xs
xsm
sm
md
lg

บ้านเมืองนับจากนี้ไป!

เผยแพร่:   โดย: แสงแดด

การพิจารณา “แก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 2” ได้จบสิ้นไปเรียบร้อยแล้วเมื่อกลางดึกของคืนวันอังคาร (เช้ามืดวันพุธ 26 มกราคม 2554) น่าจะจบเอาเวลา 2:40 น. ของเช้ามืดวันพุธที่ 26 มกราคม จนการประชุมร่วมรัฐสภาต้องจบแบบม้วนเดียวจบ และเช้าวันรุ่งขึ้นการประชุมต่างๆ ต้องเลื่อนไปใกล้เที่ยง

เป็นไปตามความคาดหมาย ในที่สุด “ที่มาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาตรา 93-98” มาจบลงที่พรรคประชาธิปัตย์ปักธงไว้ว่า จะต้องจบที่ “สูตร 375 คน เขตเดียวเบอร์เดียว!” และ “สูตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 125 คน” แต่ทั้งนี้คะแนนที่ได้ ต้องเรียกว่า “หวาดเสียว!” ก็แล้วกัน จากคะแนน 298 สนับสนุน 211 คัดค้าน งดออกเสียง 35 เสียง

ในกรณีของ “การพิจารณาวาระ 3” นั้น ตามรัฐธรรมนูญต้องใช้เวลาอีกไม่เกิน 15 วัน ถึงจะถึงกำหนดในการลงมติโหวตอีกวาระหนึ่ง ซึ่งทางประธานรัฐสภา ชัย ชิดชอบ กำหนดไว้ว่าวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 เป็น “การลุ้น” กันอีกครั้งหนึ่ง

เหตุผลสำคัญที่บอกว่า “ต้องลุ้น” นั้น เนื่องด้วยหลังจากโหวตลงมติเสียงผ่านฉิวเฉียดในวาระ 2 แล้ว ยังมีแรงกระเพื่อมจาก “พรรคร่วมรัฐบาล” ว่า ในการพิจารณาวาระ 3 นั้น อาจจะกลับสู่โหมดเดิมก็ได้ กล่าวคือ “สูตร 400 + 100” เนื่องด้วยยังมีฝ่ายแกนนำของพรรคชาติไทยพัฒนาที่แสดงท่าทีชัดเจนว่า “ไม่เอาด้วยกับสูตร 375 + 125” ดังนั้น นับจากนี้อีกเพียงไม่ถึง 10 วัน “ท่าทีพลิ้ว” ของ “นักการเมือง” ยังน่าออกอาการกันอีกเยอะทีเดียว

“แสงแดด” ขอฟันธงเลยว่า “ยังไงๆ ก็ผ่านสูตร 375 + 125” อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น เนื่องด้วย “การเจรจาต่อรอง” ได้ดำเนินการล็อกกันไว้เบื้องต้น แล้วว่า “ทุกฝ่ายได้ประโยชน์” ทั้งในกรณีของ “งบประมาณกลางปี” ด้วยเม็ดเงิน “30,000-40,000 ล้านบาท” นั่น หนึ่งล่ะ ส่วนสองนั้น น่าจะเป็น “สัญญาใจ” ว่าถ้าได้รับเลือกตั้งกลับมาเป็นรัฐบาลแล้ว ทุกฝ่ายจะได้นั่งกุมบังเหียนกระทรวงเดิม พร้อมนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้นั่งบัลลังก์ “นายกรัฐมนตรี ภาค 2” อย่างแน่นอน

จึงขอย้ำว่า “วาระ 3 - ผ่านแน่นอน” แต่คำมั่นสัญญาที่มอบหมายให้กันไว้นั้น ไม่ค่อยกล้าฟังธง ว่า จะเกิดขึ้นได้ เนื่องด้วย “ปัจจัยการเมือง” นอกทั้ง “ทำเนียบรัฐบาล-รัฐสภา” ที่จะส่งผลกระทบจากภายนอก จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือไม่อย่างไร

จากกรณีข้อสงสัยที่ว่าไว้ข้างต้นนั้น เท่าที่ได้ยินได้ฟังมานั้น “การเคลื่อนไหว” ของ “กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ” ที่ค่อยๆ ผนึกกำลังกันอย่างมั่นคงนั้น ปักหลักอยู่ถนนพิษณุโลก ถนนราชดำเนิน บริเวณทำเนียบรัฐบาล โดยมี “สันติอโศก” และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ยังคงยึดมั่นอยู่กับประชาชนที่มาชุมนุมกันราวๆ 5,000-6,000 คน ขณะนี้

เท่านั้นยังมี “ข้อเจรจา” ที่เสนอต่อรัฐบาล ว่า หนึ่ง ต้องออกจากการเป็นกรรมการของคณะกรรมการมรดกโลก สอง ต้องยกเลิกสัญญาสำรวจกรณีที่ดินพิพาท 2543 (MOU 43) และ สาม ชาวกัมพูชาที่มาปักหลักทำมาหากินที่บริเวณปัญหาที่ดินตามตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องออกไปให้หมด

รัฐบาลประกาศชัดเจนว่า “ไม่สามารถดำเนินการตอบสนอง” ข้อเรียกร้องของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้อย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อเช่นนั้น “กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ” จะปักหลักชุมนุมยืดเยื้อแน่นอน

ถามว่า กรณีเหตุการณ์บ้านเมืองที่ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันว่า “ยุบสภา” เมื่อใด บวกกับการชุมนุมที่บอกว่าจะค่อยๆ ปักหลักบ้าง หรือไม่ก็สลายบ้างนั้น ยังคงไม่สามารถหาคำตอบได้เลยว่า “จะจบอย่างไร?”

ในกรณีของ “การยุบสภา” นั้น จริงๆ แล้วอยู่ที่ “เงื่อนไข-ปัจจัย” ทางการเมืองที่เกิดจาก “ปัจจัยภายนอก” ทั้งสิ้น มิได้เกี่ยวข้องกับ “ปัจจัยภายใน-พรรคร่วมรัฐบาล” เลย ซึ่งว่าไปแล้ว น่าจะราบรื่นด้วยซ้ำ เพียงแต่ “การแสดงปาหี่การเมือง” นั้น เสมือนกับ “การไล่ล่างบประมาณ” เพื่อนำมากักตุนไว้สำหรับเลือกตั้ง

ก็ต้องถามว่า “แล้วเมื่อไหร่จะยุบสภา” คำตอบคือ ถ้าการเมืองนอกสภาฯ นั้น ยังไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวมากไปกว่านี้ น่าจะประกาศยุบสภาได้เร็วสุดไม่เกินเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม และช้าสุด น่าจะประมาณเดือนกันยายน

ประเด็นคำถามต่อมาที่มีความสำคัญอย่างมากก่อนประกาศยุบสภา คือ “กรณีการพิจารณางบประมาณ 2555” ที่น่าจะจบลงได้อย่างเร็วสุด ประมาณเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ที่ทุกอย่างน่าจะลงตัว ในกรณีของการพิจารณาผ่านวาระ 1 และพิจารณาตั้ง “คณะกรรมาธิการฯ” เรียบร้อยแล้ว

แต่ถ้า “การเมืองนอกสภาผู้แทนราษฎร” มีปัจจัยแทรกซ้อนที่มุ่งสู่ “การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญ” พูดง่ายๆ หมายความว่า “ไม่เอาอภิสิทธิ์รอบ 2” และต้องการ “ปฏิรูปสภาวะการเมืองประเทศไทย” ซึ่งแน่นอนที่ “รัฐประหาร” ต้องเกิดขึ้น แล้วตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ” เข้ามาบริหารประเทศไทยอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี พร้อม “ถอนรากถอนโคน” ในส่วนของ “ระบบการเมืองแบบเก่า” ที่มุ่งเน้นในเรื่องของ “การทุจริตคอร์รัปชัน” กันให้มากที่สุด

ถามว่า “รัฐบาลปัจจุบัน” มีกรณีของ “การทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง” หรือไม่ คำตอบคือ “มีแน่นอน!” แต่ยังอาจจะน้อยกว่าสมัยคุณทักษิณ ชินวัตร แต่ก็ต้องตอบว่า “สันดานเดิม” ของบรรดา “นักการเมืองไทย” นั่นคือ “โกงมาก-โกงน้อย” เท่านั้น

เพราะฉะนั้น นับแต่นี้ไป เรงคงต้องนั่งทดลองติดตามสถานการณ์บ้านเมืองอย่างใกล้ชิด ตาอย่ากะพริบก็แล้วกัน เนื่องด้วย “กลิ่นแปลก!” กำลังจะเกิดขึ้นอีกแล้วในบ้านเมืองนี้ และทั้งหลายทั้งปวงเกิดจาก “นักการเมือง” อีกแล้วครับท่าน!
กำลังโหลดความคิดเห็น