ASTVผู้จัดการรายวัน - ต่อไม่ติด “แดงสยาม” ซัด "ธิดาแดง" แกนนำ นปช.นัดชุมนุม 9 ม.ค.แค่ต้องการแย่งซีนจากราชประสงค์ ชี้สงครามกลางเมืองกำลังจะเริ่มแล้ว ส่วนแดงเชียงใหม่ 51 ไม่เข้าร่วมชุมนุม อ้างต้องจัดงานวันเด็ก ด้านทนายความ “จตุพร” บังอาจ ยื่นคำร้องต่อศาลให้อธิบายเงื่อนไขที่กำหนดห้ามร่วมชุมนุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป
วานนี้ (6 ม.ค.) นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ แกนนำกลุ่มแดงสยามกล่าวถึงการเตรียมชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อีกครั้งในวันที่ 9 ม.ค.นี้ว่า ในส่วนของตนนั้นไม่ได้ไปร่วม แต่เข้าใจว่าในวันที่ 19 ม.ค.จะไปร่วมด้วย ที่บอกว่าจะไปร่วมนั้นเพราะกระแสของราชประสงค์ ราชดำเนิน ที่ถูกจุดติดขึ้นมานั้นเป็นเพราะนายสมบัติ บุญงามอนงค์ และทีมงาน ดังนั้น การไปจัดชุมนุมที่นั้นไม่ควรไปแย่งซีนเขา ไปตีกินว่าเป็นผู้นำ เมื่อจุดกระแสติดแล้วมาทีหลังไม่ควรสร้างว่าตัวเองเป็นแกนนำ
"ผมไม่ได้ว่าใคร แต่หมายถึงตัวของผมเอง ผมจึงใช้คำว่าเข้าร่วม หากจะไปนำนั้นไม่เหมาะ ใครที่ไปสร้างไปทำไว้เราต้องมีมารยาทไม่ควรไปข้ามหน้าข้ามตาต้องให้เกียรติ ตัวผมนั้นไม่ทำอย่างแน่นอน"
พร้อมระบุว่า “ส่วนการพยายามปรับโครงสร้างใหม่ของ นปช.ลงลึกไปถึงระดับตำบลนั้นเป็นแนวทางของการปฏิรูป ส่วนกลุ่มแดงสยามนั้นเราชัดเจนว่าเราต้องการปฏิวัติเพื่อทำการเปลี่ยนผ่านอย่างสันติ หากไปสร้างเครือข่ายที่มีแต่กำลังคนแต่ไร้สมอง ข้างในกลวงก็จบทำอะไรไม่ได้ ดังนั้น ยุทธศาสตร์ของแดงสยามจึงต้องตกผลึกและปลูกฝังทางความคิดอ่าน วันนี้อาจารย์ธิดา (นางธิดา ถาวรเศรษฐ์) ต้องการประกันตัวช่วยหมอเหวง โตจิราการ และแกนนำทั้ง 7 จึงมีลักษณะของการลับลวงพราง ยุทธศาสตร์เดิมที่ว่าเดินสองขา ทำ 2 แขน เก็บใส่ลิ้นชักไปแล้ว ผมเชื่อว่าจะสามารถประกันตัวได้ หากมีผู้สามารถมอบนโยบายไปให้ผู้ที่เกี่ยวข้องประกันตัว”
นายสุรชัย ยังกล่าวต่อว่า ในส่วนของแดงสยามนั้นภาระกิจที่ต้องเดินหน้าต่อไปคือการปฏิวัติเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบประชาธิปไตยเสรีนิยมอย่างแท้จริง สะสมยุทธศาสตร์ กำลังคนเพื่อรอคอยเวลาการเปลี่ยนแปลง โดยจะต้องอยู่ในกรอบของการเปลี่ยนแปลงโดยไม่รุนแรง หรือรุนแรงน้อยที่สุด
"วันนี้ สงครามกลางเมืองได้เริ่มขึ้นแล้วจากยุทธศาสตร์ 3 อย่างคือ สภา เสื้อแดง และใต้ดิน ซึ่งไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมีแต่ความรุนแรง ดังนั้นเวลานี้สังคมไทยต้องเปลี่ยนแปลงด้วยการปฏิวัติเท่านั้น"
**แดงเชียงใหม่51เมินชุมนุมใหญ่ 9 ม.ค.
ด้านนายกฤษณะ พรมบึงรัม รักษาการหัวหน้ากลุ่มรักเชียงใหม่ 51 หรือกลุ่มคนเสื้อแดง เปิดเผยว่า กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 จะไม่เดินทางไปรวมชุมนุมกับกลุ่ม นปช.ในวันที่ 9 ม.ค.นี้ เนื่องจากกลุ่มฯเตรียมจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติที่หน้าโรงแรมวโรรส แกรนด์พาเลซ ในวันเสาร์ที่ 8 ม.ค.มีกิจกรรมการแสดงบนเวที และของรางวัลมากมายแจกให้อเด็กๆ ที่มาร่วมงานตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ ยังมีไฮไลท์สำคัญ คือ ทุนการศึกษาที่จะมอบแก่เด็กตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงปริญญาโท 11 ทุนระดับอนุบาลจะให้ทุนละประมาณ 1-2 หมื่นบาท และจากนั้นจะให้ตามค่าใช้จ่ายจริงในแต่ละระดับชั้นจนกว่าจะเรียนจบ โดยมูลนิธิไทยคมและพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้มอบให้
นายกฤษณะ กล่าวอีกว่า ในวันดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะโฟนอินเข้ามาพูดคุยและอวยพรให้เด็กๆ ที่มาร่วมกิจกรรมเนื่องในวันเด็กแห่งชาติด้วย รวมทั้งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ให้เกียรติมาร่วมกิจกรรมวันเด็กที่กลุ่มฯจัดขึ้น สำหรับเด็กๆ ที่คาดว่าจะเข้าร่วมกิจกรรมส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของสมาชิกกลุ่มคนเสื้อแดงใน จ.เชียงใหม่ที่มีมากกว่า 6 หมื่นคน
ส่วนการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มฯในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จะเน้นการจัดเวทีปราศัยและกิจกรรมหน้าโรงแรมวโรรส แกรนด์ พาเลซเป็นหลัก เนื่องจากห้วงเวลานี้ใกล้มีการเลือกตั้งใหญ่แล้ว จึงไม่มีแผนเคลื่อนไหวอะไรที่จะส่งผลกระทบกับการเมืองและบรรยากาศการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น เพราะในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าการท่องเที่ยวของ จ.เชียงใหม่ คึกคักอย่างมาก แม้เศรษฐกิจยังมีปัญหาจนการท่องเที่ยวซบเซามานาน
**ตร.สั่งเสื้อแดงชุมนุมภายใต้กฎหมาย
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล เผยว่า จากข้อมูลด้านการข่าวในวันที่ 9 ม.ค.นี้จะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.3 กลุ่มโดยกลุ่มใหญ่จะเป็นกลุ่ม นปช.แดงทั้งแผ่นดินของนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ที่จะเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปยังแยกราชประสงค์ในช่วงเย็น ส่วนกลุ่มเฟซบุคและกลุ่มแนวร่วมจะรวมตัวกันในช่วงเที่ยง ก่อนจะมารวมกับกลุ่ม นปช.แดงทั้งแผ่นดินบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยอีกครั้ง
"ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้เตรียมแผนไว้ 2 รูปแบบคือกรณีที่กลุ่ม นปช.ไม่มีการเคลื่อนขบวนจะตั้งศูนย์ปฏิบัติการดูแลความปลอดภัยไว้ 2จุด บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและแยกราชประสงค์ ส่วนกรณีที่มีการเคลื่อนขบวนจะเน้นการเจรจาให้เคลื่อนไหวภายใต้กรอบกฎหมาย ห้ามมิให้กีดขวางการจราจร พร้อมสั่งการให้ตำรวจจราจรและฝ่ายสืบสวนเฝ้าระวังป้องกันการต่อต้านจากกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งจากการเจรจาเบื้องต้นของ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 หัวหน้าชุดเจรจาจะให้ทุกกลุ่มยุติการชุมนุมภายในเวลา 20.00 น.โดยจากการข่าวยังไม่พบการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ หรือการใช้ความรุนแรง คาดว่าทุกฝ่ายจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ตำรวจยังขอความร่วมมือไม่ให้มีการชูป้าย หรือเขียนข้อความที่ไม่เหมาะสม หรือปล่อยโคมลอย เพราะอาจสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นได้ ซึ่งการจัดกิจกรรมทางการเมืองสามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบกฎหมายที่กำหนด ไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น"
**ทนาย"ตู่"ให้ศาลแจงเหตุผลห้ามร่วมชุมนุม
วันเดียวกันเวลา 14.00 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายคารม พลทะกลาง ทนายความของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.ยื่นคำร้องขอให้ศาลอธิบายและให้ความชัดเจนต่อเงื่อนไขที่ศาลกำหนดในการปล่อยตัวชั่วคราวนายจตุพร ที่ตกเป็นจำเลยที่ 2 ในคดีความผิดฐานก่อการร้าย ร่วมกับ 19 แกนนำ นปช.
คำร้องดังกล่าวระบุว่า ศาลได้มีเงื่อนไขในการปล่อยตัวชั่วคราวนายห้าม นายจตุพร เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ที่มีตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปซึ่งอาจเป็นอุปสรรค ต่อการสอบสวนของเจ้าพนักงาน หรือการดำเนินคดีในศาล หรือเผยแพร่ข่าวสารต่อบุคคล กลุ่มบุคคล หรือต่อสาธารณะในเรื่องที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายในทำนองเดียวกัน เว้นแต่เป็นการพูดหรืออภิปรายในรัฐสภาในฐานะเป็น ส.ส.ที่ต้องทำหน้าที่ทั้งในและนอกรัฐสภา เงื่อนไขดังกล่าวกระทบต่อสิทธิเสรีภาพ ของนายจตุพร ซึ่งมี กิจกรรมที่ร่วมกับกลุ่มประชาชนภายใต้กรอบของสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ที่ไม่เป็นอุปสรรค ต่อการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ หรือคดีในศาล
ดังนั้น จึงขอให้ศาลได้อธิบายความให้ชัดเจน เพื่อให้นายจตุพร ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาลได้อย่างถูกต้อง โดยขอให้ศาลโปรดคำนึงถึงฐานะการทำหน้าที่ ส.ส.และฝ่ายค้านที่ต้องทำหน้าที่ทั้งในและนอกรัฐสภา ซึ่งศาลจะได้พิจารณาคำร้องและมีคำสั่งต่อไป
นายคารม กล่าวว่า เนื่องจากนายจตุพร ถูกกำหนดเงื่อนไขและ จำกัดสิทธิในด้านการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ซึ่งนายจตุพร เป็นส.ส.ตามกฎหมายต้องทำหน้าที่ทั้งในและนอกสภา เพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ดังนั้นเพื่อให้เกิดความชัดเจน ตนในฐานะทนายความจึงมายื่นคำร้อง เพื่อให้ศาลอธิบายว่านายจตุพรสามารถทำอะไรได้บ้าง หรือห้ามพูดในที่ชุมนุมเฉพาะเรื่องของคดีความเพียงอย่างเดียว แต่การชุมนุมของ นปช.ในวันที่ 9 ม.ค.นี้ เป็นเรื่องของสิทธิความชอบธรรมและ การตรวจสอบรัฐบาล ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องคดีความ นายจตุพรสามารถไปร่วมชุมนุมได้หรือไม่
“ถ้านายจตุพร ทำผิดเงื่อนไข ก็อาจเป็นเหตุให้ดีเอสไอมายื่นเพิกถอนสัญญาประกันอีก และมีความเสี่ยงที่นายจตุพรจะถูกเพิกถอนประกัน จึงตัดสินใจมายื่นขอให้ศาลได้อธิบายตามคำร้อง ซึ่งอยู่ที่ดุลยพินิจของศาลว่าจะสั่งอย่างไร ส่วนเรื่องการอุทธรณ์นั้นจะยื่นอีกครั้งภายในกำหนดเวลา 30 วัน ” นายคารมกล่าว
เมื่อถามว่าการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ในวันที่ 9 ม.ค.นี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ จะไปเข้าร่วมชุมนุมด้วยหรือไม่ นายคารม กล่าวว่า เท่าที่ทราบเบื้องต้น นายจตุพร เข้าใจว่าตัวเองน่าจะใช้สิทธิ์เข้าร่วมชุมนุมได้ เพราะเห็นว่าการชุมนุมไม่เกี่ยวกับคดี นายจตุพรอาจจะไม่พูดหรือขึ้นปราศรัย แต่อาจไปแสดงวาระตามที่คนเสื้อแดงกำหนดแล้วก็กลับ อย่างไรก็ตาม เมื่อศาลห้ามร่วมชุมนุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ก็ต้องให้ศาลอธิบายให้ทราบด้วยว่า จะสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน จะได้ปลอดภัยสำหรับคุณจตุพร เพราะดีเอสไอจ้องที่จะถอนประกันอยู่
**แดงยื่นนายกฯเอาผิด"ป๋า,สิทธิ,อานันท์"
วันเดียวกันเวลา 10.00 น.นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ แกนนำนำ นปช.ได้เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ดำเนินคดีกับบุคคลที่เข้าข่ายกระทำความผิดต่อองค์รัชยาท ประกอบด้วย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองค์มนตรี, พล.อ.อ.สิทธิ เศวศิลา องค์มนตรี และนายอนันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี โดยอ้างข้อมูลจากเวปไซท์ วิกิลีกส์ ที่ได้เผยแพร่เนื้อหาโทรเลขของสถานฑูตอเมริกา ที่ส่งไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ของประเทศสหรัฐ ซึ่งเป็นบทสนทนาระหว่างบุคคลทั้งสาม กับนายอิริค จอห์น อดีตเอกอัคราราชฑูตสหรัฐ โดยมีความจงใจพาดพิงต่อองค์รัชยาท เข้าความผิดร้ายแรง
**“สุเทพ”ไม่สน“ตุ๊ดตู่”เล็งฟ้องศาลโลก
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่แกนนำกลุ่ม นปช.จะฟ้องศาลโลกว่า ศาลไทยมี 2 มาตรฐาน กรณีที่แกนนำทั้ง 7 คนไม่ได้รับการประกันตัวว่า ตนยืนยันว่าไม่มี 2 หรือ 3 มาตรฐาน อย่างที่กล่าวหาแน่นอน ทุกอย่างเป็นเรื่องปกติที่ปฏิบัติกันอยู่โดยทั่วไปในระบบศาลยุติธรรม ซึ่งการขออนุญาตประกันตัว ก็ต้องแสดงเหตุผลว่าผู้ต้องหาจะไม่มาสร้างปัญหา หรือสร้างความยุ่งยากให้กับบ้านเมือง ไม่มายุ่งเหยิงกับพยาน หรือไม่เป็นปัญหากับรูปคดี เป็นต้น ซึ่งการไม่ได้รับการประกันตัวในวันนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ได้รับการประกันตัวตลอดไป เพราะคราวหน้าก็สามารถขอประกันตัวใหม่ได้ หาหลักฐานไปแสดงเหตุผลต่อศาลให้ดี
"ถ้าเขาจะไปฟ้องศาลโลกหรือไม่ อย่างไร ผมไม่ติดใจอะไรหรอก เพราะเขาก็พูดไปเรื่อย แต่อยากให้รู้ว่ารัฐบาลพยายามที่จะคลี่คลายปัญหาทุกวัน ซึ่งประชาชนก็คงเห็นแล้วว่า นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ และพยายามที่แก้ไขปัญหาด้วยความอดทนตลอดเวลา" นายสุเทพ กล่าว
**เทพไทชี้นปช.ตั้งองค์กรล้อ “พรรคคอม”
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธานกลุ่ม นปช.ประกาศจัดตั้งคณะกรรมการ นปช.ระดับภาค จังหวัด เขตอำเภอ และตำบลให้เสร็จในสิ้นในเดือนนี้ เพื่อนำไปปรับโครงสร้าง นปช.ครั้งใหญ่ใน ก.พ.นี้ว่า เป็นการเตรียมการจัดตั้งองค์กรเลียนแบบโครงสร้างพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในอดีต เชื่อว่าได้รับอิทธิพลมาจากการจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งแกนนำ นปช.หลายคนเคยมีประสบการณ์และเป็นหน่วยจัดตั้งของคอมมิวนิสต์ในระดับแกนนำและกรรมการกลางมาก่อน
"การจัดองค์กรในรูปแบบดังกล่าวเชื่อว่าเป็นการเตรียมพร้อมเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ใน เม.ย.54 อีกครั้ง จึงจำเป็นที่ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องตรวจสอบว่า การจัดตั้งองค์กรดังกล่าวขัดต่อกฏหมายความมั่นคงของประเทศหรือไม่ หากว่าแกนนำ นปช.ต้องการพัฒนากลุ่มให้เป็นองค์กรหรือสถาบันทางการเมือง ก็ควรไปจดแจ้งการตั้งพรรคการเมืองโดยใช้ชื่อว่า พรรคแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติก็ได้ เพื่อมาต่อสู้ทางความคิดในสภาผู้แทนราษฎร ดีกว่ามาตั้งตัวเป็นองค์กรเถื่อนเคลื่อนไหวผิดกฏหมาย ยุยงให้คนป่วนเผาบ้านเผาเมืองเป็นรายปี"
นายเทพไท กล่าวด้วยว่า กรณีนางธิดาทำหนังสือถึงศาลอาญาระหว่างประเทศ ขอให้มาเป็นพยานสังเกตการณ์การพิจารณาคดีของ นปช.ในศาลไทย เพื่อป้องกันการไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น กลุ่ม นปช.ไม่ควรเอาองค์กรระหว่างประเทศมาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทย คนไทยทุกคนต้องเคารพกฏหมายและกระบวนการยุติธรรมของไทย ยกเว้นแต่คนที่ตัวเป็นไทยแต่ใจเป็นคนชาติอื่นเท่านั้นที่ไม่เคารพ และพยายามใช้ช่องทางประจานกระบวนการยุติธรรมในชาติของตัวเอง
"ถ้าแกนนำ นปช.ไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมไทยแล้ว เหตุใดจึงมาใช้ศาลไทยฟ้องร้องดำเนินคดีกับบุคคลอื่นๆ อยากถามกลับด้วยว่า แค่ไปจ้างนายโรเบิร์ต อัลสเตอร์ดัม เป็นทนายความฟ้องศาลโลก เพื่อดิสเครดิสประเทศชาตินั้นยังไม่พออีกหรือ ประเทศไทยมีอธิปไตยเป็นของตัวเอง ไม่ได้อยู่ในอาณัติหรือเป็นเมืองขึ้นของชาติใด จึงไม่จำเป็นต้องใช้องค์กรระหว่างประเทศมากดดันแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมไทย ที่มีมาตรฐานสากลเทียบเท่ากระบวนการยุติธรรมทั่วโลก"
วานนี้ (6 ม.ค.) นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ แกนนำกลุ่มแดงสยามกล่าวถึงการเตรียมชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อีกครั้งในวันที่ 9 ม.ค.นี้ว่า ในส่วนของตนนั้นไม่ได้ไปร่วม แต่เข้าใจว่าในวันที่ 19 ม.ค.จะไปร่วมด้วย ที่บอกว่าจะไปร่วมนั้นเพราะกระแสของราชประสงค์ ราชดำเนิน ที่ถูกจุดติดขึ้นมานั้นเป็นเพราะนายสมบัติ บุญงามอนงค์ และทีมงาน ดังนั้น การไปจัดชุมนุมที่นั้นไม่ควรไปแย่งซีนเขา ไปตีกินว่าเป็นผู้นำ เมื่อจุดกระแสติดแล้วมาทีหลังไม่ควรสร้างว่าตัวเองเป็นแกนนำ
"ผมไม่ได้ว่าใคร แต่หมายถึงตัวของผมเอง ผมจึงใช้คำว่าเข้าร่วม หากจะไปนำนั้นไม่เหมาะ ใครที่ไปสร้างไปทำไว้เราต้องมีมารยาทไม่ควรไปข้ามหน้าข้ามตาต้องให้เกียรติ ตัวผมนั้นไม่ทำอย่างแน่นอน"
พร้อมระบุว่า “ส่วนการพยายามปรับโครงสร้างใหม่ของ นปช.ลงลึกไปถึงระดับตำบลนั้นเป็นแนวทางของการปฏิรูป ส่วนกลุ่มแดงสยามนั้นเราชัดเจนว่าเราต้องการปฏิวัติเพื่อทำการเปลี่ยนผ่านอย่างสันติ หากไปสร้างเครือข่ายที่มีแต่กำลังคนแต่ไร้สมอง ข้างในกลวงก็จบทำอะไรไม่ได้ ดังนั้น ยุทธศาสตร์ของแดงสยามจึงต้องตกผลึกและปลูกฝังทางความคิดอ่าน วันนี้อาจารย์ธิดา (นางธิดา ถาวรเศรษฐ์) ต้องการประกันตัวช่วยหมอเหวง โตจิราการ และแกนนำทั้ง 7 จึงมีลักษณะของการลับลวงพราง ยุทธศาสตร์เดิมที่ว่าเดินสองขา ทำ 2 แขน เก็บใส่ลิ้นชักไปแล้ว ผมเชื่อว่าจะสามารถประกันตัวได้ หากมีผู้สามารถมอบนโยบายไปให้ผู้ที่เกี่ยวข้องประกันตัว”
นายสุรชัย ยังกล่าวต่อว่า ในส่วนของแดงสยามนั้นภาระกิจที่ต้องเดินหน้าต่อไปคือการปฏิวัติเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบประชาธิปไตยเสรีนิยมอย่างแท้จริง สะสมยุทธศาสตร์ กำลังคนเพื่อรอคอยเวลาการเปลี่ยนแปลง โดยจะต้องอยู่ในกรอบของการเปลี่ยนแปลงโดยไม่รุนแรง หรือรุนแรงน้อยที่สุด
"วันนี้ สงครามกลางเมืองได้เริ่มขึ้นแล้วจากยุทธศาสตร์ 3 อย่างคือ สภา เสื้อแดง และใต้ดิน ซึ่งไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมีแต่ความรุนแรง ดังนั้นเวลานี้สังคมไทยต้องเปลี่ยนแปลงด้วยการปฏิวัติเท่านั้น"
**แดงเชียงใหม่51เมินชุมนุมใหญ่ 9 ม.ค.
ด้านนายกฤษณะ พรมบึงรัม รักษาการหัวหน้ากลุ่มรักเชียงใหม่ 51 หรือกลุ่มคนเสื้อแดง เปิดเผยว่า กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 จะไม่เดินทางไปรวมชุมนุมกับกลุ่ม นปช.ในวันที่ 9 ม.ค.นี้ เนื่องจากกลุ่มฯเตรียมจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติที่หน้าโรงแรมวโรรส แกรนด์พาเลซ ในวันเสาร์ที่ 8 ม.ค.มีกิจกรรมการแสดงบนเวที และของรางวัลมากมายแจกให้อเด็กๆ ที่มาร่วมงานตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ ยังมีไฮไลท์สำคัญ คือ ทุนการศึกษาที่จะมอบแก่เด็กตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงปริญญาโท 11 ทุนระดับอนุบาลจะให้ทุนละประมาณ 1-2 หมื่นบาท และจากนั้นจะให้ตามค่าใช้จ่ายจริงในแต่ละระดับชั้นจนกว่าจะเรียนจบ โดยมูลนิธิไทยคมและพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้มอบให้
นายกฤษณะ กล่าวอีกว่า ในวันดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะโฟนอินเข้ามาพูดคุยและอวยพรให้เด็กๆ ที่มาร่วมกิจกรรมเนื่องในวันเด็กแห่งชาติด้วย รวมทั้งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ให้เกียรติมาร่วมกิจกรรมวันเด็กที่กลุ่มฯจัดขึ้น สำหรับเด็กๆ ที่คาดว่าจะเข้าร่วมกิจกรรมส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของสมาชิกกลุ่มคนเสื้อแดงใน จ.เชียงใหม่ที่มีมากกว่า 6 หมื่นคน
ส่วนการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มฯในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จะเน้นการจัดเวทีปราศัยและกิจกรรมหน้าโรงแรมวโรรส แกรนด์ พาเลซเป็นหลัก เนื่องจากห้วงเวลานี้ใกล้มีการเลือกตั้งใหญ่แล้ว จึงไม่มีแผนเคลื่อนไหวอะไรที่จะส่งผลกระทบกับการเมืองและบรรยากาศการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น เพราะในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าการท่องเที่ยวของ จ.เชียงใหม่ คึกคักอย่างมาก แม้เศรษฐกิจยังมีปัญหาจนการท่องเที่ยวซบเซามานาน
**ตร.สั่งเสื้อแดงชุมนุมภายใต้กฎหมาย
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล เผยว่า จากข้อมูลด้านการข่าวในวันที่ 9 ม.ค.นี้จะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.3 กลุ่มโดยกลุ่มใหญ่จะเป็นกลุ่ม นปช.แดงทั้งแผ่นดินของนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ที่จะเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปยังแยกราชประสงค์ในช่วงเย็น ส่วนกลุ่มเฟซบุคและกลุ่มแนวร่วมจะรวมตัวกันในช่วงเที่ยง ก่อนจะมารวมกับกลุ่ม นปช.แดงทั้งแผ่นดินบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยอีกครั้ง
"ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้เตรียมแผนไว้ 2 รูปแบบคือกรณีที่กลุ่ม นปช.ไม่มีการเคลื่อนขบวนจะตั้งศูนย์ปฏิบัติการดูแลความปลอดภัยไว้ 2จุด บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและแยกราชประสงค์ ส่วนกรณีที่มีการเคลื่อนขบวนจะเน้นการเจรจาให้เคลื่อนไหวภายใต้กรอบกฎหมาย ห้ามมิให้กีดขวางการจราจร พร้อมสั่งการให้ตำรวจจราจรและฝ่ายสืบสวนเฝ้าระวังป้องกันการต่อต้านจากกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งจากการเจรจาเบื้องต้นของ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 หัวหน้าชุดเจรจาจะให้ทุกกลุ่มยุติการชุมนุมภายในเวลา 20.00 น.โดยจากการข่าวยังไม่พบการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ หรือการใช้ความรุนแรง คาดว่าทุกฝ่ายจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ตำรวจยังขอความร่วมมือไม่ให้มีการชูป้าย หรือเขียนข้อความที่ไม่เหมาะสม หรือปล่อยโคมลอย เพราะอาจสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นได้ ซึ่งการจัดกิจกรรมทางการเมืองสามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบกฎหมายที่กำหนด ไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น"
**ทนาย"ตู่"ให้ศาลแจงเหตุผลห้ามร่วมชุมนุม
วันเดียวกันเวลา 14.00 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายคารม พลทะกลาง ทนายความของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.ยื่นคำร้องขอให้ศาลอธิบายและให้ความชัดเจนต่อเงื่อนไขที่ศาลกำหนดในการปล่อยตัวชั่วคราวนายจตุพร ที่ตกเป็นจำเลยที่ 2 ในคดีความผิดฐานก่อการร้าย ร่วมกับ 19 แกนนำ นปช.
คำร้องดังกล่าวระบุว่า ศาลได้มีเงื่อนไขในการปล่อยตัวชั่วคราวนายห้าม นายจตุพร เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ที่มีตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปซึ่งอาจเป็นอุปสรรค ต่อการสอบสวนของเจ้าพนักงาน หรือการดำเนินคดีในศาล หรือเผยแพร่ข่าวสารต่อบุคคล กลุ่มบุคคล หรือต่อสาธารณะในเรื่องที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายในทำนองเดียวกัน เว้นแต่เป็นการพูดหรืออภิปรายในรัฐสภาในฐานะเป็น ส.ส.ที่ต้องทำหน้าที่ทั้งในและนอกรัฐสภา เงื่อนไขดังกล่าวกระทบต่อสิทธิเสรีภาพ ของนายจตุพร ซึ่งมี กิจกรรมที่ร่วมกับกลุ่มประชาชนภายใต้กรอบของสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ที่ไม่เป็นอุปสรรค ต่อการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ หรือคดีในศาล
ดังนั้น จึงขอให้ศาลได้อธิบายความให้ชัดเจน เพื่อให้นายจตุพร ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาลได้อย่างถูกต้อง โดยขอให้ศาลโปรดคำนึงถึงฐานะการทำหน้าที่ ส.ส.และฝ่ายค้านที่ต้องทำหน้าที่ทั้งในและนอกรัฐสภา ซึ่งศาลจะได้พิจารณาคำร้องและมีคำสั่งต่อไป
นายคารม กล่าวว่า เนื่องจากนายจตุพร ถูกกำหนดเงื่อนไขและ จำกัดสิทธิในด้านการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ซึ่งนายจตุพร เป็นส.ส.ตามกฎหมายต้องทำหน้าที่ทั้งในและนอกสภา เพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ดังนั้นเพื่อให้เกิดความชัดเจน ตนในฐานะทนายความจึงมายื่นคำร้อง เพื่อให้ศาลอธิบายว่านายจตุพรสามารถทำอะไรได้บ้าง หรือห้ามพูดในที่ชุมนุมเฉพาะเรื่องของคดีความเพียงอย่างเดียว แต่การชุมนุมของ นปช.ในวันที่ 9 ม.ค.นี้ เป็นเรื่องของสิทธิความชอบธรรมและ การตรวจสอบรัฐบาล ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องคดีความ นายจตุพรสามารถไปร่วมชุมนุมได้หรือไม่
“ถ้านายจตุพร ทำผิดเงื่อนไข ก็อาจเป็นเหตุให้ดีเอสไอมายื่นเพิกถอนสัญญาประกันอีก และมีความเสี่ยงที่นายจตุพรจะถูกเพิกถอนประกัน จึงตัดสินใจมายื่นขอให้ศาลได้อธิบายตามคำร้อง ซึ่งอยู่ที่ดุลยพินิจของศาลว่าจะสั่งอย่างไร ส่วนเรื่องการอุทธรณ์นั้นจะยื่นอีกครั้งภายในกำหนดเวลา 30 วัน ” นายคารมกล่าว
เมื่อถามว่าการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ในวันที่ 9 ม.ค.นี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ จะไปเข้าร่วมชุมนุมด้วยหรือไม่ นายคารม กล่าวว่า เท่าที่ทราบเบื้องต้น นายจตุพร เข้าใจว่าตัวเองน่าจะใช้สิทธิ์เข้าร่วมชุมนุมได้ เพราะเห็นว่าการชุมนุมไม่เกี่ยวกับคดี นายจตุพรอาจจะไม่พูดหรือขึ้นปราศรัย แต่อาจไปแสดงวาระตามที่คนเสื้อแดงกำหนดแล้วก็กลับ อย่างไรก็ตาม เมื่อศาลห้ามร่วมชุมนุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ก็ต้องให้ศาลอธิบายให้ทราบด้วยว่า จะสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน จะได้ปลอดภัยสำหรับคุณจตุพร เพราะดีเอสไอจ้องที่จะถอนประกันอยู่
**แดงยื่นนายกฯเอาผิด"ป๋า,สิทธิ,อานันท์"
วันเดียวกันเวลา 10.00 น.นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ แกนนำนำ นปช.ได้เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ดำเนินคดีกับบุคคลที่เข้าข่ายกระทำความผิดต่อองค์รัชยาท ประกอบด้วย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองค์มนตรี, พล.อ.อ.สิทธิ เศวศิลา องค์มนตรี และนายอนันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี โดยอ้างข้อมูลจากเวปไซท์ วิกิลีกส์ ที่ได้เผยแพร่เนื้อหาโทรเลขของสถานฑูตอเมริกา ที่ส่งไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ของประเทศสหรัฐ ซึ่งเป็นบทสนทนาระหว่างบุคคลทั้งสาม กับนายอิริค จอห์น อดีตเอกอัคราราชฑูตสหรัฐ โดยมีความจงใจพาดพิงต่อองค์รัชยาท เข้าความผิดร้ายแรง
**“สุเทพ”ไม่สน“ตุ๊ดตู่”เล็งฟ้องศาลโลก
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่แกนนำกลุ่ม นปช.จะฟ้องศาลโลกว่า ศาลไทยมี 2 มาตรฐาน กรณีที่แกนนำทั้ง 7 คนไม่ได้รับการประกันตัวว่า ตนยืนยันว่าไม่มี 2 หรือ 3 มาตรฐาน อย่างที่กล่าวหาแน่นอน ทุกอย่างเป็นเรื่องปกติที่ปฏิบัติกันอยู่โดยทั่วไปในระบบศาลยุติธรรม ซึ่งการขออนุญาตประกันตัว ก็ต้องแสดงเหตุผลว่าผู้ต้องหาจะไม่มาสร้างปัญหา หรือสร้างความยุ่งยากให้กับบ้านเมือง ไม่มายุ่งเหยิงกับพยาน หรือไม่เป็นปัญหากับรูปคดี เป็นต้น ซึ่งการไม่ได้รับการประกันตัวในวันนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ได้รับการประกันตัวตลอดไป เพราะคราวหน้าก็สามารถขอประกันตัวใหม่ได้ หาหลักฐานไปแสดงเหตุผลต่อศาลให้ดี
"ถ้าเขาจะไปฟ้องศาลโลกหรือไม่ อย่างไร ผมไม่ติดใจอะไรหรอก เพราะเขาก็พูดไปเรื่อย แต่อยากให้รู้ว่ารัฐบาลพยายามที่จะคลี่คลายปัญหาทุกวัน ซึ่งประชาชนก็คงเห็นแล้วว่า นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ และพยายามที่แก้ไขปัญหาด้วยความอดทนตลอดเวลา" นายสุเทพ กล่าว
**เทพไทชี้นปช.ตั้งองค์กรล้อ “พรรคคอม”
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธานกลุ่ม นปช.ประกาศจัดตั้งคณะกรรมการ นปช.ระดับภาค จังหวัด เขตอำเภอ และตำบลให้เสร็จในสิ้นในเดือนนี้ เพื่อนำไปปรับโครงสร้าง นปช.ครั้งใหญ่ใน ก.พ.นี้ว่า เป็นการเตรียมการจัดตั้งองค์กรเลียนแบบโครงสร้างพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในอดีต เชื่อว่าได้รับอิทธิพลมาจากการจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งแกนนำ นปช.หลายคนเคยมีประสบการณ์และเป็นหน่วยจัดตั้งของคอมมิวนิสต์ในระดับแกนนำและกรรมการกลางมาก่อน
"การจัดองค์กรในรูปแบบดังกล่าวเชื่อว่าเป็นการเตรียมพร้อมเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ใน เม.ย.54 อีกครั้ง จึงจำเป็นที่ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องตรวจสอบว่า การจัดตั้งองค์กรดังกล่าวขัดต่อกฏหมายความมั่นคงของประเทศหรือไม่ หากว่าแกนนำ นปช.ต้องการพัฒนากลุ่มให้เป็นองค์กรหรือสถาบันทางการเมือง ก็ควรไปจดแจ้งการตั้งพรรคการเมืองโดยใช้ชื่อว่า พรรคแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติก็ได้ เพื่อมาต่อสู้ทางความคิดในสภาผู้แทนราษฎร ดีกว่ามาตั้งตัวเป็นองค์กรเถื่อนเคลื่อนไหวผิดกฏหมาย ยุยงให้คนป่วนเผาบ้านเผาเมืองเป็นรายปี"
นายเทพไท กล่าวด้วยว่า กรณีนางธิดาทำหนังสือถึงศาลอาญาระหว่างประเทศ ขอให้มาเป็นพยานสังเกตการณ์การพิจารณาคดีของ นปช.ในศาลไทย เพื่อป้องกันการไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น กลุ่ม นปช.ไม่ควรเอาองค์กรระหว่างประเทศมาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทย คนไทยทุกคนต้องเคารพกฏหมายและกระบวนการยุติธรรมของไทย ยกเว้นแต่คนที่ตัวเป็นไทยแต่ใจเป็นคนชาติอื่นเท่านั้นที่ไม่เคารพ และพยายามใช้ช่องทางประจานกระบวนการยุติธรรมในชาติของตัวเอง
"ถ้าแกนนำ นปช.ไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมไทยแล้ว เหตุใดจึงมาใช้ศาลไทยฟ้องร้องดำเนินคดีกับบุคคลอื่นๆ อยากถามกลับด้วยว่า แค่ไปจ้างนายโรเบิร์ต อัลสเตอร์ดัม เป็นทนายความฟ้องศาลโลก เพื่อดิสเครดิสประเทศชาตินั้นยังไม่พออีกหรือ ประเทศไทยมีอธิปไตยเป็นของตัวเอง ไม่ได้อยู่ในอาณัติหรือเป็นเมืองขึ้นของชาติใด จึงไม่จำเป็นต้องใช้องค์กรระหว่างประเทศมากดดันแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมไทย ที่มีมาตรฐานสากลเทียบเท่ากระบวนการยุติธรรมทั่วโลก"