“มาร์ค” เชื่อ เขมรมอง “วีระ” ทำผิดซ้ำซาก จึงไม่ให้ประกันตัว ส่อนอนคุกจนคดีจบในสัปดาห์นี้ ลั่นหากชัดเจนเมื่อไหร่รัฐบาลพร้อมกำหนดท่าทีที่เหมาะสมทันที และพร้อมชี้แจงทุกอย่าง ยันช่วย 7 คนไทย และรักษาประโยชน์ของประเทศชาติเต็มที่แล้ว กำชับเจ้าหน้าที่เคลียร์ถนนหน้าทำเนียบ หวั่นครหาสองมาตรฐาน ไม่สนกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ผนึกก๊กแดงไล่รัฐบาล อ้างมาตามระบบก็ต้องไปตามระบบ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 18 ม.ค.ไม่ได้มีการหยิบยกกรณีปัญหา 7 คนไทยถูกทางการกัมพูชาจับกุม อย่างที่ทราบกันแล้ว ศาลอุทธรณ์ ณ กรุงพนมเปญ กัมพูชา พิจารณาให้ประกันตัว 4 คนไทย ซึ่งได้แก่ 1.น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ผู้สื่อข่าวเอฟเอ็มทีวี 2.นายกชพลธรณ์ ชุสนะเสวี ผู้ช่วย ส.ส.นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ 3.ร.ท.แซมดิน เลิศบุศย์ คนสนิท พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ 4.นายตายแน่ มุ่งมาจน ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์เอฟเอ็มทีวี ในเครือข่ายกลุ่มสันติอโศก ยกเว้น นายวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ซึ่งตนได้มีโอกาสสนทนากับ ร.ท.แซมดิน ถามทุกข์สุข และได้ให้กำลังใจ ยืนยันว่า รัฐบาลเดินหน้าในการช่วยเหลือทุกราย จะค้างอยู่ 1 ราย เราจะพยายามให้คนไทยกลับมาประเทศโดยเร็วที่สุด และบอกว่า ได้รับการดูแลจากสถานทูตเป็นอย่างดี ทางกระทรวงการต่างประเทศ ก็บอกว่า จะพยายามดูแล เช่น เรื่องของแพทย์ก็จะส่งไปดูแลเพิ่มเติม และเข้าใจว่า คดีน่าจะจบได้ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งเราก็หวังอย่างนั้น เพราะทางกัมพูชามีความชัดเจนมากขึ้น
ส่วนช่องทางในการช่วยเหลือ นายวีระ นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การฎีกาช่วยนายวีระในเรื่องของการประกันตัว ฉะนั้น เข้าใจว่า ตัวคดีจะมีการตัดสินในระยะเวลาอันสั้นอยู่แล้ว หลังจากนั้นต้องมาประเมินว่า จะทำอย่างไร ส่วนมีอะไรที่แตกต่างออกมาไป เพราะคดีจารกรรมของนางราตรี ได้รับการประกันตัว แต่ นายวีระ ไม่ได้ประกันตัวนั้น ตรงนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดเหตุผลในการให้หรือไม่ให้การประกันตัวรายละเอียดเป็นอย่างไร เข้าใจว่า เป็นเรื่องของข้อหาที่หนักกว่า แต่ว่า นางราตรี ได้รับการประกันตัวก็ต้องไปดูอีกที
เมื่อถามว่า เป็นเพราะทัศนคติของกัมพูชาต่อตัวนายวีระ หรือเปล่า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราต้องไปดูเหตุผลที่กัมพูชาให้มาอีกที ซึ่งกัมพูชา มองว่า ไม่ได้เป็นการกระทำผิดครั้งแรก ทำนองนั้น
ส่วนที่มองว่า การกัมพูชาเก็บนายวีระไว้คนหนึ่ง ทำให้เกิดผลการเมืองภายในประเทศไทยเองนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่างที่เรียนการประกันตัวรัฐบาลเดินหน้าหาทางช่วยเหลือ เมื่อคดีมีความชัดเจน รัฐบาลจะกำหนดท่าทีที่เหมาะสมต่อไป เมื่อถามว่า จะทำอย่างไรถ้าคำให้การของ นายวีระ สวนทางกับความพยายามในการช่วยเหลือของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้เป็นเรื่องของกระบวนการของศาล เป็นเรื่องของคู่ความ อันนั้นก็ว่าไปตามคดี ส่วนรัฐบาลจะรอซึ่งคาดว่าอีกไม่นาน เมื่อคดีมีความชัดเจนในส่วนของศาล ซึ่งเป็นที่ยุติแล้ว เราก็จะดูว่า จะเดินหน้าอย่างไร และเป็นไปได้ที่การประกันตัวของนายวีระจะไม่แล้วเสร็จก่อนที่ศาลจะมีการตัดสิน แต่ทั้งนี้ ได้มีการพูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้องแล้วว่า ทันทีที่มีคำตัดสินออกมารัฐบาลก็ต้องกำหนดท่าที เพราะตอนนี้ก็เป็นเรื่องฝ่ายบริหาร ต้องรอดูการตัดสิน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันหรือไม่ว่าหากคำตัดสินมีอะไรมาละเมิดหรือเกี่ยวข้องอธิปไตยของไทยเราไม่ยอม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การตัดสินแล้วละเมิดอธิปไตยไม่มีอะไรทราบล่วงหน้าได้ แต่เราได้เตรียมไว้ทุกทาง เมื่อถามว่า ที่นายกรัฐมนตรี เคยบอกว่า ถ้าสถานการณ์คลี่คลายไปแล้วระดับหนึ่ง จะชี้แจงด้วยตัวเอง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใช่ครับ ถ้ามีการตัดสินคดีก็พร้อมที่จะชี้แจงในเรื่องนี้
ส่วนการเคลื่อนไหวของ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ขอให้นายกรัฐมนตรี ลาออกนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ขอยืนยันว่า รัฐบาลก็ได้ดำเนินการช่วยเหลือคนไทยอย่างเต็มที่ และรักษาประโยชน์ของประเทศไทยแน่นอน และอยากย้ำว่า รายละเอียดทั้งหมดเมื่อมีความชัดเจนขึ้นมาในส่วนของศาลฝ่ายกัมพูชา รัฐบาลก็จะแถลงจุดยืนต่างๆ ก็ขอให้ได้ฟังข้อมูลได้ครบทุกด้านก่อน และต้องย้ำว่า การแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ถ้าเรามองเฉพาะจุดเดียว เรื่องเดียว บางทีมันก็ไม่สามารถไปแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสม ต้องคำนึงในปัญหาในพื้นที่อื่นๆ ที่มีลักษณะเหมือนกัน อาจจะกลับทางกันบ้าง อะไรบ้าง ซึ่งตนจะชี้แจงเมื่อมีความชัดเจนในการตัดสิน
ส่วนที่กลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ระบุว่า จะปิดถนนหน้าทำเนียบจนกว่านายกฯจะลาออกนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้เรียนไปแล้วเรื่องการปิดถนนทำไม่ได้ ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอยู่ ได้กำชับไปแล้วว่า ต้องดำเนินการอย่างเข้มงวด มิฉะนั้น กลุ่มอื่นๆ ก็จะตำหนิได้ ไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ เมื่อถามว่า จำเป็นต้องมีการประกาศพื้นที่ความมั่นคงตามพระราชบัญญัติความมั่นคงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังหรอกครับ เพราะการปิดถนนก็เป็นการผิดกฎหมายปกติอยู่แล้ว และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องดำเนินการ
ส่วนที่แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะชุมนุมในวันที่ 23 ม.ค.และทางกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะชุมนุมในวันที่ 25 ม.ค.นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เริ่มมีการวมกันบ้างแล้วที่เห็นในข่าว ก็เป็นสิทธิของแต่ละฝ่ายที่ตัดสินใจ อย่างที่ตนเรียนว่า รัฐบาลมีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหา ประเด็นของทางกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการยุบสภา จนก็ให้แนวทางไว้ค่อนข้างชัดเจน และขณะนี้ก็กำลังเดินและหวังว่าทางสภาเรื่องรัฐธรรมนูญ สอบถามถึงประธานกรรมาธิการ ท่านก็พยายามเร่งให้เต็มที่อยู่แล้ว เพื่อให้เป็นข้อยุติไป และต้องช่วยกันทำให้บ้านเมืองไม่มีปัญหา ก็ไปเลือกตั้งกันได้
ส่วนกรณีของกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งติดใจในเรื่องของกัมพูชาเป็นหลักนั้น ตนก็เรียนแล้วว่า พร้อมที่จะชี้แจง แต่ขอให้มีจังหวะและเวลาที่เหมาะสม เพราะว่าเบื้องต้นสิ่งที่เราต้องการก่อน คือช่วยเหลือ 7 คนไทย ที่ถูกจับตัวไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทั้งสองม็อบนี้มีเป้าหมายเดียวกัน คือ ล้มรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ธรรมดา ถ้าเขาไม่พอใจ เขาก็อยากให้มีการเปลี่ยนแปลง เมื่อถามต่อว่า กลัวหรือไม่ว่าทั้งสองม็อบจะจับมือกันเฉพาะกิจเพื่อล้มรัฐบาลหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของเขา เราก็ห้ามไม่ได้ เมื่อถามต่อว่า การรวมกันของสองกลุ่มนี้จะเป็นปัญหาที่ทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้ หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลมา แล้วก็ไปตามระบบ ฉะนั้นก็อยู่ที่ตัวระบบ