xs
xsm
sm
md
lg

สมาคมโลกร้อนฯ ยื่นฟ้อง ส.ป.ก.ห้ามสร้างราชภัฏอุตรดิตถ์ ทำลายสิ่งแวดล้อม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กลุ่มชาวบ้านจาก จ.อุตรดิตถ์เดินทางไปยื่นเรื่องที่ศาลปกครอง ถ.แจ้งวัฒนะ
สมาคมภาวะโลกร้อน ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากประชาชนชาวอุตรดิตถ์ ซึ่งมีส่วนได้เสียในพื้นที่ชุ่มน้ำบึง ยื่นศาลปกครองสั่ง คกก.ปฏิรูปที่ดิน ยกเลิกคำสั่งห้ามสร้างมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ เหตุทำลายสิ่งแวดล้อม ชี้ ไม่ดูสภาพข้อเท็จจริง จะหานักศึกษามาเรียนแทบจะไม่ได้

วันนี้ (2 ก.พ.) นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ในฐานะผู้รับมอบอำนาจ พร้อมด้วยตัวแทนชาวบ้าน ต.ป่าเซ่า และ ต.คุ้งตะเภา อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ กว่า 70 คน ในฐานะผู้ฟ้องคดี ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ชุ่มน้ำบึงทุ่งกะโล่ ประมาณ 7,500 ไร่ ได้เดินทางมายื่นฟ้อง สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) จ.อุตรดิตถ์ ผู้ว่าราชการ จ.อุตรดิตถ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จ.อุตรดิตถ์ เลขาธิการ ส.ป.ก.และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีเพิกถอนคำสั่งหรืออนุญาตใดๆ ที่ให้หน่วยงานราชการ จำนวน 24 หน่วยงาน โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์เข้าไปใช้พื้นที่สร้างอาคารสำนักงานและอุทยานการศึกษาการกีฬาและนันทนาการ รวมทั้งขอให้ทุบรื้ออาคารสิ่งปลูกสร้างที่กำลังก่อสร้าง และประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำระดับชาติ หรือนานาชาติต่อไป

โดย นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า วันที่ 2 ก.พ.ของทุกปีเป็นวันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก และปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่บึงทุ่งกะโล่ จ.อุตรดิตถ์ นั้น เป็นปัญหาระหว่างชาวบ้านกับหน่วยงานของรัฐ เพราะชาวบ้านต้องการอนุรักษ์บึงดังกล่าวที่มีพื้นที่ประมาณ 7,500 ไร่ เนื่องจากเป็นพื้นที่แอ่งกระทะสามารถรองรับน้ำฝนที่ตกลงมาตามธรรมชาติและน้ำที่ไหลลงจากที่สูง เปรียบเสมือนแก้มลิงขนาดใหญ่ของจังหวัด ทำให้เป็นแหล่งเจริญพันธุ์และที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ สัตว์ป่า และสัตว์ทั่วไปจำนวนมาก อีกทั้งโดยบริเวณรอบขอบบึงทั้งหมดยังเป็นพื้นที่นาของชาวบ้านที่ใช้ประโยชน์จากบึงในการทำมาหากิน และใช้น้ำในบึงดังกล่าวทำนาอีกด้วย แต่ ส.ป.ก.ใช้อำนาจอ้างกฎหมายเข้ามาถือครองที่ดินในพื้นที่บึงดังกล่าวเพื่อปฏิรูปที่ดิน โดยไม่ได้สอบถามประชาชน ทั้งที่มีพื้นที่บางส่วนยังมีชาวบ้านถือสิทธิครอบครองอยู่

“ส.ป.ก.กลับมีความพยายามจัดสรรที่ดินให้หน่วยงานราชการ จำนวน 24 หน่วยงานโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตถ์ที่ขอใช้ที่ดินกว่า 2,000 ไร่ โดยไม่ดูสภาพข้อเท็จจริง ว่า จ.อุตรดิตถ์ เป็นจังหวัดเล็กๆ จะหานักศึกษามาเรียนแทบจะไม่ได้ แต่กลับมาขอขยายใช้พื้นที่เพื่อสร้างเป็นอาคารสำนักงานและอุทยานการศึกษาการกีฬาและนันทนาการอีก รวมทั้งก่อนหน้านั้น คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 3 พ.ย.52 ประกาศกำหนดให้พื้นที่ชุ่มน้ำที่เป็นที่สาธารณะทุกแห่งทั่วประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ชุ่มน้ำแหล่งน้ำจืดเป็นพื้นที่สีเขียว และไม่ให้ส่วนราชการเข้าไปใช้ประโยชน์ เพื่อสงวนไว้เป็นแหล่งรองรับน้ำและกักเก็บน้ำ ดังนั้น ชาวบ้านที่เดือนร้อนต้องมาร้องขอต่อศาลปกครอง เพื่อมีคำสั่งระงับการดำเนินการของหน่วยงานรัฐ เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน”

จากนั้น นายศรีสุวรรณ ได้กลุ่มชาวบ้านเดินทางมายื่นเรื่องต่อที่ศาลปกครอง ถ.แจ้งวัฒนะ เพื่อให้ศาลไตร่สวน กรณีกลุ่มนายทุนพยายามจะทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก บริเวณบึงทุ่งกะโล่ ซึ่งเป็นแหล่งเก็บกักน้ำขนาดใหญ่เพื่อการเกษตรของจังหวัดอุตรดิตถ์


กำลังโหลดความคิดเห็น