“โฆษกมาร์ค” ชี้พรรคร่วมเห็นต่างแก้ รธน.ไม่ใช่อุปสรรค อ้าง ปชป.หนุนสูตร 375+125 เพื่อให้เขตเลือกตั้งใหญ่ขึ้นจะได้ซื้อเสียงยาก ย้อน “ตุ๊ดตู่” วิจารณ์ “ยิ่งลักษณ์” เป็นการแสดงความเห็นส่วนตัว ไม่ได้ถูกศาลสั่งห้ามเหมือนใครบางคน ชี้ “นช.แม้ว” หนุนน้องสาวไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพราะคิดไม่เกินหัวบันไดบ้านตัวเองอยู่แล้ว แนะ “ยิ่งลักษณ์” รีบยอมรับกับสังคม ปัดขายชาติ พร้อมย้อนถามรัฐบาลชุดไหนกันแน่ที่ทำให้ไทยเสียดินแดน เตือนแก๊งเสื้อแดงชุมนุม 9 ม.ค. ควรอยู่ในกรอบ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่หลายฝ่ายได้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่า ตนอยากให้ทุกฝ่ายเคารพเหตุผลของแต่ละฝ่าย ซึ่งประเด็นที่มีการถกเถียงกันมากในเรื่องดังกล่าว คือ ที่มาของ ส.ส. เพราะที่ผ่านมาเป็นเพียงความเห็นส่วนบุคคล ยังไม่มีท่าทีชัดเจนของพรรคการเมืองใด จึงไม่สามารถพูดได้ว่าพรรคการเมืองแต่ละพรรคมีความเห็นต่อเรื่องดังกล่าวอย่างไร
ทั้งนี้ ความเห็นที่แตกต่างของพรรคร่วมรัฐบาลไม่เป็นอุปสรรคจนทำให้เรื่องดังกล่าวต้องตกไป เพราะแกนนำแต่ละพรรคจะมีการพูดคุยทำความเข้าใจในเรื่องผลดีผลเสีย และวิเคราะห์ถึงอนาคตทางการเมืองของพรรคร่วม เรื่องดังกล่าวขึ้นอยู่กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ด้านความมั่นคง ในฐานะผู้จัดการรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการให้เป็นเอกภาพ เพราะหลักการแก้รัฐธรรมนูญ พรรคร่วมต้องการให้มีการเลือกตั้งแบบวันแมนวันโหวต แต่มีความเห็นต่างเรื่องเขตอ้วนหรือผอม แต่พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนร่างคณะรัฐมนตรีในเรื่องเขตเดียวเบอร์เดียว แต่ขยายให้ใหญ่ขึ้น
ส่วนกรณีที่เพื่อนสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลออกมาเรียกร้องให้เป็น ส.ส.เขต 400 คน และ ส.ส.สัดส่วน 100 คนนั้น นายเทพไทกล่าวว่า ข้อเรียกร้องดังกล่าวขัดต่อจุดยืนพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องการใช้สูตร 375+125 เพื่อให้จำนวนเขตใหญ่ขึ้น เพราะทำให้การซื้อเสียงยากขึ้น ดังนั้น ตนอยากให้เพื่อน ส.ส.อย่าเอาตัวเองหรือความคิดตัวเองเป็นใหญ่ การเป็น ส.ส.ต้องแสดงสปิริต ซึ่งลดเขตเลือกตั้งตัวเองเพราะสามารถอธิบายสัดส่วนของ ส.ส.ได้
สำหรับท่าทีของคณะกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นในหลายฝ่ายและเชื่อว่าเสียงข้างมากในคณะกรรมาธิการ ทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐบาลสนับสนุนร่าง ครม. ซึ่งกรรมาธิการในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์จะมีการคุยนอกรอบในวันที่ 11 ม.ค. เวลา 10.00 น.เพื่อหาข้อสรุปเรื่องดังกล่าวก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมกรรมาธิการในเวลา 13.00 น.
นายเทพไทกล่าวว่า กรณีที่พรรคเพื่อไทยจะตบหน้ารัฐบาลด้วยการสนับสนุนสูตร 400+100 นั้น ไม่ได้สร้างความกังวลใจให้พรรคประชาธิปัตย์ หรือกรรมาธิการ เพราะภายในพรรคเพื่อไทยต่อความเห็นเรื่องดังกล่าวยังมีความเห็นที่หลากหลาย และเป็นการแสดงความเห็นต่อเรื่องดังกล่าวเพื่อหวังผลการเมือง และการที่ ส.ว.บางคนออกมาระบุว่าการแก้รัฐธรรมนูญสูตร 375+125 เป็นการจงใจสกัดกั้นพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะ ก็ไม่เป็นความจริง เพราะสูตร ส.ส.ในลักษณะเขตเดียวเบอร์เดียวเป็นที่ชอบของพรรคเพื่อไทย เพราะพรรคเพื่อไทยเคยประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง แบบเขตเดียวเบอร์เดียวตามรัฐธรรมนูญ 2540 มาแล้วแต่อยากให้กลับไปดูว่าความสำเร็จที่ผ่านมา เพราะการโกงหรือแทรกแซงกระบวนการหรือไม่
นายเทพไทกล่าวถึงการวิจารณ์กระแสข่าวที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะสนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวเป็นห้วหน้าพรรคเพื่อไทย จนถูกนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ออกมาพาดพิงตนว่าไม่ควรมายุ่งเรื่องภายในพรรคอื่นว่า ตนอยากเรียนว่าเป็นสิทธิในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เพราะศาลไม่ได้สั่งห้ามเหมือนใครบางคน และที่พูดเพราะมีเหตุผล คือ 1.การได้มาถึงตำแหน่งหัวหน้าพรรค หมายถึงผู้นำทางการเมืองและเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป แต่หากเป็นตำแหน่งอื่นในพรรคเพื่อไทยคงไม่มีใครสนใจ
2.คนที่เป็นหัวหน้าพรรคถือว่าเป็นคู่แข่งทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาต่อการแสดงความเห็นได้ 3.เป็นบุคคลสาธารณะสามารถวิจารณ์ได้ หากคิดว่าวิจารณ์ไม่ได้ควรเป็นนักบวช และ 4.วิจารณ์เรื่องส่วนรวมไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ซึ่งสิ่งที่พูดถึงและกล่าวหาว่าตนปล่อยข่าวเพราะทั้งหมดที่ตนพูดเป็นความจริงมาจากคนในพรรคเพื่อไทยและรายงานข่าวจากสื่อทั้งสิ้น
ส่วนการที่นายไชยยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย กล่าวชัดเจนว่านายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นหัวหน้าพรรคนั้น นายเทพไทกล่าวว่า ตนสงสารนายมิ่งขวัญและเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพราะสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณคิดไม่เกินหัวบันไดบ้านเอาคนในตระกูลเป็นผู้นำ ดังนั้น ขอเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยแสดงความชัดเจนรวมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกมาแถลงข่าวยอมรับจะได้เป็นที่ชัดเจนและสังคมจะไม่สับสน
ส่วนที่นายจตุพรพาดพิงรัฐบาลต่อกรณีเรื่อง 7 คนไทยว่าเล่นการเมืองจนเสียดินแดนโดยเอาการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาเป็นประเด็นการเมืองว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะพันธมิตรฯ จะมีการชุมนุมในวันที่ 25 ม.ค. และถือว่าเป็นสิทธิแสดงออกทางการเมือง หากอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายไม่เผาบ้านเผาเมือง และหน้าที่ของรัฐบาลคือชี้แจงให้เกิดความเข้าใจไม่ได้เล่นการเมืองจนเกิดความเสียหาย เพราะรัฐบาลชุดนี้มีความตั้งใจทุกเรื่องต่อข้อพิพาทให้เกิดความชัดเจน ดังนั้น อยากให้นายจตุพรไปดูว่ารัฐบาลชุดไหนที่ รมว.ต่างประเทศเซ็นสัญญายกดินแดนให้ประเทศกัมพูชาจนต้องออกจากตำแหน่ง และอยากถามว่านายจตุพรเป็นคนประเทศไหน เพราะรัฐบาลไม่ได้กระหายสงครามและตราบใดต้องการให้คนอื่นเคารพในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย เราก็ต้องเคารพคนอื่นด้วย รวมถึงการเคลื่อนไหวชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มต่างๆ ด้วย
สำหรับการชุมนุมในวันที่ 9 ม.ค.ของกลุ่มคนเสี้อแดงที่จะมีการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่ 3 ที่นำโดยนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธานกลุ่มคนเสื้อแดง และนายจตุพร ที่จะรวมตัวบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้วไปสี่แยกราชประสงค์นั้น นายเทพไทกล่าวว่า เป็นการเคลื่อนไหวที่สุ่มเสี่ยงก่อให้เกิดความวุ่นวาย ดังนั้น อยากให้จับตามองว่านายจตุพรมีบทบาทสำคัญหรือไม่ หากเป็นตัวการฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องยื่นคำร้องถอนประกันนายจตุพรทันที และอยากเรียกร้องให้การชุมนุมครั้งนี้ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย เนื่องจากวันที่ 8 ม.ค.เป็นวันเด็ก ส่วนวันที่ 9 ม.ค.เป็นวันชุมนุมของผู้ใหญ่ ดังนั้น ไม่อยากให้ผู้ใหญ่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้แก่เด็ก