“พล.ต.อ.มนัส” ชี้ โอกาสได้ดินแดนคืน ต้องผลักดันเขมรออกไปเท่านั้น “พล.อ.ปรีชา” ฝาก ผบ.เหล่าทัพ ถึงเวลาเอาชาติเป็นที่ตั้ง พากองทัพให้พ้นการครอบงำจากนักการเมืองชั่ว ด้าน “พล.อ.อ.เทิดศักดิ์” ลั่นอย่าฟังเขมรเห่า เราไม่ได้อยากรุกรานใคร หากมีเพื่อนบ้านที่ก้าวร้าว เลวทราม ถึงเวลาสู้ต้องสู้ ส่วน “พล.ร.ท.ประทีป” ฝากผู้นำเหล่าทัพทำเจตนารมณ์ของนายกฯให้สำเร็จด้วยการเอาธงเขมรลงจากวัดแก้วฯ ขจัดปัญหารุกล้ำชายแดน
วันที่ 30 ม.ค.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ พล.ต.อ.มนัส ครุฑไชยันต์ อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ กล่าวว่า ตนติดตามสถานการณ์บ้านเมืองมาตลอด มั่นใจว่า หมดเวลาในการเจรจาแล้ว ที่ผ่านมา เราได้ประท้วงมาถึง 18 ครั้ง ไม่ได้ผล ดังนั้น จะประท้วงอีก 100 ครั้ง ก็ไม่เกิดผล เมื่อเป็นเช่นนี้ต้องผลักดันเป็นโอกาสเดียวที่เราต้องทำ มั่นใจต่างชาติเข้าใจว่าเราโดนรุกรานอย่างไร ไม่อย่างนั้นแผ่นดินไทยที่กัมพูชาครอบครองอยู่ เขาก็ครอบครองต่อไปไม่จบไม่สิ้น เพราะเขาไม่ยอมให้การเจรจาจบแน่นอน และการผลักดันก็ไม่จำเป็นที่เราต้องบุกไปถึงพนมเปญ อย่างไรก็ดี ตนเป็นคนใจอ่อน ดูทีวีที่เมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์ที่คอกวัว ตนร้องไห้เสียใจที่พี่น้องทหารต้องตาย ทหารที่บาดเจ็บถูกลากไปอย่างกับหมูกับหมา รถที่กำลังเอาคนเจ็บไปโรงพยาบาลถูกลากลงมากระทืบซ้ำ หากตนเป็นผู้บังคับบัญชาที่นั่น ตนไม่ยอม หวังว่า เหตุการณ์อย่างนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก
พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ อดีตรองเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก กล่าวว่า ตลอดชีวิตของตนทำศึกสงครามตามที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ประกาศรบมาตลอด เดี๋ยวนี้ก็ยังต้องรบอยู่อีก ที่รบมานั้น มีบทเรียนแห่งการรบ ว่า กองทัพใดที่มีพลังแห่งคุณธรรม ผู้บังคับบัญชามีพลังแห่งความรักชาติ แม้ไม่มีอาวุธแต่ยืนอยู่ข้างประชาชนผู้รักชาติ ไม่มีอาวุธใดมาต้านทานได้ อยากฝากบอก พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ถึงเวลาแล้วที่น้องจะต้องอยู่กับพลังแห่งคุณธรรม ซื่อสัตย์สุจริต รักชาติบ้านเมือง เป็นที่ตั้ง ถึงเวลาแล้วที่น้องจะต้องพาชาติให้พ้นจากวิกฤต ให้พ้นจากนักการเมืองชั่วที่ครอบงำกองทัพ พากองทัพให้พ้นจากนักการเมืองชั่ว น้องจงรู้ตัวรู้สตินักการเมืองเหล่านี้ จะหมดเวลาหมดชีวิตทางการเมืองในไม่ช้านี้ พลังแห่งความรักชาติกำลังก่อตัวขึ้นอย่างกว้างขวาง หากรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงง่อนแง่นใช้วิชามารกับผู้ชุมนุม นั่นคือ กำลังฆ่าตัวตาย ขอให้ทำเร็วๆ มึงไปเร็วแน่ ลวดหนามที่ขังพวกเราอยู่เอามาขังคุกผู้คนพวกรักชาติ สัญลักษณ์ลวดหนาม คือ ความเป็นศัตรูของกันและกัน ตำรวจที่ยืนอยู่นอกลวดหนามต้องยืนอยู่ข้างประชาชน เวลานี้รัฐบาลกำลังเห็นประชาชนเป็นศัตรู และประชาชนนั้นรักชาติเสียด้วย มันจบแล้ว
พล.อ.อ.เทิดศักดิ์ สัจจารักษ์ อดีตรองผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวว่าเขาจะมาสลายเราสลายวันนี้พรุ่งนี้เราก็มาอีก เราจะมาทุกวันดูว่าใครจะแน่กว่าใคร 193 วัน ในทำเนียบรัฐบาลก็อยู่มาแล้วผู้ก่อการร้ายก็เป็นมาแล้ว ถ้าเลือกหนทางประมาทก็คิดให้ดี พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอาวุธของเขา ก็คือ “มือตบ” หากเขาใช้มือตบแล้วไล่ใครไม่เคยพลาด จำต้องไปทุกราย
ฝากถึงน้องทหารทุกเหล่าทัพ เราได้ให้ความจริงอย่างตรงไปตรงมากับพ่อแม่พี่น้องทุกคน ทุกคนเห็นด้วยกับพันธมิตรฯ วันนี้ รัฐบาลจะเป็นอย่างไรก็ตาม ขอให้ทหารของชาติอยู่ในความพร้อมหากหวังตั้งสงบจงเตรียมรบให้พร้อม เขมรเพื่อนบ้านเราจะเห่าอย่างไรเราอย่าไปฟัง หากมีอะไรมาระคายผิวแล้วละก็ทำไม่รู้ไม่ชี้สักครึ่งชั่วโมงกวาดมันให้เรียบ เราไม่ได้อยากรุกรานใคร แต่เรามีเพื่อนบ้านที่ก้าวร้าวเลวทรามเราต้องทำ
“ไม่อยากพูดสิ่งที่เป็นความลับทางทหาร คนไทยถูกจับแล้วบอกว่าเราไปล้วงความลับทางทหาร คุณมีไส้กี่ขดเรารู้หมดเรามีภาพถ่ายดาวเทียม เราเป็นนักทายกองที่แม่นมาก ให้คิดดูให้ดี ทหารทั้งหลายเราเข้าใจทหารทุกคน อยากปลุกให้เรารู้จักรุกรบ รักชาติประชาชน ถ้าถึงเวลาแล้วตนเชื่อว่าพวกเราทุกคนยอมตายได้เพื่อประเทศชาติ” พล.อ.อ.เทิดศักดิ์ กล่าว
พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ อดีตผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการลำน้ำโขง กล่าวว่าเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการแก้ปัญหาเขตแดน คือ กองทัพ ถึงเวลา ผบ.เหล่าทัพจะต้องกล้าให้คำปรึกษาต่อนายกรัฐมนตรี ในด้านการรักษาอธิปไตยของชาติ วันนี้มีกลักฐานประจักษ์ชัด ชายแดนเต็มไปด้วยรถถังกองทัพกัมพูชาแสดงว่าเขาพร้อมที่จะต่อกรกับไทย อย่างไรก็ดี ยังดีใจที่เห็นแม่ทัพภาค 2 ปรับเวลาการซ้อมรบให้เร็วขึ้น ต้องขอปรบมือให้กองทัพภาค 2 ในการนี้ขอฝากเรียนไปถึง กองทัพทหารเรือด้วย ท่านสามารถปรับเวลาซ้อมรบให้เร็วขึ้นได้เช่นเดียวกัน พร้อมกับฝากถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพ ว่า ท่านต้องช่วยนายกฯ รัฐมนตรี ทำให้เจตนารมเป็นจริง 1.เอาธงชาติกัมพูชาลงจากวัดพระแก้ว 2.ต้องไม่ทำให้เกิดการรุกล้ำตามแนวเขตชายแดน