xs
xsm
sm
md
lg

“กษิต” ตัดเยื่อใยพันธมิตรฯ ป้อง MOU 43 - ปัดถอนตัวมรดกโลก โวย พธม.ทำตัวเป็นทารก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“กษิต” ปัดทุกข้อเรียกร้องพันธมิตรฯ ชักแม่น้ำทั้งห้า อ้างต้องทำให้อาเซียนไร้พรมแดน ช่วยกัมพูชาให้มั่งคั่ง เพราะต้องพึ่งพาอาศัยกัน โวยังเป็น “กษิต” คนเดิม แต่ให้ทำตามใจแกนนำพันธมิตรฯ จะไม่ทำ โวยกลับอย่าทำตัวเป็นทารก ย้ำไม่ฉีกเอ็มโอยู 43 ไม่ถอนตัวมรดกโลก ยังมีบัญชีโบราณสถานแหล่งธรรมชาติรอขึ้นบัญชีอีกเพียบ จวก พธม.อย่าเอาการเมืองระหว่างประเทศมาเล่นการเมืองภายใน


นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ “เนชั่นแชนแนล” เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น.ที่ผ่านมา กรณีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกเอ็มโอยู 2543 ที่ทำไว้กับกัมพูชาเรื่องการจัดทำเขตแดน ให้ถอนตัวจากการเป็นภาคีมรดกโลก และผลักดันชุมชนกัมพูชาที่รุกล้ำดินแดนไทยออกไปว่า เป็นพันธกรณีในสหประชาชาติ และการสร้างประชาคมอาเซียนไร้พรมแดนที่เราจะต้องช่วยเหลือกัมพูชา เพราะถ้ามีความมั่งคั่งในกัมพูชา อาชญากรรมต่างชาติในไทยก็น้อยลง แรงงานผิดกฎหมาย การขนของเถื่อน หรือลักลอบส่งออกน้ำมันตามแนวชายแดนก็หมดไป เราก็อยากให้อีกไม่นานนี้ เราเป็นเหมือนสหภาพยุโรปที่ทุกอย่างมีความเคลื่อนไหวอย่างเสรี มีความเสมอภาคในการดำรงชีวิต แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อย เช่น เรื่องโรคเอดส์ โรคมาลาเรีย มันต้องอาศัยการร่วมมือกันในการป้องกัน นอกจากนี้ การบริโภคสินค้าในกัมพูชา 60-70% มาจากไทย คนเขมรเข้ามาเที่ยวไทย 1 ปีประมาณ 1 แสน 3 หมื่นคน โรงแรม-ที่ท่องเที่ยวก็ได้ประโยชน์ แล้วเราจะยกกำลังไปประชิดชายแดนหรือเปล่า

นายกษิตกล่าวต่อว่า กลุ่มการเมืองมีสิทธิอะไร ที่จะไปบอกว่า ต้องปิดพรมแดน ไม่ต้องทำมาค้าขาย ไม่ต้องให้นักท่องเที่ยวเขามาเที่ยว เพื่อที่จะเอาเขาให้อยู่หมัดให้ได้ เรื่องของการเสียศักดิ์ศรีหรือไม่ มันเป็นเรื่องของการตีความ การทำตัวเป็นผู้หลักผู้ใหญ่สุขุมคัมภีรภาพและอดทน นั่นคือความเป็นศักดิ์ศรีของสังคมที่มีวัฒนธรรม มีความเป็นพุทธมานับพันปี

“ศักดิ์ศรีอยู่ที่ความสุขุมคัมภีรภาพ ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ อย่าทำตนเป็นทารก อย่าทำตนด้วยอารมณ์อะไรต่างๆ เหล่านี้ นั่นคือแนวทางภายใต้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ใช่เป็นรัฐบาลที่จะรบราฆ่าฟัน ดูถูกดูแคลนดูหมิ่นเพื่อนบ้าน เขาก็เป็นคนเหมือนกัน ประเพณีวัฒนธรรม ก็มาจากรากฐานเดียวกัน ฮินดู พุทธ แทบจะแยกแยะไม่ได้ เพราะมีการผสมผสานแลกเปลี่ยนกันไปมา ไม่มีใครเป็นเจ้าของอะไรทั้งสิ้น เพราะคำว่ารัฐชาติ Nation State มันเพิ่งมี 200 ปีที่ผ่านมา

ถ้าเราเอาความเหมือนความคล้ายมาเป็นตัวตั้ง ซึ่งจะมีประมาณ 90-95% มันจะเหมือนกันระหว่างเขมร-ไทย จะเอาจุดต่างหรือความขัดแย้งมาเป็นตัวตั้งเพื่อจะลบล้าง 95 ที่เหมือนกันได้หรือ พี่น้องที่ต้องทำมาค้าขายตลอดแนวชายแดน 700 กิโลเมตร แล้วก็ผลประโยชน์ทางทะเลที่เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกที่เราสามารถขุดมาใช้ได้”

นายกษิตกล่าวต่อว่า ทุกอย่างขึ้นกับวิธีการดำเนินนโยายที่ไม่ใช่ต่างคนต่างอยู่ หรือเผชิญหน้า แต่ต้องอดกลั้นตั้งอกใจค่อยๆ แก้ปัญหาไป แล้วเราก็มีกรอบเจบีซี และกรอบดำเนินความสัมพันธ์ ซึ่งตนมีกำหนดวันที่ 3-4 ต้องไปกัมพูชา จะบอกว่ารบกันให้เสร็จก่อนค่อยไปหรือเปล่า เราไม่ทำ อันนี้เป็นวิธีทางที่ถูกต้องมากกว่า และเราจะไม่ให้กระทบเทือนธุรกิจหรือบริษัทของคนไทยที่เข้าไปค้าขชายและลงทุนในกัมพูชา

นายกษิตอ้างอีกว่า ถ้าการเชื่อมโยงการคมนาคมในภูมิภาคเกิดขึ้นได้ ถนนสะดวก เกิด East-West Corridor สามารถขนส่งสินค้าจากเวียดนามไปเมืองทวายในพม่าได้ ก็จะเกิดการขายตัวของอุตสาหกรรม โรงงานอุตสาหกรรมในไทยที่ค่าแรงสูงขึ้นก็อาจไปตั้งในกัมพูชา เวียดนาม หรือพม่า ปัจจุบันแรงงานประมง แรงงานเก็บลำไย เงาะ ในบ้านเรามีไม่พอ รวมทั้งแรงงานภาคบริการก็ต้องใช้แรงงานกัมพูชา เพราะฉะนั้นชาวกัมพูชาจึงมีส่วนในเศรษฐกิจไทย เราต้องพึ่งพากัน จะไล่เขากลับไปก็ได้ แต่ใครจะทำงานในสวน ในเรือประมง เพราะคนงานไทยไปทำงานที่ใช้ฝีมือมากขึ้น แต่ในเรือประมง ในโรงงาน ต้องใช้แรงงานกัมพูชา-พม่าเป็นหลัก ส่วนการทำให้เป็นระบบก็ต้องมาช่วยกัน ทั้งกระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และ ตม.ต้องช่วยกัน ไม่ให้มีการขูดรีด เอาเปรียบ หรือการค้ามนุษย์

“ตัวผมเองไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร อะไรมันถูกต้องก็ต้องวเอาเป็นหลัก ไม่ว่าจะอยู่บนเวทีพันธมิตรฯ หรือไม่อยู่บนเวทีพันธมิตรฯ ก็เป็นนายกษิตคนเดิม แต่จะให้ไปทำอะไรตามอำเภอใจของแกนนำพันธมิตรฯ ก็ต้องขอตอบปฏิเสธว่าไม่เห็นด้วย ไม่เอากับนโยบายของการฉีกเอ็มโอยู 43 และถอนตัวเองจากคณะกรรมการมรดกโลก เราเองก็มีบัญชีรายชื่อสถานที่ วัดวาอาราม โบาราณสถาน ความสวยงามทางธรรมชาติ ที่จะขอเข้าไปบรรจุในบัญชีมรดกโลกอีกมากมาย

ผมคิดว่า ตัวผมเองหรือแกนนำพันธมิตรฯ ไม่มีสิทธิไปบอกว่าจังหวัดนี้ อบต.นี้ หรือ อบจ.นี้ ไม่มีสิทธิไปยื่นสิ่งที่สวยงาม สิ่งที่มีค่าทางประวัติศาสตร์ต่อคณะกรรมการมรดกโลกที่กรุงปารีส เรามีความมภูมิใจที่อยุธยา สุโขทัย หรือที่อื่นๆ ก็ดี ได้ถูกบรรจุไว้ในบัญชีมรดกโลก นำมาซึ่งการท่องเที่ยว การบูรณะปฏิสังขรณ์ รักษาทำนุบำรุงโบราณสถานของเรา เพราะเรามีพันธกรณี ขณะเดียวกันเราก็มีความภาคภูมิใจในการที่จะให้โลกได้รู้จักประเพณีวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์อันยาวนานของเรา ความสวยงามทางธรรมชาติของเรา ที่เข้าไปติดอันดับโลกได้ สิ่งเหล่านี้เป็นพันธกรณีของเราที่จะส่งเสริม

เอาเรื่องความในใจบางเรื่อง เอาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มาเล่นการเมืองภายใน เอาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมายุ่งกับการเมืองไทย วิสัยอุปนิสัยใจคอของคนไทยไม่น่าจะเป็นแบบนี้ เรามีความคิดต่างความเห็นต่างได้ แต่ดึงเอาประเทศที่สามเข้ามาเป็นวาระของการเมืองภายในมันสร้างความสับสน สร้างความแตกแยก ภายในสังคมไทยเอง และก็ทำให้เราต้องทะเลาะเบาะแว้ง เพื่อนบ้านไม่จบไม่สิ้น ถ้าเผื่อไม่เอาเรื่องกัมพูชา จะเอาพม่าก็ได้ครับ เพราะเขาเคยเผาอยุธยามา 2 ครั้ง ก็อาจจะมีกลุ่มทการเมืองเอาเรื่องนี้มาเล่นกับพม่า” นายกษิตกล่าว

นอกจากนี้ วันเดียวกัน นายกษิตได้โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า “เราอย่าเอาเรื่องต่างประเทศ หรือความสัมพันธ์สองฝ่ายมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองภายใน มันเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ถ้าจะสู้กันต้องสู้กันในเรื่องนโยบาย หน้าที่ของผมคือ เสริมสร้างความสัมพันธ์ ไม่มีหน้าที่ทำสงครามครับ ผมขอรับประกัน 100% จะไม่มีการเสียดินแดน ตราบใดที่การเจรจายังไม่เสร็จ ก็ไม่มีการเสียดินแดน เราไม่ควรทำอะไรด้วยอารมณ์ ขึงขังก็ยกทัพโยธามันก็ทำได้ง่าย แต่การบริโภคในกัมพูชาประมาณ 60-70% ใช้สินค้าไทย ผู้ประกอบการคนไทยได้รับความเสียหาย พม่าโดยเฉพาะในรัฐฉาน ในลาว ประเทศไทย บางส่วนของเวียดนามตอนเหนือ ประเทศจีนตอนใต้ รวมไปถึงรัฐอัสสัมของอินเดีย จะมีการใช้ “เชียง” นำหน้าชื่อเมือง ซึ่งมีวัฒนธรรมที่เหมือนกันคือ “งานสงกรานต์” เราจะจัดให้มีงานสงกรานต์ในชาติเหล่านี้ โดยมีเครือข่ายถ่ายทอดใน 4-5 ประเทศ เพื่อให้ประชาชนได้เห็นวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกัน เพื่อเสริมความใกล้ชิด ส่งเสริมการท่องเที่ยว การทำมาค้าขาย และที่สำคัญคือการส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสันติภาพ เราจะทำสงกรานต์ด้วยกัน แต่ไม่ทำสงคราม”






กำลังโหลดความคิดเห็น