“โฆษกมาร์ค” ปฏิเสธจัดฉากสร้างสถานการณ์จับการ์ดแดงเตรียมระเบิดถล่มพันธมิตรฯ อ้างไม่มีใครรับจ้างเอาชีวิตมาเสี่ยงการกระทำที่มีโทษถึงประหารชีวิต แนะพันธมิตรฯ คิดให้ดี ที่ผ่านมาถูกกระทำจนสูญเสียเท่าไหร่เมื่อเทียบกับ นปช.ซัด “นพเหล่” เล่นงานรัฐบาลกลบความผิดตัวเองที่เกือบทำให้ไทยเสียดินแดน
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการจับการ์ดคนเสื้อแดง พร้อมระเบิดและอาวุธที่เตรียมก่อเหตุในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่ถูกแกนนำพันธมิตรฯ และแกนนำกลุ่ม นปช.หรือกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวหาว่ารัฐบาลสร้างสถานการณ์ว่า อยากเรียนว่าไม่มีเหตุผลใดที่รัฐบาลต้องสร้างสถานการณ์ขึ้นมา เพื่อมาแก้ปัญหาและรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ที่แกนนำ นปช.มาปฏิเสธก็ถือว่าเป็นสูตรสำเร็จ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวมีหลักฐานชัดเจนที่เกี่ยวข้องกับการ์ด นปช. อาทิ การระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น ที่เป็นพฤติกรรมที่อยู่ในขบวนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งสิ้น ซึ่งผู้ถูกจับยอมรับว่าอยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดง
ทั้งนี้ เชื่อว่ากลุ่มที่ถูกจับกุมไม่ใช่รายสุดท้าย เพราะอาจมีการแฝงตัวในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพียงแต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปจับกุมได้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่สามารถจ้างใครมาทำ หรือสร้างสถานการณ์ดังกล่าว เพราะโทษสูงสุดคือการประหารชีวิต ดังนั้นคงไม่มีใครเอาชีวิตมาเสี่ยง
นายเทพไทกล่าวว่า การที่แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ บางส่วนออกมาบอกว่าเป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อไม่ให้กลุ่มพันธมิตรฯ มาชุมนุมนั้น ตนอยากถามว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ผ่านมามีผู้ก่อเหตุให้เกิดความรุนแรงจนมีผู้สูญเสียจำนวนมาก ต่างจากการชุมนุมของกลุ่มคนแดงที่ไม่มีใครมาก่อเหตุการณ์รุนแรงใดๆ มีแต่เกิดรอบนอก เพราฉะนั้นจะมาตั้งว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ อยากให้กลับไปดูการสูญเสียที่ผ่านมา
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาพาดพิงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในเรื่องแก้ไขปัญหาเขตชายแดนว่า นายกรัฐมนตรีไม่มีความสามารถบังคับศาลกัมพูชาปล่อยตัว 7 คนไทยได้ ตนอยากเรียนว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้ที่เคารพกฎหมาย อธิปไตยไทย และประเทศอื่น การที่จะให้นายกรัฐมนตรีใช้วิธีการผิดกฎหมาย กดดันอธิปไตยเพื่อนบ้านนายกฯ ไม่ทำ ถ้าหากเราต้องการให้เขาเคารพกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย เราก็ต้องเคารพกระบวนการยุติธรรมในประเทศเพื่อนบ้านด้วย
“การที่นายนพดลออกมาพูดในลักษณะทวงบุญคุณนายกฯ ว่า หากไม่มีรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ และนายนพดล เป็น รมว.ต่างประเทศ ก็คงไม่สามารถเจรจาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนได้ ตนอยากให้สังคมดูว่าสมัยที่นายสมัครเป็นนายกฯ และนายนพดลเป็น รมว.ต่างประเทศ ได้สร้างวีรกรรมอะไรไว้บ้าง โดยเฉพาะ รมว.ต่างประเทศ ที่ทำให้ไทยเกือบเสียดินแดน รวมถึงคดีต่างๆ ที่เป็นพยานหลักฐาน และอยากเรียนว่านายนพดลไม่ควรเอาความผิดของตัวเองมาปกปิด และโยนความรับผิดชอบให้กับผู้อื่น”
นายเทพไทกล่าวถึงการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 2 ซึ่งอยากให้สังคมจับตามองการเล่นเกมการเมืองของพรรคเพื่อไทย ที่ก่อนหน้าประกาศไม่ร่วมการแก้ไข แต่ก็มีสมาชิกพรรคเพื่อไทยหลายคนลุกขึ้นอภิปรายแสดงความเห็น ต่อการแปรญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้น อยากให้จับตามองเรื่องเขตเลือกตั้ง ที่พรรคเพื่อไทยจะเข้าร่วมการพิจารณาคัดค้านร่างคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์เสียหน้า และจะล้มสูตร ครม.ที่ได้เข้าวาระ 3 พรรคเพื่อไทยก็จะไม่รับร่าง หรือบอยคอต จนร่าง ครม.ตกไป เพื่อกลับไปใช้รัฐธรรมนูญ 50 ตามที่ต้องการ ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐบาลจับตาการเคลื่อนไหวของฝ่ายค้านในการเล่นเกมการเมืองเพื่อประโยชน์ตัวเอง
