นายกฯ แจงเหตุผลการจัดทำงบประมาณกลางปี เพื่อชดใช้เงินคงคลัง หลังจากที่ประเมินการจัดเก็บรายได้ทั้งปีทะลุเป้า 1.2 แสนล้านบาท อ้างถือเป็นความรับผิดชอบเพื่อปลดเปลื้องภาระการจัดทำงบฯให้รัฐบาลชุดต่อไป
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์"
วันนี้ (23 ม.ค.) ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง 11 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ว่า สำหรับการทำงานในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานะครับ เรื่องที่มีความสำคัญเรื่องหนึ่งก็คือ เรื่องของการเตรียมการจัดทำงบประมาณ งบประมาณในที่นี้ก็มี 2 ส่วนด้วยกันค ส่วนแรกก็คือ เรื่องของงบประมาณกลางปี คืองบประมาณเพิ่มเติม มีการตั้งคำถามหรืออาจจะมีข้อสงสัยกันมากว่ารัฐบาลทำไมจึงจะมีการจัดทำงบประมาณกลางปีหรืองบประมาณเพิ่มเติม คำตอบก็คือว่าในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณนี้ หรือในไตรมาสแรก 3 เดือนแรกนี้ ตัวเลขที่มีการยืนยันในเรื่องของการจัดเก็บรายได้เกินเป้าหมายที่ได้คาดการณ์เอาไว้ในการนำเสนองบประมาณประจำปีเมื่อช่วงปีที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือว่ามีการคำนวณกันคร่าวๆ จากตัวเลข 3 เดือน 4 เดือนที่ผ่านมาว่า ตลอดทั้งปีในที่สุดแล้วเราจะสามารถจัดเก็บรายได้เกินเป้าหมายถึงประมาณ 120,000 ล้านบาท ซึ่งก็ถือว่าเป็นเงินจำนวนมากพอสมควร เมื่อเราสามารถเก็บเงินได้เพิ่มขึ้นก็จะมีการจัดทำงบประมาณกลางปี แต่ว่าเป็นการทำงบประมาณกลางปีเพื่อที่จะดูแลในเรื่องของวินัย ความหมายก็คือว่าการจัดงบประมาณกลางปีนั้น รายการใหญ่ที่เป็นรายการสำคัญที่สุดในงบประมาณกลางปี คือการจัดงบประมาณชดใช้เงินคงคลัง
นายกฯ กล่าวต่อว่า พูดง่ายๆ ก็คือในช่วงที่เราประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ เราได้มีการจัดทำงบประมาณขาดดุล ก็ทำให้มีหนี้หรือมีการเอาเงินออกมาใช้ ซึ่งต้องมีการชดใช้เงินคงคลัง เพราะฉะนั้นการจัดงบประมาณกลางปีที่เรามีเงินเพิ่มขึ้นมาประมาณ 120,000 ล้านนั้น 84,000 ล้านจะนำไปชดใช้เงินคงคลัง ซึ่งหมายความว่าเมื่อเราทำสิ่งนี้แล้ว เวลาที่เราจัดทำงบประมาณสำหรับปีหน้าซึ่งเป็นปีงบประมาณปีหน้าก็คือเริ่มต้นตุลาคมในปีนี้ เราก็จะไม่มีภาระในเรื่องของการที่จะต้องเอางบประมาณมาชดใช้เงินคงคลังตรงนี้ถึง 84,000 ล้าน เพราะฉะนั้น งบประมาณปี 55 ซึ่งจะเริ่มต้นตุลาคม 54 แล้วพูดกันตามตรงก็คือน่าจะเป็นงบประมาณซึ่งรัฐบาลชุดต่อไปจะเป็นผู้นำเอาไปใช้ รัฐบาลชุดต่อไปก็จะได้หมดจากภาระในเรื่องของการที่จะต้องตั้งเงินชดใช้เงินคงคลัง ตรงนี้ถือว่าเป็นการแสดงความรับผิดชอบของรัฐบาลนี้ในการที่จะปลดเปลื้องภาระตรงนี้ออกไปเสีย เพื่อที่จะให้การจัดงบประมาณในปีหน้า ซึ่งเป็นเรื่องของรัฐบาลใหม่ที่จะต้องเข้ามาใช้นี้ จะได้สามารถปลอดภาระจากตรงนี้ได้ และก็เป็นการยืนยันให้เห็นว่าการทำงานของรัฐบาลในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น แม้ว่าเราจำเป็นจะต้องมีการใช้งบประมาณขาดดุล มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เราสามารถทำให้เศรษฐกิจขยายตัวและจัดเก็บรายได้เกินเป้าหมาย จนสามารถทำให้เรามีความมั่นคงมากขึ้นในเรื่องของฐานะทางด้านการเงินการคลัง
นายกฯ กล่าวอีกว่า เมื่อเรามีการจัดตั้งงบประมาณกลางปีตรงนี้แล้ว 84,000 ล้านบาทจะไปชดใช้เงินคงคลังนั้น ตามกฎหมายนี้รัฐบาลจะต้องมีการจัดเงินให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย เรามีตัวเลขว่าเงินที่ในปีงบประมาณนี้จัดไว้สำหรับเรื่องของเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และเบี้ยคนพิการนั้น มีการมาขึ้นทะเบียนเกินกว่าจำนวนที่ตั้งไว้ในงบประมาณ เพราะฉะนั้น ในส่วนของเงินที่จะจัดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตรงนี้ ก็คือเพื่อที่จะไปสนับสนุนให้สามารถจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและคนพิการได้อย่างครบถ้วน และเป็นไปตามกฎหมายในเรื่องของสัดส่วนของเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม พอเข้าสู่ปีงบประมาณปี 2555 ผมก็จะได้เริ่มถอดรายการเหล่านี้ออกมาจากการนับเป็นเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลา 2 ปีงบประมาณในการที่จะถอดตัวเลขตรงนี้ออกมา เพราะว่าเนื่องจากว่าทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็มองว่าแม้จะเป็นผู้ที่บริหารเงินในส่วนนี้อยู่ก็ตาม แต่ว่าก็เป็นเงินที่จ่ายตามนโยบายของรัฐบาลกลาง ซึ่งเราก็จะดำเนินการไป แต่สำหรับปีนี้เมื่อตั้งเอาไว้ในส่วนของท้องถิ่น และมีความจำเป็นในการจัดงบประมาณกลางปี ก็จะได้มีการดำเนินการจัดเพิ่มงบเพิ่มเติม เพื่อให้ครบถ้วนสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบที่จะให้มีโครงการที่จะต้องมีการใช้เงินในการฟื้นฟูจากปัญหาน้ำท่วม จากการที่ก่อนหน้านี้ขอให้ทุกหน่วยราชการไปปรับลดงบประมาณหรือไปปรับเงินงบประมาณซึ่งกันไว้เหลื่อมปี เพื่อที่จะมาสนับสนุนการฟื้นฟูโครงการต่างๆ และได้ให้มีการส่งโครงการทั้งหมดไปที่คณะกรรมการที่ดูแลในเรื่องของการน้ำท่วม ซึ่งมีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานอยู่ เพราะฉะนั้น โครงการที่เรามาพิจารณาเพื่อที่จะจัดสรรงบประมาณกลางปีนั้นจะเป็นโครงการซึ่งมีการเสนอไว้ต่อคณะกรรมการชุดนั้นก่อนวันที่ 31 ธันวาคมทั้งสิ้น โดยเฉพาะในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน ถ้าจะมีเพิ่มเติมหลังจาก 31 ธันวาคม จะมีเฉพาะกรณีที่ได้ไปจัดทำแผนในเรื่องของการป้องกันน้ำท่วมสำหรับที่ จ.ลพบุรี ที่โคราช และที่ อ.หาดใหญ่ แต่ว่าที่เหลือนั้นจะต้องเป็นโครงการซึ่งเคยเสนอไว้แล้ว และได้ดูกันอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าไม่สามารถที่จะปรับงบปกติจากหน่วยงานต่าง ๆ มาได้ และที่สำคัญก็คือจะต้องมีการดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปีงบประมาณนี้เท่านั้น
นายกฯ กล่าวว่า ล่าสุดนี้ได้รับรายงานมาว่า ตัวเลขจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้าน เพราะฉะนั้นงบประมาณกลางปีนี้ตัวเลขทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 100,000 ล้าน บวกลบเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง ซึ่งก็ถือว่าน้อยกว่าการจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นคือ 120,000 ล้าน ส่วนในปีงบประมาณ 2555 นั้น ก็ชัดเจนเช่นเดียวกันครับว่า ทางกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ ได้มีการพิจารณากันแล้วก็กำหนดเอาไว้ว่าจะมีการปรับลดการขาดดุลงบประมาณ ทั้งตัวเลขที่เป็นสัดส่วนเทียบกับงบประมาณ เทียบกับ GDP ทั้งตัวเลขที่ขาดดุลจริง ปีที่แล้วมีการตั้งงบประมาณขาดดุลไว้ 400,000 กว่าล้านนะครับ ปีนี้ขณะนี้ล่าสุดก็ตกลงกันแล้ว จะลดลงมาอยู่ที่ 350,000 ล้าน เพราะฉะนั้นก็จะเป็นไปตามแนวทางซึ่งรัฐบาลได้กำหนดไว้ครับว่า เรากำลังจะปรับงบประมาณให้เข้าสู่การสมดุล ซึ่งตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะสามารถทำได้ภายใน 4 ปีข้างหน้า เพราะฉะนั้นอยากจะเรียนว่าตรงนี้เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้และมั่นใจว่าในแง่ของเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ หลังจากที่เราได้กอบกู้ผ่านพ้นวิกฤตมา ขณะนี้การมุ่งเข้าสู่การปรับให้มีวินัยทางการเงินการคลังนั้นรัฐบาลเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง