล้ว แต่ที่แพ้เป็นเพราะความผิดของคนที่ไม่ออกมาร่วมชุมนุม เนื่องจากเป็นหน้าที่ของทุกคน เมื่อถามว่าการชุมนุมครั้งนี้พันธมิตรฯจะชุมนุมกี่วัน พล.ต.จำลองกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปถามนายกฯ หากนายกฯทำตามเงื่อนไขก็สามารถสลายการชุมนุมได้ทันที ส่วนจะกดดันรัฐบาลได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนประชาชน เพราะนักการเมืองไทยหน้าหนา ประชาชนไม่ออกมาจนล้นฟ้าล้นดินไม่มีทางออก ไม่เหมือนนักการเมืองต่างประเทศที่เขามีสปิริต หากทำผิดจะรับผิดชอบโดยการลาออกทันที
สมณะโพธิรักษ์กล่าวทิ้งท้ายว่า เราต้องทำความเข้าใจกับตัวเอง ว่าสิ่งที่เรามาทำเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์อันยิ่งใหญ่ต่อส่วนรวม ประเทศชาติ อย่าประมาทอย่านึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่นๆ เราอยากเห็นประชาชนออกมาแสดงสิทธิหน้าที่
พล.ต.จำลองกล่าวว่า ในเรื่องความปลอดภัยตนได้โทร.ติดต่อกับตำรวจนครบาล ก็ได้รับการตอบรับมาว่ามีการวางแผนไว้แล้ว จะมีการลาดตระเวนรอบๆ พื้นที่ชุมนุม ในรัศมีการยิงเอ็ม 79 ทั้งนี้ หากกังวลเรื่องความปลอดภัย ออกจากบ้านก็กลัวรถชนเลยไม่ต้องทำอะไรเลย คนเราเมื่อถ้าถึงฆาตมันก็ตาย ขนาดอยู่ในรีสอร์ตหรูยังโดนสึนามิตายเลย
