“สนธิ”เปิดความในใจ ซัดพวกผู้ดีฉวยโอกาสห้อยโหนพันธมิตรฯ ร่วมขับไล่ “แม้ว”หวังรักษาสถานภาพตัวเอง พอได้นายกฯ มาเป็นตัวแทน ช่วยกันปกป้องไม่ลืมหูลืมตา เมินปัญหาเรื่องเขตแดนที่กระทบชาวบ้าน ลั่นพร้อมสู้กับใครนามสกุลไหนก็ตามที่ไม่รับผิดชอบต่อบ้านเมือง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายสนธิ ลิ้มทองกุล"
วันนี้(28ม.ค.) เมื่อเวลา 21.30 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยได้เล่าว่าครั้งหนึ่งตนเคยสอนหลานเรื่องการมีแฟน โดยบอกว่า เวลาดูผู้ชายอย่าดูแค่ว่าหล่อหรือไม่หล่อ เพราะคนหล่อร้อยละ 95 หล่อแต่กินไม่ได้ และมีแนวโน้มว่าจะเป็นคนหลอกลวง หรือไม่จำเป็นต้องเป็นคนรวย ถ้ารววยแล้งงก ไม่มีจริยธรรมก็ไม่ควรเอาเป็นแฟน ส่วนผู้ชายที่ควรจะมาเป็นแฟนนั้นต้องเป็นคนรับผิดชอบ ดูแลตัวเราและแม่เราด้วย
นายสนธิกล่าวต่อว่า ที่พูดนี้ไม่ได้ตั้งใจพูดถึงนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แต่เมื่อมองย้อนหลังแล้วปัญหาของสังคมไทยเป็นปัญหาของผู้มีอำนาจที่มีส่วนชี้เป็นชี้ตายต่อสังคมแต่ขาดซึ่งความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง ดังนั้นคำพูดที่เอาไว้สอนลูกหลานจึงสามารถนำมาใช้ได้ตลอดเวลา
นายสนธิ กล่าวว่า ตนรู้สึกอบอุ่นที่ได้มาอยู่กับพี่น้อง เพราะเป็นคนชนชั้นเดียวกัน หาเช้ากินค่ำเหมือนกัน ไม่ได้เป็นผู้ดีจบอีตันจบอ็อกซฟอร์ดมา และอยากจะพูดความในใจที่อยากจะพูดมานานแล้ว ตั้งแต่การชุมนุม 193 วัน แต่วันนี้จะขอพูด เพราะถึงอย่างไรก็ไม่เผาผีกันแล้ว คือในช่วงที่เราต่อสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีคนมาร่วมต่อสู้กับพวกเรามากกมาย เพราะชนชั้นบางชนชั้นที่มีอภิสิทธิ์ พวกนามสกุลใหญ่ๆ กลัว พ.ต.ท.ทักษิณจะทำลายสถานภาพของพวกเขา ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณใหญ่ขึ้นมา เขาจะพังทลายลงไป แต่เพราะความเป็นผู้ดีตีนแดง จึงไม่กล้าลุกขึ้นมาสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ พอมีไอ้ลูกเจ๊กลูกจีนอย่างพวกเราออกมา จึงเข้ามาขอโหนหน่อย แต่พอมีคนที่จบจากอีตันมาเป็นตัวแทน กระดูกจึงอ่อนระทวยไปหมด ทำอะไรก็ไม่ผิด พอมีปัญหาเรื่องดินแดน พี่น้องชาวบ้านมาร้องไห้เรื่องที่ดินทำกิน ก็ไม่สนใจ เพราะเป็นคนละชนชั้น และมาห้อยโหนพวกเราเท่านั้น
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ตนจึงรู้สึกอบอุ่นใจที่สุดตั้งแต่ประท้วงมา เพราะนี่คือพี่น้องเราแท้ๆ ที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมา เราไม่ได้สู้กับใคร แต่เราสู้เพื่อความถูกต้อง จะเป็นใครก็ตามขึ้นมา จะเป็นชื่ออะไรก็ได้ แต่ขอให้มีความรับผิดชอบต่อชาติบ้านเมือง รับผิดชอบต่อสถาบันกษัตริย์ รับผิดชอบต่อประชาชนคนไทย แต่คนไหนไม่รับผิดชอบแล้วทำเป็นอันตรายต่อชาติบ้านเมือง เราก็ต้องสู้มัน
“ชาติบ้านเมือง มันมีแบ่งด้วยหรือว่า เวชชาชีวะ จะดีกว่า ลิ้มทองกุล มันไม่มี มันอยู่ที่นี่พี่น้อง เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้ถือว่าเป็นวันที่ผมระบายความในใจให้ฟัง ผมอึดอัดใจมาตั้งแต่ 193 วันแล้ว แต่ผมไม่พูด ผมลงจากเวทีทีไร 193 วัน เห็นกษิต ภิรมย์ นั่งรอที่จะขึ้นเวที วันนั้นก็ยังมองเขาในแง่ดี กระทั่งวันนี้ถึงรู้ว่าอ๋อ ไอ้ห้อยไอ้โหนนี่เอง”นายสนธิกล่าว
คำต่อคำ “สนธิ ลิ้มทองกุล”ปราศรัย
สนธิ- พี่น้องครับ เดี๋ยวผมขอแซงคิวบักหำใหญ่หน่อยนะครับ เพราะว่าเดี๋ยวอาจจะมีรอบดึกอีกทีขึ้นมาให้พ่อแม่พี่น้อง
เมื่อกี้นี้ไอ้คนข้างล่างคนหนึ่งชื่อยายฮวง เป็นโปรดิวเซอร์ มันบอกว่า ลูกใครวะขึ้นมา ประเดี๋ยวพ่อมันขึ้นมา พ่อมันตายแน่ๆ ก็ขออนุญาตพูดเรื่องครอบครัวนิดหนึ่ง แต่ว่าก็เกี่ยวพันกับส่วนรวม เมื่อกี๊นี้ลูกชายผมได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนแล้วว่าเขาได้เลือกชีวิตและทางเดินไปแบบนี้ ผมมีลูกชายอยู่คนเดียว ผมก็เป็นห่วงเขาเพราะว่าชีวิตเขาไม่มีภูมิคุ้มกันเหมือนผม เขาไม่เคยต้องสู้ ไม่เคยต้องคดีเยอะแยะไปหมด สมัยที่ผมเรียนหนังสือ ผมต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 ไปขายโดนัทที่หน้ามหาวิทยาลัย 2 ชั่วโมง แล้วก็ไปเรียนตอนเช้าเพื่อทานอาหารเช้าฟรีแล้วได้เงินด้วย 11 โมงครึ่ง ต้องไปล้างชามในมหา'ลัย ร้านอาหาร เพื่อทานข้าวเที่ยง พอตกเย็น 6 โมงเย็น ก็ทำงานห้องสมุด เพื่อให้ได้ตังค์และเรียนหนังสือไปด้วย ชีวิตผมต่อสู้มาตลอดเหมือนชีวิตพี่น้องที่นั่งอยู่ในที่นี้ทุกคน ชีวิตผมไม่ได้ผ่านโรงเรียนผู้ดี อย่างเช่น โรงเรียนอีต้ม จริงๆแล้วชื่ออีตั้น แต่ว่าบักหำใหญ่เขาบอกว่า พี่สนธิ ไอ้มาร์คมันจบอีต้ม เพราะมันต้มคนไทย พอกลับมาเมืองไทยก็ต่อสู้ในวงการตลอด วิ่งแลกเช็ก เช็กเด้ง หนังสือพิมพ์หากระดาษพิมพ์ตลอดเวลา สู้มา ส่วนลูกชายผมนั้น เด็กๆก็เรียนสาธิตประสานมิตร ต่อสาธิตปทุมวัน แล้วไปจบไฮสคูลที่ออสเตรเลีย แล้วไปจบปริญญาตรีที่นั่น ในชีวิตเขา เขาไม่ต้องปากกัดตีนถีบเหมือนผม เมื่อเขาจบมาแล้ว ในช่วงของการต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมืองในยามวิกฤตที่จะเป็นจะตายเอา ผมถามเขาคำเดียว ผมบอกว่าให้เลือกชีวิตเดินจากนี้ต่อไป ถ้าปั๊บจะเดินของปั๊บเอง ไม่อยากมายุ่งทำงานแบบป๋า คือครอบครัวเราเรียกป๋า เรียกลูก คือไม่ได้เรียกว่าพ่อ ปั๊บมีสิทธิ์ปั๊บก็ไปทำหนังสือ นิตยสารอะไรที่ไม่เกี่ยวกับการเมือง ให้เวลาเลือกให้เวลาคิด 1 ปี หลังจากนั้นเขากลับมา เขาก็มาบอกว่า เขาตัดสินใจที่จะทำ ASTV News 1 และผู้จัดการต่อ ทีนี้ทำก็ทำได้ แต่ถ้าขึ้นเวทีมาแล้วประกาศตนเป็นศัตรูกับคนผู้มีอำนาจนั้น เป็นเรื่องที่ชัดเจนมากกว่าการอยู่เบื้องหลัง ในการที่จะทำ แต่วันนี้เขาได้เลือกทางเดินที่แน่นอนแล้ว ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเขาในอนาคตเหมือนที่เกิดขึ้นกับพ่อเขา เขาต้องยอมรับมันไป
พี่น้องครับวันนี้ผมมีหลานสาวคนหนึ่ง กับแม่ของเขาบินมาจากเมืองแอดดิเลด ประเทศออสเตรเลีย จบปริญญาตรี แล้วจะเรียนปริญญาโท ก็มาขอคำแนะนำว่าควรจะทำวิทยานิพนธ์เรื่องอะไร ก็พูดสอนหลานไปจนกระทั่ง ผมก็ถามหลานว่า มีแฟนหรือยัง เขาบอกมีแล้ว ผมก็บอกว่า ให้ลุงสอนอะไรหน่อยไหม เขาบอกได้ เขาบอกว่าเวลาดูผู้ชาย อย่าไปดูที่หล่อหรือไม่หล่อ เพราะว่าร้อยละ 90 อาจจะถึงร้อยละ 95 คนหล่อนี่กินไม่ได้ แล้วมีแนวโน้มจะหลอกเรา 100% ที่พูดออกไปไม่ใช่พูดครั้งแรก ลูกหลานที่เป็นผู้หญิงมาขอคำแนะนำ ผมจะพูดอย่างนี้ตลอด อย่าไปดูว่าหล่อหรือไม่หล่อ และอย่าดูว่ารวยหรือไม่รวย เพราะว่าคนรวยนั้น รวยแล้วไม่มีน้ำใจ ไม่มีความหมาย ถ้าหล่อแล้วเชี้ย รวยแล้วงก อย่าไปมีมันดีกว่าหลานเอ๊ย หลานคนนี้ชื่อ แสตมป์ เขามีน้องชายคนชื่อ สตางค์ เขาบอก ลุงแล้วจะดูคนแบบไหน แสตมป์ ให้ท่องนะโมไว้เลย นะโมตัสสะ ผู้ชายที่จะมาอยู่ในชีวิตลูกนั้น ต้องเป็นคนที่รับผิดชอบ รับผิดชอบต่อตัวเอง เมื่อเขาจะมารับผิดชอบตัวเราแล้ว ถ้าเขารู้ว่าเราอยู่กับแม่และน้องชาย 3 คน เพราะว่าพ่อมีเมียน้อยอยู่อีกบ้าน เขาก็ต้องรู้ว่า แม่เลี้ยงลูก 2 คนมาด้วยความลำบาก เขาต้องรู้ว่า เวลาแม่ของแสตมป์ลำบากเขาต้องช่วยรับผิดชอบแม่แสตมป์ด้วย ไม่ใช่เขามาเอาแสตมป์มันๆ แล้วแม่เดือดร้อนไม่สนใจไม่ได้ คนเราต้องรับผิดชอบ
ที่ผมเล่าเรื่องนี้ให้ฟังมันเหมือนเหตุบังเอิญพี่น้อง ที่พูดเนี้ย ไม่ได้ตั้งใจพูดถึงอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่เมื่อมามองย้อนหลังแล้ว ปัญหาของสังคมไทยปัญหาชาติบ้านเมือง และปัญหาของคนไทยที่มีอำนาจ ที่มีสิทธิ์ชี้เป็นชี้ตาย ที่ต้องรับผิดชอบต่อประเทศชาติ รับผิดชอบต่อประชาชนคนไทย มันขาดซึ่งความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง เพราะฉะนั้นแล้วคำสอนลูกหลานนั้น เมื่อเอามาใช้ในชีวิตประจำวัน มันใช้ได้ตลอดเวลา ทำไมผมถึงบอกเมื่อวานนี้ว่าผมมีความรู้สึกอบอุ่นกับพ่อแม่พี่น้อง เพราะว่าพวกเรามันชนชั้นเดียวกัน พวกเรามันคนหาเช้ากินค่ำ พวกเรามันเป็นคนที่ยินด้วยลำแข้งตัวเอง พวกเราไม่มีเส้น ไม่มีวงศ์สกุลเก่าๆ ไม่ได้จบอีต้ม ไม่ได้จบออกซ์ฟอร์ด ไม่ได้จบบ้าบอคอแตก ไม่ได้เป็นลูกเจ้าพระยา ผมถึงบอกว่าวันนี้เป็นวันที่ผมกลับบ้านของผมจริงๆ เพราะว่าผมกลับมาหาพี่น้องที่แท้จริงครับ
ผมเคยทบทวนตัวเองพี่น้อง ว่าทำไมเวลาเราสู้กับทักษิณนั้น มีคนเข้ามาร่วมเราเยอะแยะไปหมด พอเหตุการณ์ผ่านมาเรื่อยๆ ผมคิดอย่างนี้ของผมมานานแล้ว แต่ผมไม่พูด ไหนๆก็วันนี้แล้ว ถึงขั้นที่เรียกว่าเราไม่ต้องเผาผีกันแล้ว จะเล่าความในใจให้ฟัง ที่ต้องพูดเช่นนี้เพราะว่า ทักษิณนั้น เป็นอันตรายต่อสถานภาพของชนชั้นบางชนชั้นในสังคมไทย ด้วยเหตุนี้เขากลัวว่า ถ้าทักษิณใหญ่ขึ้นมาครองประเทศ ชนชั้นอภิสิทธิ์ต่างๆ ที่มีอภิสิทธิ์ ที่มีสกุลใหญ่ๆ ที่มีหม่อมหลวง หม่อมราชวงศ์ที่มีร่วมชุมนุมกับเรา จะโดนทักษิณทำลายไป แต่ความที่เป็นผู้ดีตีนแดงตะแคงตีนเดิน ก็ไม่กล้าลุกขึ้นมาสู้ทักษิณ พอมาเจอลูกเจ๊กบ้าคนหนึ่งขึ้นมา ขอโหนหน่อยๆ เข้าใจหรือยังพี่น้อง พี่น้องเริ่มเห็นภาพหรือยัง พอมีไอ้คนจบมาจากอีต้ม มาเป็นตัวแทน กระดูกกระเดี๊ยวอ่อนละทวยไปหมด โอ๊ย..เทพบุตรของฉัน เทพบุตรของฉัน เทพบุตรของฉัน ทำอะไรก็ไม่ผิด ทำอะไรก็ไม่ผิด ตดก็หอม ขี้ก็หอม พอมาถึงเรื่องชาติบ้านเมือง เสียดินแดน ชาวบ้านที่มาขึ้นเวทีนี้โดนโกงที่ดิน โกงดินแดง โดนยึดที่ไป พูดไปน้ำตาไหลไป พวกนี้ไม่สนใจ เพราะพวกนี้เป็นชนชั้นศักดินา และพวกนี้ชอบห้อยโหน และพวกนี้ก็บอกว่าอีต้มของฉันไม่ผิด วันนี้ชัดเจนหรือยังพี่น้อง เข้าใจแล้วใช่ไหมพี่น้อง เข้าใจหรือยังว่า สนธิ ลิ้มทองกุล ไอ้ลูกเจ๊กคนนี้ ทำไมมันถึงบอกว่า มันรู้สึกอบอุ่นใจที่สุดตั้งแต่ประท้วงมา เพราะนี่คือพี่น้องเราแท้ๆ ที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมา เพราะฉะนั้นแล้วพี่น้อง อย่างที่ผมพูดว่าวันแรก เราไม่ได้สู้กับใคร แต่เราสู้เพื่อความถูกต้อง จะเป็นใครก็ตามขึ้นมา จะเป็นชื่ออะไรก็ได้ จะจบอีตุ้มหรือจะจบมาแตหลอ ได้ทั้งนั้น ขึ้นมาแต่ขอให้มีความรับผิดชอบต่อชาติบ้านเมือง รับผิดชอบต่อสถาบันกษัตริย์ รับผิดชอบต่อประชาชนคนไทย แต่ถ้าอ้ายหรืออีคนไหนมันไม่รับผิดชอบแล้วมันทำอะไรก็จะเป็นอันตรายต่อชาติบ้านเมือง ต่อให้มันจบจากอีตูด เราก็ต้องสู้มัน เพราะฉะนั้นแล้ว ความถูกต้อง ความถูกต้อง และชาติบ้านเมือง มันมีแบ่งด้วยหรือว่า เวชชาชีวะ จะดีกว่า ลิ้มทองกุล มันไม่มี มันอยู่ที่นี่พี่น้อง เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้ถือว่าเป็นวันที่ผมระบายความในใจให้ฟัง ผมอึดอัดใจมาตั้งแต่ 193 วันแล้ว แต่ผมไม่พูด ผมลงจากเวทีทีไร 193 วันเ ห็นกษิต ภิรมย์ นั่งรอที่จะขึ้นเวที วันนี้ก็ยังบอกเขาในแง่ดี กระทั่งวันนี้ถึงรู้ว่าอ๋อ ไอ้ห้อยไอ้โหนนี่เอง ในที่สุดก็จบลงด้วยไอ้ห้อยไอ้โหน โกหกอย่างหน้าด้านๆ
วันนี้ กษิต ภิรมย์ พิมพ์ทวิตเตอร์มา บอกว่า ข้อ 3 ที่ประชาชนพันธมิตรฯ เรียกร้องให้ผลักดันทหารเขมรออกไปนั้น มันไปบิดเบือนบอกว่า เราจะผลักดันให้แรงงานเขมรทุกคนออกจากประเทศไทย ฟังมันซิ วันนี้คนที่บ้านกษิต บอกว่า กษิต ภิรมย์ เองก็เปลี่ยนไป เขาพูดเอง ภรรยาร้องไห้ คุณต่าย เป็นคนดีมาก ใจอยู่กับพวกเรา แต่เสือกมีผัวชื่อกษิต ภิรมย์ แล้วคนที่อยู่ใกล้กษิต บอกว่า สงสัยกษิตจะโดนของเขมร ผมว่าไม่โดนของเขมรหรอก ผมว่าโดนของสุราษฎร์ฯมากกว่พี่น้องเอ้ย
พี่น้องครับ ผมขออนุญาตพี่น้องนิดหนึ่ง พี่นอ้งมุสลิมครับ อัสลามุอะลัยกุม ขออนุญาตพี่น้องชาวพุทธนิดหนึ่ง ผมขอความสงบ 30 วินาที เพื่ออะไรเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง อยากให้ตั้งจิต ส่งจิตให้ 2 คน องค์แรกคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ องค์ที่ 2 คือ หลวงตามหาบัว ขอให้ท่านหายเร็วๆ เพราะหลวงตาท่านอาพาธหนักมากตอนนี้ ท่านเป็นเสาหลักของพระสายหลวงปู่มั่น และเป็นเสาหลักของพระป่า และท่านเป็นเสาหลักของวงการสงฆ์ ขอ 30 วินาที ให้เงียบสงบ ระหว่างเงียบนั้นพอผมนับเริ่มได้ ขอให้พี่น้องตั้งจิตอธิษฐานเงียบๆ ขอให้ทั้ง 2 พระองค์ ทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และหลวงตามหาบัว จงหายดีนะครับ เริ่มได้ครับ 30 วินาที ขอบพระคุณมากครับพี่น้องครับ
พี่น้องครับ พวกเราพร้อมใจกันปรบมือให้เสียงปรบมือและจิตของเราล่องลอยไปเพื่อให้กำลังใจคุณวีระ และคุณราตรี ปรบมือครับ หวังว่าเสียงปรบมือนี้จะให้กำลังใจคุณวีระ และคุณราตรี มีจิตใจที่เข้มแข็ง อย่าไปย่อท้อ อย่าไปยอมแพ้ พวกเราทุกคนพร้อมจะให้กำลังใจคุณวีระ และคุณราตรี ตลอดไปครับ ขอบพระคุณครับพี่น้องครับ