“โทรโข่งมาร์ค” โต้ “นพดล” ยันไทยไม่ละเลยช่วย 7 คนไทย แต่อ้างติดปีใหม่ทำล่าช้า ป้องนายสุดฤทธิ์!! บอก “มาร์ค” อยู่ทำเนียบจะรู้ได้ไง “พนิช” โดนจับ ยันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่ใช่คุยผลประโยชน์ธุรกิจเหมือนสมัยแม้ว ชี้ดีแล้วนักโทษหนีคดีไม่ช่วย - ชี้ “ธิดา” ปรับโครงสร้างแดงเหมือนพรรคคอมมิวนิสต์ หวังเคลื่อนไหวช่วงเมษาฯ จี้รัฐจับตา ไล่ไปตั้งพรรค สับพวกตัวเป็นไทยใจเป็นชาติอื่นไม่เคารพศาลไทย
วันนี้ (6 ม.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฏหมายส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้าย ตั้งข้อกล่าวหารัฐบาลละเลยการช่วยเหลือ 7 คนไทยว่า ตนยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ ได้ดำเนินการสื่อสารกับรัฐบาลกัมพูชาเพื่อแนวทางในการช่วยเหลือให้ทันท่วงที แต่อาจจะติดเทศกาลวันหยุดช่วงปีใหม่ของทั้งสองประเทศจึงอาจล่าช้าไปบ้าง แต่ก็ได้ติดตามสถานการณ์และประสานงานอย่างไม่เป็นทางการตลอดเวลา
นายเทพไทกล่าวต่อว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล จะไปรู้ได้อย่างไรว่านายพนิชได้รุกล้ำเขตแดนของกัมพูชา และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ชัดเจนว่ารุกล้ำเขตแดนจริงหรือไม่อย่างไร และนายกฯ ไม่ได้เป็นคนสั่งการให้นายพนิชไปสำรวจพื้นที่ดังกล่าว เพียงแต่นายพนิชได้แจ้งให้ทราบว่าจะไปลงพื้นที่แนวชายแดนที่ จ.ปราจีนบุรี และเมื่อเกิดเหตุขึ้นก็ได้ใช้การติดต่อผ่านช่องทางการทูต นายกฯ อภิสิทธิ์ไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวกับสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา จึงใช้ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่อรัฐ
“ผมอยากให้นายนพดลติดตามการแก้ปัญหานี้จากกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่สลับซับซ้อน ต้องใช้เวลาในการบริหารจัดการ ไม่ใช่เป็นเรื่องการคุยผลประโยชน์ทางธุรกิจที่สามารถแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ และตกลงโดยเร็วเช่นที่เคยทำในยุครัฐบาลทักษิณ ส่วนที่นายนพดลระบุว่าได้คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วไม่อยากเข้ามาช่วยเหลือนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะคนไทยไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณของนักโทษหลบหนีคดีโกงบ้านเมือง หาก พ.ต.ท.ทักษิณจะไม่ช่วยรัฐบาลและคนไทยก็ขอให้วางตัวอยู่เฉยๆ อย่ามีพฤติกรรมยุแยงตะแคงรั่วให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดรับความเสียหาย” นายเทพไทกล่าว
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงกรณีที่นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกาศจัดตั้งคณะกรรมการ นปช.ระดับภาค จังหวัด เขต อำเภอ และตำบลให้เสร็จในสิ้นในเดือน ม.ค.นี้ เพื่อนำไปปรับโครงสร้าง นปช.ครั้งใหญ่ในเดือน ก.พ.54 ว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มแกนนำ นปช.ครั้งนี้เป็นการเตรียมการจัดตั้งองค์กรเลียนแบบโครงสร้างของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในอดีต ซึ่งเชื่อว่าได้รับอิทธิพลแนวคิดดังกล่าวมาจากการจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งแกนนำ นปช.หลายคนเคยมีประสบการณ์และเป็นหน่วยจัดตั้งของคอมมิวนิสต์ในระดับแกนนำ และกรรมการกลางของพรรคมาก่อน ดังนั้น การจัดองค์กรในรูปแบบดังกล่าวเชื่อว่าเป็นการเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในช่วงเดือน เม.ย.54 อีกครั้ง จึงจำเป็นที่ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องตรวจสอบว่าการจัดตั้งองค์กรดังกล่าวขัดต่อกฏหมายความมั่นคงของประเทศหรือไม่ และหากว่าแกนนำ นปช.ต้องการที่จะพัฒนากลุ่มให้เป็นองค์กรหรือสถาบันทางการเมืองก็ควรไปจดแจ้งการตั้งพรรคการเมืองโดยใช้ชื่อว่า พรรคแนวร่วมประช่าธิปไตยแห่งชาติ ก็ได้ เพื่อจะได้มาต่อสู้ทางความคิดในสภาผู้แทนราษฎรดีกว่าตั้งตัวเป็นองค์กรเถื่อนเคลื่อนไหวผิดกฎหมาย ยุยงให้คนป่วนเผาบ้านเผาเมืองเป็นรายปี
ส่วนกรณีที่นางธิดาระบุว่าได้ทำหนังสือถึงศาลอาญาระหว่างประเทศเพื่อขอให้มาเป็นพยานสังเกตการณ์ในการพิจารณาคดีของ นปช.ในศาลไทยเพื่อป้องกันการไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น กลุ่ม นปช.ไม่ควรเอาองค์กรระหว่างประเทศมาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของชาติไทย คนไทยทุกคนต้องเคารพกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของไทย เว้นแต่คนที่ตัวเป็นไทยแต่ใจเป็นคนชาติอื่นเท่านั้นที่ไม่เคารพ และพยายามใช้ช่องทางประจานกระบวนการยุติธรรมในชาติของตัวเอง หากแกนนำ นปช.ไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมไทยแล้วเหตุใด จึงมาใช้ศาลไทยฟ้องร้องดำเนินคดีต่อบุคคลอื่นๆ
“อยากถามกลับไปว่า แค่ไปจ้างนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม เป็นทนายความฟ้องศาลโลกเพื่อดิสเครดิตประเทศชาติ ยังไม่พออีกหรือ ประเทศไทยมีอธิปไตยเป็นของตัวเอง ไม่ได้อยู่ในอาณัติหรือเป็นเมืองขึ้นของชาติใด จึงไม่จำเป็นต้องใช้องค์กรระหว่างประเทศมากดดันแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมไทยที่มีมาตรฐานสากลเทียบเท่ากระบวนการยุติธรรมทั่วโลก”