นายกฯ ยันประสานพันธมิตรฯ คืบแต่ไม่ครบ ชี้พวกแจกเบอร์ละเมิดสิทธิชัด ลั่นรัฐไม่เลวเหมือนชุด “แม้ว” สั่งตำรวจบีบเปิดถนนต่อ วอนเอาข้อมูลมาแชร์กัน ไม่ใช่ยื่นคำขาด ยันแก้ปัญหาไม่ได้ มั่นใจปกป้องประโยชน์ชาติ แฉเขมรส่งข้อความอ้าง พธม.จี้ถอนตัวมรดกโลกค้านไทยจัดประชุมปีหน้า
วันนี้ (4 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการเจรจากับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่จะยกระดับการชุมนุมในวันเสาร์นี้ (5 ก.พ.) ว่า ได้มีการประสานงานกันอยู่ ซึ่งก็มีความคืบหน้าแต่ต้องยอมรับว่าเวลาที่มีการเคลื่อนไหวอย่างนี้จะมีบุคคลที่เกี่ยวข้องพอสมควร ฉะนั้น อาจจะไม่สามารถประสานได้ทุกคน แต่บางส่วนก็มีการประสานงานกันอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ขอพูดในรายละเอียด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้ในเวทีปราศรัยมีการกล่าวหานายกรัฐมนตรีด้วยถ้อยคำที่รุนแรงมากขึ้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นธรรมดาของการชุมนุม แต่บางกรณีคงต้องตรวจสอบ เพราะส่วนใหญ่มีการไปให้เบอร์โทรศัพท์โทร.เข้ามา ก็เห็นได้ชัดว่าบางคนที่เข้ามาได้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ซึ่งบางทีโทร.มาถ้าว่างตนก็รับสาย เมื่อถามว่าถือเป็นการละเมิดสิทธิหรือไม่ที่บอกเบอร์โทรศัพท์ไป นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นการละเมิดสิทธิอยู่แล้ว เมื่อถามว่าจะดำเนินการอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตัวคนทำเราก็รู้อยู่แล้ว ฉะนั้นไม่ค่อยได้สนใจเรื่องแบบนี้ เมื่อถามว่าคิดอย่างไรที่มีการอ้างว่ารัฐบาลชุดนี้เลวกว่ารัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถือเป็นความคิดเห็นของเขา แต่ยืนยันว่าไม่เหมือนกัน
เมื่อถามว่า สภาวการณ์ขณะนี้คิดว่าอยู่วิสัยจะทำความเข้าใจร่วมกันได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หลายคนที่อยู่ในกระบวนการเคลื่อนไหวยังมีเหตุมีผลมีอยู่ไม่กี่ราย ซึ่งเราก็ทราบตั้งแต่ต้นว่ามีเรื่องอื่นอยู่ในใจ ถือเป็นธรรมดา เมื่อถามว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำ พธม.ยืนยันจะไม่มีการเปิดพื้นที่จราจรและพูดเสมออาจเข้ามาในทำเนียบฯ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรายืนยันว่าเรื่องการบุกรุกเข้ามาเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องแน่นอน ส่วนการปิดการจราจรนั้นตนขอยืนยันและได้พบกับทางตำรวจเขาก็พยายามอย่างต่อเนื่อง
เมื่อถามว่า อะไรจะเป็นปัจจัยที่คิดว่ามันสามารถจะเชื่อมต่อกันได้ระหว่างรัฐบาลกับผู้ชุมนุมในขณะนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนเองยังยืนยันถ้าประเด็นของข้อเรียกร้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกัมพูชา เป็นเรื่องปัญหาข้อมูลที่ไม่ตรงกัน ฉะนั้น ความจริงแล้วถ้ามีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ก็ต้องเอาข้อมูลมาแบ่งปัน แลกเปลี่ยนกันมากกว่าการที่จะมามุ่งในเรื่องการโจมตี หรือทำลายกัน ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหาสำหรับคนไทย 2 คน หรือการดูแลปัญหาชายแดนทั้งหมด
“ฉะนั้นแนวทางที่ผมยืนยันทั้งหมด ผมมั่นใจว่าเป็นแนวทางซึ่งจะดูแลปกป้องประโยชน์ของคนไทยและประเทศไทย ขณะเดียวกัน ผมพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคนที่เห็นว่าควรจะทำอย่างอื่น แต่มันต้องมาคุยกัน คงไม่ใช่ลักษณะของการที่จะมาใช้วิธียื่นคำขาดกัน หรือไม่ยอมมีการแลกเปลี่ยนสนทนาเลย ซึ่งเป็นเรื่องแปลก ไม่เช่นนั้นแล้วบ้านเมืองจะเดินไปข้างหน้าในการแก้ไขปัญหาได้อย่างไร รัฐบาลพร้อมรับฟังเหตุผลทุกฝ่ายอยู่แล้ว” นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรียังหวังว่าการยกระดับการชุมนุมของพันธมิตรฯ จะไม่เกิดเหตุบานปลาย หรือไม่เข้ามายึดทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยากจะย้ำว่าการกระทำใดๆ ก็ตามซึ่งทำให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลายไปไม่ได้เป็นผลดีต่อประเทศและไม่เป็นผลดีในการที่เราจะไปรักษาประโยชน์ของเราด้วย อยากจะให้มองในทางกลับกัน หากเราผนึกกำลังกันจริงๆ การไปดำเนินการอะไรกับกัมพูชาก็จะง่าย ขอยกตัวอย่างตอนนี้กัมพูชาถือโอกาสในการส่งข้อความไปยังคณะกรรมการมรดกโลก ว่าประเทศไทยไม่ควรจะเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมในปีหน้าที่เรายื่นไป โดยอ้างว่าคนไทยต้องการให้รัฐบาลถอนตัวจากมรดกโลกอย่างนี้เป็นต้น ซึ่งตนได้บอกแล้วว่าพอจะเข้าใจในกรณีที่มีการเป็นห่วงมรดกโลกว่าเป็นอย่างไร แต่แนวทางที่จะให้ถอนตัวทันที มันไม่ได้เป็นคุณกับการไปปกป้องประโยชน์ของเราเลย ประเด็นอย่างนี้มันต้องมาคุยกัน แต่ถ้ายื่นคำขาดบอกต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วไม่ฟังเหตุผลกัน มันไม่ใช่แนวทางที่จะแก้ปัญหาและรักษาผลประโยชน์ประเทศได้
เมื่อถามว่า เรื่องนี้ถ้ายืดเยื้อออกไปจะกระทบต่อประชาชนโดยส่วนรวม นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เมื่อวาน (3 ก.พ.) ได้พบกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนครบาล โดยได้ย้ำไปอีกครั้งซึ่งเขายืนยันพยายามที่จะเข้าไปแก้ปัญหาอยู่ แต่กังวลเรื่องการกระทบกระทั่งกัน เพราะมีบางฝ่ายพยายามไปปลุกระดมอยู่แล้ว ทำนองที่ว่ารัฐบาลต้องการใช้ความรุนแรงซึ่งรัฐบาลไม่มีเจตนาอย่างนั้น
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรียืนยันมาโดยตลอดว่าเวลานี้ไทยไม่ควรถอนตัวออกจากมรดกโลก จุดไหนที่นายกรัฐมนตรีคิดว่าถึงขั้นต้องถอนตัว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถูกต้อง ขณะนี้เราอยู่ในช่วงทำความเข้าใจต่อคณะกรรมการมรดกโลกประเทศต่างๆ ให้เห็นว่าการที่ยูเนสโกจะเข้ามาบริหารจัดการพื้นที่ใดก็ตาม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาลักษณะ มีการพิพาทกันหรือมีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องเขตแดน ถือเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง เพราะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการที่จะเกิดความรุนแรง เกิดการปะทะกัน และจะเป็นการขัดกับเจตนารมณ์ของยูเนสโกที่ตั้งขึ้นมาเพื่อส่งเสริมสันติภาพ ขณะนี้ที่เราดำเนินการมาได้รับความเข้าใจดีขึ้น โดยลำดับจากประเทศที่เป็นสมาชิก ถ้าเราถอนตัวตอนนี้เท่ากับเราปล่อยให้เขากลับไปฟังความข้างเดียวของฝ่ายที่ต้องการที่จะขึ้นทะเบียนมรดกโลกฝ่ายเดียว
“ฉะนั้น เหตุผลง่ายๆ คือ เราต้องทำหน้าที่ของเราให้ถึงที่สุดก่อน ไม่ควรไปยอมแพ้” นายอภิสิทธิ์กล่าว