“สุเทพ” ระบุเขมรให้ประกัน “พนิช-นฤมล” ถือเป็นสัญญาณที่ดี ลุ้นได้รับไมตรีปล่อยเพิ่มคนไทย ลั่นกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติไม่มีสิทธิปักหลักชุมนุมขู่บังคับให้ “มาร์ค” ลาออก กร้าวห้ามเคลื่อนกำลังไปปิดด่านชายแดน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลแก้ปัญหาการชุมนุมประท้วงขับไล่นายอภิสิทธิ์ เวชชชีวะ นายกรัฐมนตรี ของกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ที่ก่อปัญหาการจราจรติดขัดว่า เราเป็นประเทศประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพที่จะแสดงออกทางความคิดตามความเชื่อของแต่ละคน เพียงแต่ขอให้การแสดงออกนั้นอยู่ในกรอบของกฎหมาย และไม่ไปสร้างปัญหาให้ประชาชน หรือทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนและได้รับความกระทบกระเทือนต่อการดำรงชีวิต หากเป็นอย่างนั้นก็ไม่เป็นปัญหาอะไร อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจนครบาลจะต้องคอยดูแลพูดคุยไม่ให้การชุมนุมนั้นเกิดปัญหาหรือผลกระทบต่อการจราจร
ส่วนการชุมนุมที่ตั้งเงื่อนไขว่าจะชุมนุมกันจนกว่านายกรัฐมนตรีจะลาออกคิดว่าเป็นเงื่อนไขที่รับได้หรือไม่นั้น นายุสเทพกล่าวว่า ระบอบประชาธิปไตยคงไม่ใช้วีธีขู่บังคับกันอย่างนั้น แต่ต้องว่าไปตามกฎเกณฑ์กติกา การชุมนุมประท้วงสามารถทำได้ แต่ถ้าจะชุมนุมประท้วงแล้วมากำหนดว่ารัฐบาลต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้คงไม่ได้ ทั่วโลกก็ไม่ทำอย่างนั้น ส่วนการชุมนุมของกลุ่มนี้จะยืดเยื้อไปจนถึงวันที่มีการเลือกตั้งหรือไม่นั้น ตนไม่คิดอะไรมาก และแก้ปัญหาไปตามสถานการณ์ พยายามมองโลกในแง่ดีว่าทุกคนเป็นเจ้าของประเทศด้วยกนทั้งนั้น ทุกคนต้องมีความรัก ความเป็นห่วงต่อบ้านเมือง คงจะรู้ดีว่าทำแค่ไหนถึงจะพอดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มผู้ชุมนุมเตรียมเคลื่อนกำลังไปปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาจะยิ่งทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้น นายุสเทพกล่าวว่า คงเป็นอย่างนั้นไม่ได้ จะไปปิดชายแดนด้วยกำลังของประชาชน เพราะการปิดหรือเปิดชายแดนเป็นเรื่องของรัฐบาล
ต่อข้อถามว่าจะมีการพูดคุยทำความเข้าใจกับกลุ่มคนเหล่านี้หรือไม่ เพราะคนไทยอีก 5 คนยังไม่ได้รับการประกันตัว อาจจะได้รับผลกระทบ นายสุเทพกล่าวว่า ประชาชนส่วนใหญ่ก็ตึงเครียดไปกับเรื่องนี้ด้วย เพราะเข้าใจสถานการณ์และพอใจในสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการพูดคุยเจรจาแก้ไขปัญหา ทั้งนี้คงต้องมีเจ้าหน้าที่ไปพูดคุยทำความเข้าใจกับคนเหล่านั้น ส่วนการปล่อยตัวคนไทยที่เหลือนั้น กระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียด
“เราหวังว่าจะได้รับไมตรีจากฝ่ายกัมพูชา และการที่ศาลได้อนุญาตให้ประกันตัวแล้ว 2 คนก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี แต่ผมยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ มีเพียงนายกรัฐมนตรีที่ได้พูดคุยกับนายพนิชแล้วและเล่าให้ผมฟังว่าได้โทรศัพท์พูดคุยกันแล้ว แต่ผมไม่ได้ถามรายละเอียด ส่วนสถานภาพการเป็น ส.ส.ของนายพนิชนั้นจนถึงขณะนี้ยังไมได้มีการพูดคุยกันและยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
นายสุเทพกล่าวว่า การที่ศาลให้ประกันตัว 2 คนไทยโดยมีเงื่อนไขนั้น ตนถือว่าเป็นเรื่องปกติของศาลเช่นเดียวกับศาลไทยที่เวลาให้ประกันตัวก็จะมีการกำหนดเงื่อนไขเช่นเดียวกัน อย่างกรณีของนายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตแกนนนำ นปช.ก็ได้รับการประกันตัวอย่างมีเงื่อนไข ส่วนที่มองว่าศาลไทยมีสองมาตรฐานเลือกปฏิบัติ เพราะยังมีการปล่อยให้นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ผู้ต้องหาในคดีกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ประท้วงปิดสนามบิน ออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมทางการเมืองได้นั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ศาลไทยไม่ได้เลือกปฏิบัติ และปฏิบัติด้วยเหตุด้วยผล กรณีของนายไชยวัฒน์เข้าใจว่าคดียังไม่ไปถึงชั้นศาล
สำหรับการส่งตัวนักโทษชาวกัมพูชากลับไปดำเนินคดีในกัมพูชาที่หลายคนมองว่าเป็นการแลกเปลี่ยนนักโทษกันนั้น ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการแลกเปลี่ยนนักโทษอย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ แต่เป็นการดำเนินการมาก่อนหน้านี้แล้วเพียงแต่จังหวะเวลามันพอดีกัน